แม้ความฝันวัยเด็กอยากจะเป็นหมอเหมือนคุณพ่อ เพื่อมาสานต่อธุรกิจด้านเสริมความงาม แต่พามงคล ฉายาวิจิตรศิลป์ ลูกชายโทนในบรรดาพี่น้อง 4 คน ของ นพ.มนัส ฉายาวิจิตรศิลป์ ศัลยแพทย์ชื่อดังเจ้าของศูนย์ความงาม เมโกะ คลินิก ก็ค้นหาเส้นทางเดินของตัวเองจนพบ และมุ่งมั่นกับเส้นทางนั้นอย่างน่าชื่นชม จนกลายมาเป็นนักธุรกิจหนุ่ม (หล่อ) รุ่นใหม่ที่น่าจับตามอง
พามงคล ฉายาวิจิตรศิลป์ มีชื่อเล่นน่ารักสมตัวว่า “พั้ม” เรียนจบปริญญาตรีในเวลาเพียงสามปีครึ่ง สาขาไฟแนนซ์ มหาวิทยาลัยโอเรกอน สเตท สหรัฐอเมริกา “พั้ม” ก็กลับมาเมืองไทย พร้อมเริ่มต้นธุรกิจที่ท้าทายในฐานะนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ทันที หนุ่มพั้มบอกว่า ตนเองฉายแววความเป็นนักธุรกิจมาตั้งแต่เด็ก
“จริงๆ ผมมีแววของการเป็นนักธุรกิจตั้งแต่เด็กๆ แล้วครับ อย่างตอนเรียนอยู่ชั้นประถม 2 อยากได้เงินซื้อขนมเพิ่ม ก็ไปซื้อทรายสีๆ จากสำเพ็งมากรอกใส่ขวดขายหน้าโรงเรียน ปรากฏว่าได้กำไรดี โตขึ้นมาหน่อยเลยซื้อขนมมาขายให้เพื่อนๆ ในห้องเรียนบ้าง จนกระทั่งไปเรียนต่อที่อเมริกา ตอนนั้นที่บ้านจะซื้อรถยนต์ให้ แต่ผมอยากได้ BMW สปอร์ต รุ่น Z3 ก็ขายของในอินเตอร์เนต (eBay) จนสามารถเก็บเงินซื้อรถสปอร์ตในฝันคันแรกได้เอง”
ธุรกิจแรกในฐานะนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ คือ โรงแรมเชดอนสาทร ที่สามารถตอบสนองกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่เทรนดี้ และชาวต่างชาติที่เดินทางมาติดต่อธุรกิจหรือมาเที่ยวย่านสีลม สาทร
“ผมมองว่าทำเลสาทรยังขาดโรงแรมแบบ Design hotel ที่ราคาใกล้เคียงโรงแรมสามดาว ผมจึงลงทุนเทคโอเวอร์โรงแรมเก่า แล้วเลือกเชนโรงแรมชั้นนำมาบริหาร โดยใช้หลักบริหารแบบจ้างโปรเฟสชั่นนอลแต่ละด้านมาทำงานแทนทั้งด้านดีไซน์ ด้านบริหารจัดการ เพราะเชื่อว่าการใช้โปรเฟสชั่นนอลเหมือนการใช้ครูเก่งๆ แต่ละวิชามาสอน ถามว่าเด็กจะประสบความสำเร็จทุกคนไหม บอกได้เลยว่า ไม่แต่อย่างน้อยการได้เรียนกับครูเก่งๆ ก็เป็นปัจจัยเสริมที่สำคัญและเป็นโอกาสที่ดี”
หนุ่มพั้ม บอกอีกว่า ตอนนี้โรงแรมเชดอนสาทร ดำเนินธุรกิจมาได้ 5 ปีแล้ว ถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่ตนเองวางไว้แล้ว ตอนนี้จึงขอแบ่งเวลานำความรู้ความสามารถจากธุรกิจอสังหาฯ มาช่วยคุณพ่อดูแลธุรกิจของความงามของครอบครัว ในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด เมโกะ คลินิก
“ปฏิเสธไม่ได้ว่าคุณพ่อเป็นศัลยแพทย์ที่ก่อตั้ง สร้างชื่อเสียง และแสดงฝีมือให้ลูกค้าประทับใจ เมโกะ คลินิก มายาวนานกว่า 30 ปีแล้ว ผมในฐานะเจนเนอเรชั่นใหม่ จึงเข้ามาเสริมทัพเรื่องการตลาด การขยายสาขาเพิ่ม ปัจจุบันเมโกะ คลินิก มีทั้งหมด 5 สาขาแล้ว พร้อมดูเรื่องระบบการบริหารจัดการ พัฒนาบุคลากรแต่ละแผนก รวมถึงเพิ่มบุคลากรเฉพาะทางมากขึ้น เพื่อให้เมโกะเป็นศูนย์ความงามอินเตอร์เนชั่นแนล ไฮเอนด์ โดยยึดหลักการบริหารแบบ minimize conflict (มินิไมซ์ คอนฟลิคท์) คือ พยายามลดความขัดแย้งกับทุกฝ่าย ทั้งครอบครัว พนักงานและลูกค้า ผมมองว่าพนักงานเป็นซอฟต์แวร์หลักที่ทำให้บริษัทขับเคลื่อน ส่วนลูกค้าก็คนสำคัญที่ต้องได้รับบริการที่ดีที่สุด”
ปัจจุบัน เมโกะ คลินิก มี 5 สาขา ได้แก่ สาขาจตุจักร สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ สาขาฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต สาขาเซ็นทรัลพระราม 2 สาขาเดอะมอลล์ บางกะปิ ซึ่งทุกสาขามีเครื่องมือและอุปกรณ์ในการให้บริการ รวมทั้ง เครื่องเลเซอร์ที่ทันสมัย ได้มาตรฐาน และเป็นที่ยอมรับระดับสากล นับตั้งแต่การดูแลผิวพรรณที่มีหลากหลายวิธี เริ่มจากการทำทรีทเม้นท์ ไปจนถึงการดูแลผิวด้วยเลเซอร์ รวมทั้งการปรับเปลี่ยนรูปหน้า และสัดส่วน เช่น การเสริมหน้าอก เสริมจมูก ทำตา 2 ชั้น หรือการลดสัดส่วนด้วยคลื่นวิทยุ ที่เรียกว่า Vaser Lipo Selection ซึ่งกำลังนิยมแพร่หลายกันอยู่ในขณะนี้
สำหรับ เป้าหมายทางธุรกิจ พั้ม บอกว่า ทำให้ดีที่สุด อยู่ในจุดที่ Risk และ Return ตัดกันชัดเจน คือ ไม่ลงทุนสูงเกินไป เติบโตช้าๆ อย่างยั่งยืน เพื่อไม่ให้เกิดภาวะเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบธุรกิจ
“ด้วย ความที่ผมทำงานตั้งแต่อายุยังน้อย ก็เลยมีอุปสรรคเรื่องอายุบ้าง บางคนอาจมองว่าเราเด็ก ขาดประสบการณ์ แต่ผมก็ใช้หลักเหตุผลในการทำงาน เรื่องไหนที่ไม่รู้ ก็พร้อมรับฟัง ยินดีแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ผมยึดปรัชญาในการดำเนินชีวิต คือ ท้อได้ ถอยได้ แต่เมื่อถอยแล้วต้องหันกลับไปมองภาพกว้าง แล้วเดินกลับมาใหม่ให้ได้”
ฟัง ดูแม้จะถ่อมตัวยกใหญ่ แต่ก็มีความเชื่อมั่นอยู่ในตัวเองอย่างเต็มเปี่ยม...แล้วเราคงจะได้เห็น เมโกะ คลินิก สาขาที่ 6 ที่ 7 ตามมาเร็วๆ นี้ อย่างแน่นอนใช่ไหมคะ !
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี