บรรยากาศด้านนอกตัวอาคาร
นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบมิวเซียมโดยเฉพาะงาน Contemporary art และได้มาลิสบอนจะมีความสุขมากเป็นพิเศษ ทั้งนี้เพราะที่นี่ไม่เพียงมี Berardo Museum ที่มีงานแนว modern art มี MAAT มิวเซียมที่มีทั้งงานสถาปัตยกรรมและเทคโนโลยีแนว Contemporary Art แล้วยังมี Chiado Museum หรือ National Museum of Contemporary Art อีกต่างหาก ลิสบอนจึงเป็นเมืองที่ครบเครื่องเรื่อง Contemporary art ไม่น้อยหน้าเมืองหลวงใหญ่ๆ ของยุโรปตะวันตกเลยทีเดียว
Chiado Museum
National Museum of Contemporary Art หรือ Chiado Museum ที่เป็นภาษาโปรตุกีสนี้เป็นมิวเซียมที่อยู่ในเขต Chiado เมืองลิสบอน มิวเซียมที่ถูกจัดตั้งขึ้นครั้งแรกในปี 1911 โดยแยกจาก
Museum of Fine Art และได้รับผลงานของศิลปินท้องถิ่นและนานาชาติตั้งแต่ปี 1850 มาจัดแสดงนี้จัดตั้งครั้งแรก ณ Palacio das Janelas Verdes ด้วยความตั้งใจที่จะให้มิวเซียมแห่งนี้เป็นที่ส่งเสริมการพัฒนาศิลปะยุคใหม่ ต่อมารัฐบาลได้มีดำริให้นำผลงานศิลปะที่ได้รับการแบ่งมาจาก Museum of Fine Art ไปจัดแสดงที่ Convent of S.Francisco เพื่อให้ง่ายต่อการจัดแสดงผลงานและส่งเสริมการรวมกลุ่มของศิลปินรุ่นใหม่มากขึ้นไปอีก
ด้านนอกถ่ายจากมุมไกล
อย่างไรก็ดี Carlos Reis ผู้อำนวยการคนแรกของมิวเซียมกลับไม่สามารถขยายมิวเซียมและหาผลงานมาจัดแสดงเพิ่มเติมได้มากนัก จวบจนกระทั่ง Sousa Lopes ได้เป็นผู้อำนวยการมิวเซียม ศิลปินท้องถิ่นจึงยินยอมให้นำผลงานมาจัดแสดงมากขึ้น อีกทั้งยังได้รับงานจากศิลปินนานาชาติที่มีชื่อเสียงอีกหลายคนมาจัดแสดง เช่น Rodin, Bourdelle, Joseph Bernard ต่อมาเมื่อ Diogo Macedo นักประติมากรรมที่มีชื่อเสียงได้มาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ เขาได้ขยายเวลาทำการมิวเซียมและเปิดประตูมิวเซียมแยกต่างหากจาก Museum of Fine Art อีกทั้งยังส่งเสริมการจัดแสดงนิทรรศการชั่วคราวเพื่อให้ศิลปินรุ่นใหม่ได้มีโอกาสนำผลงานมาจัดแสดงมากขึ้นไปอีก
บรรยากาศภายใน
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง มิวเซียมล้าหลังมากอันเป็นผลมาจากการที่นาซีบีบบังคับให้จัดแสดงผลงานที่นาซีอนุญาตเท่านั้น หลังสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง ในปี 1959 นักการเมืองได้แต่งตั้ง Eduardo Malta จิตรกรขึ้นเป็นผู้อำนวยการท่ามกลางการคัดค้านของศิลปินทั่วทั้งประเทศ ทั้งนี้เพราะพวกเขาเห็นว่าผู้อำนวยการคนนี้คงไม่สามารถยกระดับมิวเซียมให้เทียบเท่ากับมิวเซียมอื่นๆ ในยุโรปอย่างแน่นอน ถึงกระนั้นก็ตาม ศิลปินก็ไม่สามารถทำอะไรได้ มิวเซียมจึงอยู่ในสภาพล้าหลังต่อไปอีกจนถึงปี 1988 ซึ่งเป็นปีที่รอบมิวเซียมถูกไฟไหม้ Telesa Gouveia รัฐมนตรีว่าการวัฒนธรรมจึงได้ตัดสินใจยกระดับสิ่งอำนวยความสะดวกภายใน รัฐบาลฝรั่งเศสจึงได้ให้ความช่วยเหลือด้วยการเป็นผู้เสนอโครงการปรับปรุงและออกแบบมิวเซียมใหม่โดยให้ Jean Michel Wilmotte เป็นผู้ออกแบบ มิวเซียมได้รับการเปิดตัวใหม่อีกครั้งในวันที่ 12 กรกฎาคม 1994
บรรยากาศภายใน
สถาปนิกได้พยายามออกแบบอาคารตามแนวทางศิลปะแบบ Neo-modern แต่ยังคงให้ความเคารพต่อประวัติศาสตร์ของสถานที่ก่อตั้งซึ่งเป็นอารามเดิมก่อนได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหว ส่วนโถงใหญ่จะมีเสาหินใหญ่ 2 ต้นที่รองรับโครงหลังคาโค้งตามแนวทางการก่อสร้างแบบสถาปัตยกรรมโปรตุเกส อีกทั้งยังพยายามเก็บงานประติมากรรมเก่าๆ หลายชิ้นตามทางเดินไว้ด้วย
นักท่องเที่ยวที่ได้มีโอกาสมาเยือนมิวเซียมจึงไม่เพียงจะได้มีประสบการณ์กับงานศิลปะเท่านั้น ยังได้มีโอกาสเห็นความลงตัวในการปรับเปลี่ยนอารามให้กลายเป็นมิวเซียมยุคใหม่ได้อย่างน่าทึ่งอีกต่างหากด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี