วันพุธ ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ผู้หญิง
ฟาร์มอัจฉริยะ‘สาหร่ายสไปรูลินา’  คงคุณภาพ-ลดต้นทุน-รักษ์สิ่งแวดล้อม

ฟาร์มอัจฉริยะ‘สาหร่ายสไปรูลินา’ คงคุณภาพ-ลดต้นทุน-รักษ์สิ่งแวดล้อม

วันอังคาร ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561, 06.00 น.
Tag : ฟาร์มอัจฉริยะ สาหร่ายสไปรูลินา
  •  

“สาหร่ายสไปรูลินา-สาหร่ายเกลียวทอง” เป็นสาหร่ายสีเขียวแกมนํ้าเงิน ซึ่งมีคุณค่าทางโภชนาการสูง เนื่องจากประกอบไปด้วยโปรตีนสูงถึงร้อยละ 50-70 ของนํ้าหนักแห้ง อุดมไปด้วยวิตามินและเกลือแร่ที่สำคัญต่อร่างกายหลายชนิด และยังมีไฟโคไซยานิน (phycocyanin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ จึงทำให้สาหร่ายสไปรูลินาเป็นที่นิยมในการรับประทานเป็นอาหารเสริมสุขภาพ รวมทั้งนำไปใช้เป็นอาหารในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เช่น ปลา และหอยชนิดต่างๆ

การเพาะเลี้ยงสาหร่ายสไปรูลินา ถึงแม้ว่าจะมีวิธีการที่ไม่ซับซ้อนมากนัก แต่ก็มีต้นทุนในการผลิตที่ค่อนข้างสูงเนื่องจากอาหารที่นำมาเพาะเลี้ยงในปัจจุบันต้องใช้สารเคมีหลายชนิด และมีการใช้ในปริมาณมากและมีราคาค่อนข้างแพง ดังนั้น ในระยะเวลาที่ผ่านมาจึงมีการพยายามที่จะพัฒนาการเพาะเลี้ยงสาหร่าย S. platensis โดยการใช้แหล่งอาหารอื่นๆ ในการเพาะเลี้ยง รวมทั้งการนำน้ำเสียจากแหล่งต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่มีปริมาณสารอาหารจำพวกไนเตรทและฟอสเฟตที่มีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพวกสาหร่ายและแพลงก์ตอนพืชทดแทนสารเคมีบางชนิด


เพื่อเป็นแนวทางในการคงคุณค่าทางโภชนาการของสาหร่าย S. platensis และสามารถลดต้นทุนในการผลิตสาหร่าย S. platensis ได้ ทั้งยังเป็นการช่วยบำบัดน้ำเสียให้ดีขึ้นก่อนปล่อยลงสู่แหล่งน้ำอีกด้วย ดังที่ นายสุวิทย์ ชัยเกียรติยศ ผู้อำนวยการ“สวก.” สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) กล่าวกับคณะสื่อมวลชนที่ร่วมลงพื้นที่ดูงานโครงการวิจัย “การพัฒนาเทคโนโลยีดักจับและควบคุมก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากอุตสาหกรรมผลิตเอทานอลเพื่อใช้เพาะเลี้ยงสาหร่ายสไปรูลินาด้วยระบบฟาร์มสาหร่ายอัจฉริยะ” ที่ จ.กาฬสินธุ์ เมื่อเร็วๆ นี้ว่า

สาหร่ายสไปรูลินา (Spirulinaplatensis) เป็นสาหร่ายขนาดเล็กมีคุณค่าทางโภชนาการสูง เป็นแหล่งโปรตีน มีอะมิโนโปรตีนที่จำเป็นซึ่งร่างกายไม่สามารถผลิตได้เอง เช่น “ไอโซลิวซีนลูซีนไลซีนเมไธโอนีนเทรโอนีน” ในปริมาณที่สูงกว่าเนื้อสัตว์ มีวิตามินจำพวก “เบตาแคโรทีน” สูงกว่าในผักถึง 25 เท่า ประกอบด้วย “ธาตุเหล็ก” ในปริมาณมากกว่าตับ 28 เท่า และเป็นแหล่งรวมของ“วิตามินบี 12” จึงได้รับความนิยมใช้เป็นวัตถุดิบหลักสำหรับผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร

โดยภาครัฐส่งเสริมให้มีการเพาะเลี้ยงในเชิงพาณิชย์เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด “ระบบฟาร์มเลี้ยงสาหร่ายสไปรูลินาอัจฉริยะ” จึงเป็นที่มาของโครงการที่ สวก. ได้ให้ทุนสนับสนุนกับคณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ โดยได้รับการพัฒนาออกแบบระบบทางวิศวกรรมเพื่อส่งเสริมการผลิตสาหร่ายสไปรูลินาแบบครบวงจรตั้งแต่กระบวนการต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ

ประกอบด้วยระบบเปิดและระบบปิดที่ได้มาตรฐานตามข้อกำหนดของสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) ต้นทุนผลิตต่ำ สามารถต่อยอดไปสู่การผลิตในเชิงพาณิชย์ได้ ซึ่งพร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อขยายผลสำหรับพื้นที่อื่นๆ ที่สนใจโดยระบบควบคุมภายในฟาร์มสาหร่ายอัจฉริยะ ประกอบด้วย 1.ระบบควบคุมอุณหภูมิและความชื้น (Temp/Rh control) ซึ่งสามารถควบคุมอุณหภูมิและความชื้นภายในบ่อเลี้ยงสาหร่ายได้โดยการติดตั้งพัดลมระบายอากาศ

2.ระบบควบคุมความเป็นกรดด่างและการจ่ายคาร์บอนไดออกไซด์ (pH control & CO2)สามารถเป็นแหล่งอาหารเสริมคาร์บอน และใช้ควบคุมความเป็นกรดด่างของบ่อเลี้ยงสาหร่ายให้เหมาะสมตลอดเวลา 3.ระบบหมุนเวียนน้ำด้วยระบบแสงอาทิตย์ (Solar cell for paddle wheel) เป็นระบบทางเลือกเพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้าของมอเตอร์ขับใบพัดหมุนเวียนน้ำ

4.ระบบควบคุมการสังเคราะห์แสงจากหลอดแอลอีดี (LED control for PAR) เป็นระบบควบคุมคุณภาพและความเพียงพอในการสังเคราะห์แสงแดดจากธรรมชาติซึ่งมีระบบตรวจวัดและตั้งค่า
การเปิดแสงจากหลอดแอลอีดีซึ่งได้ตั้งสภาวะที่เหมาะสมกับการสังเคราะห์แสงของสาหร่ายไว้แล้ว และ 5.ระบบเก็บเกี่ยวสาหร่ายขนาดเล็กในปริมาณมาก (Microalgae harvesting) จะช่วยลดต้นทุนแรงงานกับเวลาที่ใช้ในการผลิตเชิงพาณิชย์

ขณะที่ รศ.ดร.สมเกียรติ จตุรงค์ล้ำเลิศอาจารย์คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เล่าว่า จากบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการวิจัย พัฒนา และต่อยอดเทคโนโลยีการวิจัยการเกษตร เพื่อการทำเกษตรกรรมอย่างยั่งยืน ระหว่าง สวก. และกลุ่มมิตรผล มีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมกันพัฒนาให้ได้เทคโนโลยี นวัตกรรมที่สามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อภาคการเกษตรโครงการวิจัยนี้จึงเป็นการต่อยอดงานวิจัยเรื่องฟาร์มสาหร่ายสไปรูลินาอัจฉริยะมาใช้กับอุตสาหกรรมผลิตเอทานอล

“วัตถุประสงค์โครงการคือ 1.การพัฒนาเทคโนโลยีดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นสิ่งเหลือทิ้งจากอุตสาหกรรมผลิตเอทานอล จะเหลือทิ้งถึงวันละ 200 ตัน จึงนำกลับมาใช้ใหม่ให้เกิดความคุ้มค่า ซึ่งสามารถลดต้นทุนการเลี้ยงสาหร่ายได้ และยังช่วยลดภาวะโลกร้อนได้ 2.วิเคราะห์เชิงเศรษฐศาสตร์ ซึ่งจะวิเคราะห์ว่ามีความคุ้มทุนหรือไม่ 3.วิเคราะห์ปริมาณของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งจะวิเคราะห์ว่ามีการปล่อยลดลงหรือไม่ ซึ่งจากการวิเคราะห์ทั้ง 3 ส่วน พบว่าเป็นไปตามที่คาดไว้” อาจารย์สมเกียรติ ระบุ

ด้าน นายทรงศักดิ์ ฤกษ์หริ่ง ผู้จัดการฝ่าย Bio Chemical บริษัท มิตรผล ไบโอฟูเอล จำกัด กล่าวเสริมว่า กลุ่มมิตรผลมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาการดำเนินงานของทุกธุรกิจบนแนวคิดการจัดการแบบยั่งยืน จากแนวคิด “From Waste to Value” สู่การต่อยอดคุณค่า หรือ “Value Creation” ด้วยการนำส่วนที่เหลือจากทุกกระบวนการผลิตมาทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น การสร้างมูลค่าเพิ่มให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากกระบวนผลิตในอุตสาหกรรมเอทานอล ที่ปกติจะถูกดูดซับวนกลับเข้าสู่ระบบการปลูกอ้อยอีกครั้ง

ขณะเดียวกันก็แนวคิด “นำกลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด” จึงพัฒนาเทคโนโลยีดักจับและควบคุมก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากอุตสาหกรรมผลิตเอทานอลเพื่อนำมาใช้ในการเพาะเลี้ยงสาหร่ายสไปรูลินาด้วยระบบฟาร์มสาหร่ายอัจฉริยะ โดยจะใช้สำหรับฟาร์มสาหร่ายสไปรูลินาขนาด 18,000 ลิตร (ขนาดใหญ่) โดยกลุ่มมิตรผลเป็นผู้ลงทุนในการสร้างฟาร์มสาหร่ายอัจฉริยะ

“โครงการนี้ได้รับคำปรึกษา (คำนวณและออกแบบทางวิศวกรรมเพื่อควบคุมความถูกต้องของการใช้งาน) และถ่ายทอดองค์ความรู้เชิงการบริการวิชาการจากคณะผู้วิจัยจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ตามโครงการถ่ายทอดเทคโนโลยีฟาร์มสาหร่ายสไปรูลินาสำหรับกลุ่มเครือข่ายเกษตรกรในเขตภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย ซึ่งเคยได้รับสนับสนุนทุนวิจัยจากทาง สวก. เมื่อปี 2558” นายทรงศักดิ์ กล่าว

โครงการนี้จะเป็นโครงการที่ต่อยอดงานวิจัยสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ นับเป็นการยกระดับกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมสาหร่ายสไปรูลินาให้มีมาตรฐานระดับสากลของกระบวนการผลิตอาหาร ระบบอาหารอินทรีย์ และระบบอาหารปลอดภัย ซึ่งสามารถพัฒนาต่อยอดไปสู่ระบบตรวจสอบย้อนกลับได้ยกระดับฐานะของชุมชน กลุ่มวิสาหกิจที่เพาะเลี้ยงสาหร่ายให้มีรายได้สูงขึ้น มีการควบคุมคุณภาพสินค้าอาหารที่ดี

และสามารถต่อยอดในการนำเทคโนโลยีดักจับและควบคุมก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากอุตสาหกรรมผลิตเอทานอลสำหรับฟาร์มสาหร่ายสไปรูลินาอัจฉริยะ ไปใช้ในอุตสาหกรรมอื่นๆ ได้
อีกด้วย!!!

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

'สิงคโปร์'มองเหตุปะทะไทย-กัมพูชา สะท้อนความล้มเหลวของผู้นำ

น้ำป่าหลาก! ท่วมทางเข้าวัดป่าถ้ำวัว สถานที่ปฏิบัติธรรมชื่อดังแม่ฮ่องสอน

ด่วน!!! ตร.อำนาจเจริญเข้ม ‘ห้ามบินโดรน’ ฝ่าฝืนจำคุก1ปี-ปรับ40,000บาท

'อิ๊งค์'ยินดีสภาฯผ่าน พ.ร.บ.ชาติพันธุ์ ก้าวสำคัญของการคุ้มครอง-ส่งเสริมวิถีชีวิต

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved