แนวหน้าวาไรตี สัปดาห์นี้ดร.เฉลิมชัย ยอดมาลัย ผู้ดำเนินรายการ จะพาคุณๆ ไปพูดคุยกับ คุณหญิงทรงสุดา ยอดมณี สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กับ ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย “แม่-ลูก” ที่พูดคุยกันได้ทุกเรื่อง โดยไม่มีความลับต่อกัน
คุณแม่รายนี้พูดถึงลูกชายเมื่อครั้งยังเป็นเด็กน้อยว่า ในสมัยเด็กๆ ก้องจะซนมาก ซึ่งเรียกว่าซนไปตามวัยของเด็ก จำได้ว่าตอนที่ก้องอายุขวบกว่าๆ ครอบครัวของเราไปอาศัยอยู่ที่นครบอสตัน สหรัฐอเมริกา วันหนึ่งครอบครัวเราไปทานน้ำชาช่วงบ่ายด้วยกัน ระหว่างที่กำลังดื่มชาและคุยกันกับคนในครอบครัว ก้องก็ถือขวดนมเล่นไปเล่นมาแล้วเขาก็ยืนขวดนมไปที่หน้าต่าง แล้วทำขวดนมหล่นลงไป (ไม่แน่ใจว่าทำหล่นหรือจงใจโยนลงไป หัวเราะ) พวกเรานั่งกันที่ชั้นสี่เมื่อก้องทำขวดนมหล่นลงไป เขาก็ร้องจะเอาขวดนมคืน เรามองลงไปเห็นว่าขวดนมหล่นไปตกที่หลังคารถยนต์ที่จอดอยู่ริมถนน โชคดีที่ไม่ตกลงไปถูกศีรษะใคร หลังจากนั้นเราก็เห็นว่าเจ้าของรถออกมาดูขวดนมแล้วก็โวยวายว่าขวดนมมาจากไหน หลังจากนั้นเราก็ลงไปขอโทษเขา และบอกว่าเด็กทำขวดนมหล่นลงไป เรื่องราวก็จบลงด้วยดี เราก็นำขวดนมกลับคืนมาให้ก้อง แต่เขาก็พยายามจะเล่นเหมือนเดิมอีก ซึ่งเราก็ต้องห้าม แต่สิ่งที่เราเห็นในวันนั้นมันเหมือนกับภาพยนตร์ฝรั่งเรื่องหนึ่งที่เราเคยดู โดยเฉพาะฉากที่เด็กทำขวดนมตกลงไปจากบ้านชั้นบน แล้วร้องไห้จะเอาขวดนมคืน ไม่แน่ใจว่าก้องดูหนังเรื่องนั้นแล้วเอาแบบหรือเปล่า แต่คงจะเด็กเกินไป และไม่สามารถเลียนแบบได้ แต่คงทำไปตามความซนของเด็ก
"แม่ต้องมีเวลาสำหรับดูแล อบรม สั่งสอน และเลี้ยงดูลูก แม้แม่ในยุคนี้จะต้องทำงานนอกบ้านเพื่อช่วยกันหารายได้เพื่อเลี้ยงดูครอบครัวก็ตาม แม่จะอ้างว่าไม่มีเวลาเลี้ยงดูลูกไม่ได้ ต้องมีเวลาให้กับลูก สอนการบ้านลูก ทานข้าวกับลูกและมีเวลาพูดคุยแบ่งปันเรื่องราวดีๆ กับลูกทุกๆ วัน โดยเฉพาะในช่วงที่ลูกกำลังเติบโต การพูดคุยและการใกล้ชิดกันระหว่างแม่กับลูกคือการสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีของครอบครัว และสายสัมพันธ์ที่ดีของสังคม"
คุณหญิงทรงสุดา ยอดมณี
ดร.ก้องศักด บอกว่า ในวัยเด็กนั้นครอบครัวของตนมีพี่น้องผู้ชายสามคม“ผมเป็นลูกคนกลาง พี่น้องสามคนเป็นผู้ชาย เพราะฉะนั้นก็คงจะซนใช้ได้เลยแหละ” เวลาพวกเราเล่นกันก็จะไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไรนักของเล่นก็จะกระจัดกระจาย รกไปทั้งห้อง แล้วเมื่อคุณแม่มาเห็นว่าเราเล่นแล้วไม่เก็บของเล่น ก็จะถูกเอ็ด ถูกดุเป็นประจำ แต่คุณแม่ไม่เคยตีพวกเรา คุณแม่จะสอนด้วยคำพูด และทำให้เราสำนึกได้ว่าเราทำผิด โดยเฉพาะการเล่นแล้วไม่เก็บข้าวของให้เรียบร้อยจำได้ว่าน้ำเสียงของคุณแม่ที่ดุพวกเรานั้นมีหลายระดับ ตั้งแต่บ่นเบาๆ ไปจนถึงทำเสียงเข้มเมื่อพวกเราได้ยินเสียงเข้มๆ ของคุณแม่เท่านั้นแหละ พวกเราก็ต้องช่วยกันเก็บของเล่นโดยทันที
สมัยที่พวกเราเด็กๆ นั้น เราสามพี่น้องจะมีห้องของเล่น แล้วก็เล่นกันภายในห้องสามคน เล่นกันไปสนุกกันไปข้าวของกระจายรกเต็มห้อง แล้วก็ไม่เก็บ เมื่อคุณแม่มาเห็นว่าห้องรถมาก วันหนึ่งคุณแม่ก็นำป้ายที่เขียนด้วยลายมือตัวโตๆ ว่า “ของเล่นนี้ มีไว้ให้คนเล่น แต่จะเป็นคนหรือไม่ใคร่รู้ยิ่ง” แล้วคุณแม่ก็สอนว่า เล่นแล้วต้องเก็บของเล่นให้เป็นระเบียบ แต่ถ้าเล่นแล้วไม่เก็บ ทำให้ห้องรก พวกเราสามคนก็จะถูกห้ามเล่นอีกต่อไป ดังนั้นเมื่อเวลาพวกเราเล่นแล้วรก พวกเราก็ต้องช่วยกันเก็บเพื่อที่จะได้เล่นอีกครั้งหน้า
"คำอบรมสั่งสอนด้วยความรักและความเมตตาของแม่ ผสมกับต้นแบบจากการกระทำที่ดีของแม่ที่ทำให้ลูกเห็นเป็นประจำ เครื่องสิ่งที่ช่วยให้ลูกเรียนรู้และเติบโตเป็นคนดีของสังคม"
ดร.ก้องศักด ยอดมณี
นี่คือคำสั่งสอนของคุณแม่ที่ช่วยทำให้ผมและพี่น้องรู้จักระเบียบภายในบ้านเมื่อโตขึ้น บ้านของผมก็จะดูมีระเบียบพอสมควร เพราะผมถูกปลูกฝังจากคำสอนของคุณแม่มาตั้งแต่ผมยังเป็นเด็ก เรื่องนี้ถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น คุณตาผม (จอมพล ถนอม กิตติขจร) ท่านก็เป็นแบบนั้นคุณแม่ผมก็ถูกสอนมาแบบนั้น ท่านก็พยายามถ่ายทอดให้ถึงลูกๆ พวกเราไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเรื่องยากลำบากอะไรกับการทำตามคำสอน เพราะเห็นว่าทำแล้วรู้สึกดีไม่ต้องต่อต้าน นี่คือสิ่งที่ผมได้รับการปลูกฝังจากคุณแม่
คุณหญิงทรงสุดา เล่าเสริมว่า คุณแม่ของดิฉัน (ท่านผู้หญิงจงกล กิตติขจร)ท่านจะสอนเราในแบบของท่าน โดยท่านจะทำให้ดูเป็นตัวอย่าง อย่างเช่นการดูแลคุณพ่อ คุณแม่จะเอาใจใส่ซึ่งกันและกันเป็นอย่างมาก ดิฉันได้เรียนรู้จากตรงนี้ หรือแม้แต่การใช้ชีวิตคู่ บางทีท่านทั้งสองมีความคิดที่ต่างกัน มีการโต้เถียงกันบ้าง แต่ไม่เคยเห็นท่านทั้งสองโกรธกันข้ามวันข้ามคืนดิฉันถูกสอนว่า “เราต้องไตร่ตรองความคิดและการกระทำของตัวเองเสมอ ถ้ารู้ว่าเป็นฝ่ายผิด เราก็ต้องขอโทษ” ซึ่งสิ่งนี้ดิฉันรับรู้ได้จากการกระทำของท่านทั้งสอง และนำมาเป็นแบบอย่างในการใช้ชีวิตคู่ของดิฉัน
คุณหญิงทรงสุดายังให้มุมมองต่อปัญหาสังคมในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะเรื่องคุณแม่วัยใส หรือท้องก่อนวัยอันควร โดยกล่าวว่า เรื่องนี้สังคมต้องให้ความรู้ด้านเรื่องเพศศึกษาที่เหมาะสมและเป็นกันเองกับวัยรุ่นทุกคน ต้องให้วัยรุ่นรับรู้และเข้าใจเรื่องนี้ต้องสอนให้เขาป้องกันการท้องก่อนวัยอันควรไม่ควรทำให้เด็กวัยรุ่นมองว่าการเรียนรู้เรื่องเพศศึกษาเป็นเรื่องน่าอาย ที่ไม่สามารถพูดกันโดยเปิดเผยได้ และที่สำคัญคือต้องให้วัยรุ่นรู้ว่า ต้องมีความรับผิดชอบ และต้องไม่นำตัวเองเข้าไปเสี่ยงกับสภาวการณ์ที่จะทำให้พวกเขาตกอยู่ในปัญหาท้องก่อนวัยอันควร และที่สำคัญคือต้องให้พวกเขามีกิจกรรมอื่นๆ ที่จะทำให้พวกเขาไม่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องของการมีเพศสัมพันธ์จนไม่สนใจเรื่องที่เป็นประโยชน์อื่นๆ เช่น ต้องหาลานกีฬาให้พวกเขาได้ออกกำลังกาย หรือมีลานกิจกรรมสันทนาการอื่นๆ เช่น การแสดง ดนตรี งานศิลปะ และแม้กระทั่งการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ เป็นต้น
ดร.ก้องศักด เล่าถึงความแตกต่างในการให้ความรู้ด้านเพศศึกษากับวัยรุ่นระหว่างสังคมไทยกับสังคมตะวันตกว่า ในประเทศตะวันตกนั้น เขาสอนเรื่องเพศศึกษากันอย่างเป็นปกติ เพราะถือว่าเป็นธรรมชาติของมนุษย์ เขาจะสอนให้วัยรุ่นเข้าใจเรื่องทางเพศ และความต้องการทางเพศของมนุษย์ และสอนให้รู้จักวิธีป้องกันการท้องก่อนวัยอันควร แต่เขาจะไม่ห้ามพูดคุยเรื่องเพศ ผมคิดว่าผู้ใหญ่ในบ้านเราควรจะพูดคุยเรื่องเพศศึกษากับลูกหลาน โดยคุยกันแบบสบายๆ ไม่ต้องคิดว่าเป็นเรื่องเร้นลับปกปิด เพราะถ้าเด็กคุยกับผู้ใหญ่ที่เป็นญาติพี่น้องพ่อแม่ ย่อมดีเด็กๆ ไปคุยกันเอง ซึ่งอาจจะพากันเขารกเข้าพก ยิ่งในสมัยนี้เทคโนโลยีอินเตอร์เนตเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตมากขึ้น เว็บไซต์ต่างๆ ทั้งดีและไม่ดีเข้าถึงเด็กได้ง่ายมาก เราจะไปปิดกั้นเขาจากสิ่งเหล่านี้คงเป็นไปได้ยาก ทางที่ดีคือสอนให้เขารู้ถึงโทษ รู้จักวิธีป้องกัน และให้ความรู้ รวมถึงสอนให้มีความรับผิดชอบและดูแลตัวเองดีกว่า
คุณหญิงทรงสุดา ยังเสริมเรื่องการศึกษาว่า นอกเหนือจากเรื่องเพศศึกษาแล้ว การศึกษาของไทยควรจะต้องอบรมและปลูกฝังเด็กๆ ให้มีความรู้ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ เป็นไปตามวัย สอนให้เด็กมีความรับผิดชอบ ให้รับผิดชอบต่อการเรียนและอยากจะเห็นโรงเรียนทุกแห่งของประเทศไทยมีคุณภาพการเรียนการสอนและมีมาตรฐานด้านวิชาการที่ทัดเทียมกัน เพื่อที่จะช่วยแก้ปัญหาเด็กต้องดิ้นรนไปเรียนในโรงเรียนที่อยู่ไกลบ้าน ทำให้เด็กเสียเวลาเดินทางวันละหลายชั่วโมง และไม่ได้เล่นสนุกตามวัยของเด็ก
“ท้ายที่สุด คุณแม่และลูกคู่นี้ยังฝากข้อคิดถึงแม่ลูกทุกคนว่า แม่รักลูก และลูกก็รักแม่ แต่โลกในยุคนี้ แม่ก็ต้องออกไปทำงานนอกบ้านเพื่อช่วยกันหาเงินมาดูแลครอบครัว แต่สำหรับความเป็น
แม่นั้น ไม่ว่าแม่จะมีภารกิจมากมายเพียงใดก็ตาม แม่ก็จะต้องมีเวลาให้ลูกเสมอส่วนลูกนั้นก็ต้องไม่ลืมว่าแม่ยังรอลูกอยู่ทุกวินาที ลูกบางคนอ้างว่างานมากจนไม่มีเวลาให้กับแม่”
ดร.ก้องศักด บอกว่า อยากให้ลูกกลับไปหาแม่ให้บ่อยมากที่สุด อยากอ้างว่าไม่มีเวลา เพราะถ้ารักแม่จริงๆ แล้ว ต่อให้งานมากแค่ไหน ก็ต้องมีเวลาไปหาแม่จนได้ อยากฝากถึงคนที่ยังมีแม่ว่า คุณโชคดีมาก และขอให้ทำดีกับแม่ ทำให้ชื่นใจก่อนที่จะสายเกินไป อยากให้แม่จากไปแล้ว แล้วจึงมาบ่นว่าคิดถึงแม่ เวลานี้แม่ยังอยู่ ขอให้กลับไปกอดแม่ ไปหาแม่ และไปอยู่กับแม่ให้มากที่สุด
คุณหญิงทรงสุดา พูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอิ่มเอมว่า “ดิฉันโชคดีมากค่ะ ที่ลูกๆ ทั้งสามคนดูแลพ่อแม่เป็นอย่างดี”
พบเรื่องราวดีๆ ที่ครบครันได้ในรายการ “แนวหน้าวาไรตี้” ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 16.00-16.25 น. ทาง TNN2 (และช่อง 784 ดิจิทัลทีวี) และ True Visions 8 และชมรายการ
ย้อนหลังได้ที่ YouTube ผู้หญิงแนวหน้า by คุณแหน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี