“สาหร่ายสไปรูลินา-สาหร่ายเกลียวทอง” เป็นสาหร่ายสีเขียวแกมนํ้าเงิน ซึ่งมีคุณค่าทางโภชนาการสูง เนื่องจากประกอบไปด้วยโปรตีนสูงถึงร้อยละ 50-70 ของนํ้าหนักแห้ง อุดมไปด้วยวิตามินและเกลือแร่ที่สำคัญต่อร่างกายหลายชนิด และยังมีไฟโคไซยานิน (phycocyanin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ จึงทำให้สาหร่ายสไปรูลินาเป็นที่นิยมในการรับประทานเป็นอาหารเสริมสุขภาพ รวมทั้งนำไปใช้เป็นอาหารในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เช่น ปลา และหอยชนิดต่างๆ
การเพาะเลี้ยงสาหร่ายสไปรูลินา ถึงแม้ว่าจะมีวิธีการที่ไม่ซับซ้อนมากนัก แต่ก็มีต้นทุนในการผลิตที่ค่อนข้างสูงเนื่องจากอาหารที่นำมาเพาะเลี้ยงในปัจจุบันต้องใช้สารเคมีหลายชนิด และมีการใช้ในปริมาณมากและมีราคาค่อนข้างแพง ดังนั้น ในระยะเวลาที่ผ่านมาจึงมีการพยายามที่จะพัฒนาการเพาะเลี้ยงสาหร่าย S. platensis โดยการใช้แหล่งอาหารอื่นๆ ในการเพาะเลี้ยง รวมทั้งการนำน้ำเสียจากแหล่งต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่มีปริมาณสารอาหารจำพวกไนเตรทและฟอสเฟตที่มีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพวกสาหร่ายและแพลงก์ตอนพืชทดแทนสารเคมีบางชนิด
เพื่อเป็นแนวทางในการคงคุณค่าทางโภชนาการของสาหร่าย S. platensis และสามารถลดต้นทุนในการผลิตสาหร่าย S. platensis ได้ ทั้งยังเป็นการช่วยบำบัดน้ำเสียให้ดีขึ้นก่อนปล่อยลงสู่แหล่งน้ำอีกด้วย ดังที่ นายสุวิทย์ ชัยเกียรติยศ ผู้อำนวยการ“สวก.” สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) กล่าวกับคณะสื่อมวลชนที่ร่วมลงพื้นที่ดูงานโครงการวิจัย “การพัฒนาเทคโนโลยีดักจับและควบคุมก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากอุตสาหกรรมผลิตเอทานอลเพื่อใช้เพาะเลี้ยงสาหร่ายสไปรูลินาด้วยระบบฟาร์มสาหร่ายอัจฉริยะ” ที่ จ.กาฬสินธุ์ เมื่อเร็วๆ นี้ว่า
สาหร่ายสไปรูลินา (Spirulinaplatensis) เป็นสาหร่ายขนาดเล็กมีคุณค่าทางโภชนาการสูง เป็นแหล่งโปรตีน มีอะมิโนโปรตีนที่จำเป็นซึ่งร่างกายไม่สามารถผลิตได้เอง เช่น “ไอโซลิวซีนลูซีนไลซีนเมไธโอนีนเทรโอนีน” ในปริมาณที่สูงกว่าเนื้อสัตว์ มีวิตามินจำพวก “เบตาแคโรทีน” สูงกว่าในผักถึง 25 เท่า ประกอบด้วย “ธาตุเหล็ก” ในปริมาณมากกว่าตับ 28 เท่า และเป็นแหล่งรวมของ“วิตามินบี 12” จึงได้รับความนิยมใช้เป็นวัตถุดิบหลักสำหรับผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
โดยภาครัฐส่งเสริมให้มีการเพาะเลี้ยงในเชิงพาณิชย์เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด “ระบบฟาร์มเลี้ยงสาหร่ายสไปรูลินาอัจฉริยะ” จึงเป็นที่มาของโครงการที่ สวก. ได้ให้ทุนสนับสนุนกับคณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ โดยได้รับการพัฒนาออกแบบระบบทางวิศวกรรมเพื่อส่งเสริมการผลิตสาหร่ายสไปรูลินาแบบครบวงจรตั้งแต่กระบวนการต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ
ประกอบด้วยระบบเปิดและระบบปิดที่ได้มาตรฐานตามข้อกำหนดของสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) ต้นทุนผลิตต่ำ สามารถต่อยอดไปสู่การผลิตในเชิงพาณิชย์ได้ ซึ่งพร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อขยายผลสำหรับพื้นที่อื่นๆ ที่สนใจโดยระบบควบคุมภายในฟาร์มสาหร่ายอัจฉริยะ ประกอบด้วย 1.ระบบควบคุมอุณหภูมิและความชื้น (Temp/Rh control) ซึ่งสามารถควบคุมอุณหภูมิและความชื้นภายในบ่อเลี้ยงสาหร่ายได้โดยการติดตั้งพัดลมระบายอากาศ
2.ระบบควบคุมความเป็นกรดด่างและการจ่ายคาร์บอนไดออกไซด์ (pH control & CO2)สามารถเป็นแหล่งอาหารเสริมคาร์บอน และใช้ควบคุมความเป็นกรดด่างของบ่อเลี้ยงสาหร่ายให้เหมาะสมตลอดเวลา 3.ระบบหมุนเวียนน้ำด้วยระบบแสงอาทิตย์ (Solar cell for paddle wheel) เป็นระบบทางเลือกเพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้าของมอเตอร์ขับใบพัดหมุนเวียนน้ำ
4.ระบบควบคุมการสังเคราะห์แสงจากหลอดแอลอีดี (LED control for PAR) เป็นระบบควบคุมคุณภาพและความเพียงพอในการสังเคราะห์แสงแดดจากธรรมชาติซึ่งมีระบบตรวจวัดและตั้งค่า
การเปิดแสงจากหลอดแอลอีดีซึ่งได้ตั้งสภาวะที่เหมาะสมกับการสังเคราะห์แสงของสาหร่ายไว้แล้ว และ 5.ระบบเก็บเกี่ยวสาหร่ายขนาดเล็กในปริมาณมาก (Microalgae harvesting) จะช่วยลดต้นทุนแรงงานกับเวลาที่ใช้ในการผลิตเชิงพาณิชย์
ขณะที่ รศ.ดร.สมเกียรติ จตุรงค์ล้ำเลิศอาจารย์คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เล่าว่า จากบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการวิจัย พัฒนา และต่อยอดเทคโนโลยีการวิจัยการเกษตร เพื่อการทำเกษตรกรรมอย่างยั่งยืน ระหว่าง สวก. และกลุ่มมิตรผล มีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมกันพัฒนาให้ได้เทคโนโลยี นวัตกรรมที่สามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อภาคการเกษตรโครงการวิจัยนี้จึงเป็นการต่อยอดงานวิจัยเรื่องฟาร์มสาหร่ายสไปรูลินาอัจฉริยะมาใช้กับอุตสาหกรรมผลิตเอทานอล
“วัตถุประสงค์โครงการคือ 1.การพัฒนาเทคโนโลยีดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นสิ่งเหลือทิ้งจากอุตสาหกรรมผลิตเอทานอล จะเหลือทิ้งถึงวันละ 200 ตัน จึงนำกลับมาใช้ใหม่ให้เกิดความคุ้มค่า ซึ่งสามารถลดต้นทุนการเลี้ยงสาหร่ายได้ และยังช่วยลดภาวะโลกร้อนได้ 2.วิเคราะห์เชิงเศรษฐศาสตร์ ซึ่งจะวิเคราะห์ว่ามีความคุ้มทุนหรือไม่ 3.วิเคราะห์ปริมาณของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งจะวิเคราะห์ว่ามีการปล่อยลดลงหรือไม่ ซึ่งจากการวิเคราะห์ทั้ง 3 ส่วน พบว่าเป็นไปตามที่คาดไว้” อาจารย์สมเกียรติ ระบุ
ด้าน นายทรงศักดิ์ ฤกษ์หริ่ง ผู้จัดการฝ่าย Bio Chemical บริษัท มิตรผล ไบโอฟูเอล จำกัด กล่าวเสริมว่า กลุ่มมิตรผลมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาการดำเนินงานของทุกธุรกิจบนแนวคิดการจัดการแบบยั่งยืน จากแนวคิด “From Waste to Value” สู่การต่อยอดคุณค่า หรือ “Value Creation” ด้วยการนำส่วนที่เหลือจากทุกกระบวนการผลิตมาทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น การสร้างมูลค่าเพิ่มให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากกระบวนผลิตในอุตสาหกรรมเอทานอล ที่ปกติจะถูกดูดซับวนกลับเข้าสู่ระบบการปลูกอ้อยอีกครั้ง
ขณะเดียวกันก็แนวคิด “นำกลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด” จึงพัฒนาเทคโนโลยีดักจับและควบคุมก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากอุตสาหกรรมผลิตเอทานอลเพื่อนำมาใช้ในการเพาะเลี้ยงสาหร่ายสไปรูลินาด้วยระบบฟาร์มสาหร่ายอัจฉริยะ โดยจะใช้สำหรับฟาร์มสาหร่ายสไปรูลินาขนาด 18,000 ลิตร (ขนาดใหญ่) โดยกลุ่มมิตรผลเป็นผู้ลงทุนในการสร้างฟาร์มสาหร่ายอัจฉริยะ
“โครงการนี้ได้รับคำปรึกษา (คำนวณและออกแบบทางวิศวกรรมเพื่อควบคุมความถูกต้องของการใช้งาน) และถ่ายทอดองค์ความรู้เชิงการบริการวิชาการจากคณะผู้วิจัยจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ตามโครงการถ่ายทอดเทคโนโลยีฟาร์มสาหร่ายสไปรูลินาสำหรับกลุ่มเครือข่ายเกษตรกรในเขตภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย ซึ่งเคยได้รับสนับสนุนทุนวิจัยจากทาง สวก. เมื่อปี 2558” นายทรงศักดิ์ กล่าว
โครงการนี้จะเป็นโครงการที่ต่อยอดงานวิจัยสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ นับเป็นการยกระดับกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมสาหร่ายสไปรูลินาให้มีมาตรฐานระดับสากลของกระบวนการผลิตอาหาร ระบบอาหารอินทรีย์ และระบบอาหารปลอดภัย ซึ่งสามารถพัฒนาต่อยอดไปสู่ระบบตรวจสอบย้อนกลับได้ยกระดับฐานะของชุมชน กลุ่มวิสาหกิจที่เพาะเลี้ยงสาหร่ายให้มีรายได้สูงขึ้น มีการควบคุมคุณภาพสินค้าอาหารที่ดี
และสามารถต่อยอดในการนำเทคโนโลยีดักจับและควบคุมก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากอุตสาหกรรมผลิตเอทานอลสำหรับฟาร์มสาหร่ายสไปรูลินาอัจฉริยะ ไปใช้ในอุตสาหกรรมอื่นๆ ได้
อีกด้วย!!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี