“ถาวรว่องวงศ์” เป็นตระกูลคหบดีเก่าแก่เป็นที่รู้จักกันดีของเมืองภูเก็ต ในฐานะตระกูลที่ทำธุรกิจด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจโรงแรม “เครือถาวร โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท” ที่เป็นเจ้าแรกเปิดให้บริการโรงแรมระดับห้าดาวของภูเก็ตมากว่า 40 ปี ซึ่งปัจจุบันอยู่ภายใต้การบริหารของทายาทรุ่นที่ 4 “เลิศ ถาวรว่องวงศ์” ผู้บริหารหนุ่มหล่อวัย 28 ปี ที่แม้จะเข้ามารับไม้ต่อได้เพียง 4 ปี แต่เขาก็ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงฝีไม้ลายมือและกลายเป็น นักธุรกิจรุ่นใหม่ที่ต้องจับตามองของภูเก็ต
เลิศ เล่าว่า เขาเป็นลูกชายคนโต ในจำนวนลูก 4 คน ของ เจริญ ถาวรว่องวงศ์ ประธานบริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่โรงแรมในเครือถาวรโฮเทล แอนด์ รีสอร์ท กับ อัจฉรา ถาวรว่องวงศ์จึงมีโอกาสเห็นการทำงานของผู้เป็นพ่อมาโดยตลอด ทำให้เกิดความรักความผูกพันในธุรกิจโรงแรมเป็นอย่างมาก และเป็นแรงบันดาลใจให้เขาเลือกเรียนด้านการบริหารโรงแรม ซึ่งหนุ่มคนนี้ก็มีดีกรีปริญญาตรี คณะ School of Hotel Administration ของมหาวิทยาลัยระดับ Ivy League ของสหรัฐอเมริกาอย่าง Cornell University ที่ได้รับการจัดอันดับว่าเป็นโรงเรียนการบริหารโรงแรมที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
“ทันทีที่เรียนจบ ผมก็กลับมาทำงานที่บ้านทันที ประมาณกลางปี 2014 ยอมรับว่าเป็นช่วงที่ธุรกิจของเราประสบปัญหาอย่างหนัก มีหนี้สินหลายพันล้านบาท พูดได้ว่าเกือบจะล้มละลาย สิ่งที่ผมทำตอนนั้นคือ คุยกับคุณพ่อว่าเราต้องปรับโครงสร้าง จะมามัวกลัวเสียหน้าไม่ได้เราต้องยอมรับความจริง ซึ่งมันก็ยากสำหรับท่าน แต่ในที่สุดท่านก็ยอม อะไรที่เป็นหนี้เสียเราต้องทิ้ง อะไรที่แบงก์จะยึดก็ให้ยึด อะไรที่ขายได้เพื่อให้มีเงินมาใช้หนี้แบงก์ เราต้องทำ มีการเจรจาประนอมหนี้ ทำให้ภายในปีนั้นเราสามารถชำระหนี้ได้กว่า 1,800 ล้านบาท ในขณะนั้นโรงแรมในเครือทั้งหมดมีพนักงานร่วมพันคน ค่าน้ำ ค่าไฟ รายจ่ายแต่ละเดือนหลักสิบล้าน แต่เรามีเงินสำรองไม่ถึง 5 ล้าน สิ่งที่ผมทำคือ ลงทำตลาดด้วยตัวเอง ไปคุยกับเอเจนซี่ ลดราคา ยอมขายถูกเพื่อให้กระแสเงินสดเข้ามาหมุนเวียน และค่อยๆ รีโนเวทห้องพักทีละส่วนที่จะสามารถขายได้ก่อน อะไรที่เป็นหน้าตาเราทำก่อน ในส่วนที่ไม่สำคัญหรือไม่สร้างรายได้ ผมก็ปิดไปเพื่อลดค่าใช้จ่าย ใช้วิธีการนี้จนโรงแรมสามารถฟื้นตัวได้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ”
ปัจจุบัน เครือถาวร โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท มี 3 โรงแรม ได้แก่ โรงแรมถาวร อยู่ในตัวเมืองภูเก็ต ซึ่งเป็นโรงแรมแห่งแรกของเครือถาวรฯ โรงแรมถาวร บีช วิลเลจ รีสอร์ท แอนด์ สปา หาดนาคาเลย์ และโรงแรมถาวร ปาล์ม บีช รีสอร์ท หาดกะรน สิ่งที่ผู้บริหารหนุ่มให้ความสำคัญในการทำธุรกิจนั่นคือ เงินทุนสำรอง
“ไม่เฉพาะแต่ธุรกิจโรงแรมนะ เรื่องการเงินการบัญชี สำคัญกับทุกธุรกิจ ผมเรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีตที่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเงินทุนสำรอง หรือกระแสเงินสด เพราะมันเป็นหัวใจของการบริหารเกือบทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพการบริการ การปรับปรุงโรงแรมได้อย่างสม่ำเสมอ การหาและเก็บพนักงานดีๆ การทำการตลาด เป็นต้น ทุกอย่างใช้เงินสดหมด บ้านเรามีเหตุการณ์หลายๆ อย่างที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยว พอไม่มีนักท่องเที่ยว เรามีรายได้ลดลงแต่รายจ่ายเท่าเดิม ถ้ากระแสเงินสดหรือเงินทุนสำรองไม่มี เราอยู่ได้ไหม แต่สำหรับเครือถาวรฯ ผมกล้าพูดได้ว่าจาก 4 ปีก่อน ที่มีเงินสดในบัญชีไม่ถึง 5 ล้าน วันนี้เรามีเงินทุนสำรองมากพอที่จะบริหารงานได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการบริการไปอีกอย่างน้อย 6 เดือน แต่ไม่ใช่ว่าเรานิ่งนอนใจ มีแค่นี้พอแล้ว อะไรที่เราต้องทำก็ยังทำต่อไปการพัฒนาปรับปรุงการบริการ เพื่อสร้างความประทับใจให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการอีก”
แม้จะเป็นทายาท แต่การเข้ามาบริหารงานตั้งแต่อายุยังน้อยและอยู่ในช่วงภาวะวิกฤติของธุรกิจ หนีไม่พ้นการจับจ้องและข้อกังวลของบุคลากร ซึ่ง เลิศ ยอมรับว่า เขาไม่ใช่ผู้บริหารที่โน้มน้าวจิตใจลูกน้องด้วยคำพูดหวานหู หากแต่ลงมือทำให้เห็น และเอาจริงเอาจังกับทุกสิ่งที่จะทำให้องค์กรดำเนินไปได้อย่างราบรื่น
“ผมกลับมาตอนอายุ 24 ปี โรงแรมทุกโรงในเครือ พนักงานส่วนใหญ่มีอายุมากกว่าผมอีก บางคนทำงานมาก่อนผมเกิด แต่ในช่วงเวลานั้นผมไม่มีเวลาที่จะมาพูดจาหวานๆ กับใคร ผมพูดตั้งแต่วันแรกเลยว่า ผมไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่ผมจะทำต่อไปนี้มันจะสำเร็จ โรงแรมจะไปรอดไหม แต่ผมไม่มีอะไรจะเสีย ดังนั้น ถ้าจะอยู่กับผม ต้องทำตามผม ถ้ารับไม่ได้ก็ออก สั่งงานแล้ว ถึงกำหนดงานไม่เรียบร้อย ผมด่าไม่ไว้หน้าจริงๆ ผมเป็นผู้บริหารที่อยู่หน้างานตลอดเวลา เวลาที่มีปัญหาไม่ว่าเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ ผมอยู่ตรงนั้น ลงไปแก้ปัญหาด้วยกัน ไม่เคยทิ้งให้ลูกน้องทำฝ่ายเดียว ลูกค้าด่าผมรับ ลูกค้าชม ผมบอกขอเปลี่ยนเป็นทิปหนักๆ ให้พนักงานแทนละกัน ทุกวันนี้ผมก็ยังเป็นแบบนี้ สิ่งที่ผมจะพูดกับลูกน้องเสมอคือ คุณไม่ใช่ลูกจ้าง แต่คุณคือเจ้าของร่วมกัน ถ้าคุณช่วยกันทำงานไม่คดโกง ให้บริการที่ดีที่สุดกับลูกค้า ผลประโยชน์ที่ได้ก็คือพวกเขาเอง ซึ่งมันก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วจากแต่ก่อนที่สภาพร่อแร่ เงินเดือนออกช้า สวัสดิการไม่มี เซอร์วิสชาร์จไม่ต้องพูดถึง แต่วันนี้ผมพูดได้ว่าพนักงานเครือถาวรฯ มีเงินเดือน สวัสดิการ เซอร์วิสชาร์จเทียบเท่าโรงแรมเชนต่างประเทศก็ว่าได้”
ตลอดระยะเวลาเกือบ 4 ปี ที่ผู้บริหารหนุ่มคนนี้ทำงานหนัก ทำกำไรแตะ 500 ล้านบาทเป็นครั้งแรกตั้งแต่โรงแรมเครือถาวรฯ เปิดให้บริการ นับเป็นความภูมิใจที่เขาสามารถฟื้นฟูกิจการเครือถาวร โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท ให้กลับมาโดดเด่นเป็นอันดับต้นๆ ของภูเก็ตได้อีกครั้ง
“ตั้งแต่วันแรกที่กลับมา ผมทำงานแบบไม่มีวันหยุด สู้แบบหัวชนฝา เพราะธุรกิจนี้เป็นสิ่งที่ผมรัก ผมเห็นมันมาตั้งแต่เกิด จากที่ใกล้ตาย แต่ผมทำให้มันกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ถ้าให้คะแนนตัวเองผมก็ให้ A ครับ เพราะว่าเราทำมาดีแล้ว ถูกทางแล้ว แต่การทำธุรกิจมันไม่มีจบมันต้องเดินต่อไปเรื่อยๆ จากนี้ผมก็ตั้งเป้าหมายว่าปีหน้าอยากทำผลกำไรทั้ง 3 โรงแรมในเครือรวมกันให้ได้ 600 ล้านบาท พัฒนาโรงแรมทั้งหมดให้เต็มศักยภาพ รวมไปถึงการพัฒนาอสังหาฯ ประเภทอื่นๆ ของครอบครัว อีกด้านหนึ่งคือ การสร้างทีมงานที่แข็งแกร่ง มีความพร้อมที่จะทำงานแทนเราได้ในทุกๆ จุด ซึ่งตอนนี้ก็ถือว่าโอเคในระดับหนึ่ง แต่ไม่ได้หมายความว่าทีมแข็งแกร่งแล้วจะปล่อยวาง อย่างไรก็ตาม ผมก็ยังต้องทุ่มเทให้เหมือนทำงานวันแรกอยู่ดี และพร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ”
ครบเครื่องทั้งความสามารถและรูปลักษณ์ แต่ขอบอกว่า ผู้บริหารหนุ่มวัย 28 ปีคนนี้ งานมาเป็นที่หนึ่ง ความรักมาเป็นที่สอง ทำให้ตอนนี้ยัง “โสดสนิท” แต่ถ้าสาวคนไหนยอมรับคนบ้างานอย่างเขาได้ ก็พร้อมจะเปิดใจเรียนรู้...เริ่ด สมชื่อใช่ไหมล่ะคะ!!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี