ความงดงามอย่างหนึ่งของสังคมโลกมนุษย์คือ ความแตกต่างหลากหลาย เพราะความแตกต่างย่อมแสดงให้เราประจักษ์ว่าสิ่งหนึ่งไม่เหมือนกับอีกสิ่งหนึ่ง แต่เมื่อสิ่งของที่แตกต่างกันมาอยู่รวมกันในที่ใดที่หนึ่ง ก็จะทำให้เกิดการผสมกลมกลืนระหว่างกัน แล้วทำให้เกิดความแตกต่างที่ชวนให้มอง ชวนให้ค้นหา และชวนให้ติดตาม
ลองดูแจกันดอกไม้ที่มีแต่ดอกไม้ประเภทเดียวกัน สีเดียวกัน ขนาดเดียวกัน กับแจกันอีกใบหนึ่งที่มีดอกไม้หลากประเภท หลายสีสัน มีทั้งใบและดอกหลากหลายขนาดใส่อยู่ในแจกันใบเดียวกัน เมื่อคุณได้ดูแจกันสองใบที่ผ่านการตกแต่งด้วยดอกไม้ตามที่กล่าวมาแล้ว คุณจะเห็นได้ชัดว่าแจกันที่มีดอกไม้หลายหลากอยู่ด้วยกันมีความงดงาม และมีสีสันชวนมองมากกว่า ใช่ไหม
ฉันใดก็ฉันนั้น เมืองปัตตานีก็มีความหลากหลายภายในสังคมที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว ความหลากหลายของวัฒนธรรม และขนบประเพณี รวมถึงความเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยยึดเหนี่ยวจิตใจของผู้คนที่อยู่รวมกันในสังคมของปัตตานีมีความงดงามที่ทำให้ผู้ไปเยือนทุกคนต่างหลงใหล
วันนี้ Mr. Flower ขอพาคุณไปกราบนมัสการและชมมัสยิดกลางปัตตานี ที่หลาย ๆ คนขนานนามว่าทัชมาฮาลของเมืองไทย มัสยิดกลางแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ตำบลอาเนาะรู อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี เริ่มก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2497 และทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในปี 2506 จุดเด่นของมัสยิดกลางปัตตานีคือยอดโดมทรงกลมสีเขียวขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กึ่งกลางอาคาร แล้วประดับด้วยโดมขนาดเล็กล้อมรอบโดมใหญ่ 4 ด้าน โดยแต่เดิมนั้นด้านข้างของมัสยิดมีหออาซาน 2 ฝั่ง แต่ภายหลังได้สร้างเพิ่มอีกสองหอ ส่วนเบื้องหน้ามัสยิดมีสระน้ำ คนจำนวนมากที่เป็นผู้ต่างศาสนามักจะไม่กล้าเข้าไปชมความงามของมัสยิดแห่งนี้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผู้ดูแลมัสยิดฝากบอกว่าสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ต้อนรับศาสนิกชนทุกศาสนา เพียงแต่ขอให้แต่งกายให้เหมาะสม และมีกิริยาสำรวมในระหว่างเข้ากราบนมัสการและเยี่ยมชมภายในตัวอาคาร แต่ Mr. Flower แนะนำว่า หากคุณได้ชมความงามของมัสยิดแห่งนี้ในเวลาค่ำ (เปิดประตูใหญ่ถึงเวลา 21 นาฬิกา) คุณจะหลงใหลในความงดงาม
ศาสนสถานต่อมาคือมัสยิดกรือเซะ หรือมัสยิดสุลต่านมูซัฟฟาร์ชาห์ หรืออีกชื่อหนึ่งคือมัสยิดปิตูกรือบัน ศาสนสถานแห่งนี้มีอายุกว่า 200 ปี สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา ลักษณะเด่นของศาสนสถานนี้คือรูปทรงของประตูมัสยิดที่เป็นวงโค้งแหลมแบบโกธิคของยุโรป โดยผสมผสานกับสถาปัตยกรรมของชาวตะวันออกกลาง ผู้รู้บอกว่า คำว่า ปิตูแปลว่าประตู ส่วนกรือบันแปลว่า ช่องประตูที่มีรูปโค้ง มีตำนานเกี่ยวกับมัสยิดกรือเซะถูกผูกโยงเข้ากับตำนานของเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ซึ่งมีสุสานลิ้มกอเหนี่ยวอยู่ใกล้เคียงกับมัสยิดแห่งนี้ ตำนานเล่าว่าสาเหตุที่มัสยิดแห่งนี้สร้างไม่เสร็จสมบูรณ์เพราะต้องคำสาปของเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว แต่ในเชิงวิทยาศาสตร์ให้เหตุผลที่ก่อสร้างไม่สำเร็จว่า เป็นเพราะโครงสร้างโดมของเดิมนั้นไม่แข็งแรงเพียงพอและขาดความสมดุลจึงทำให้พังทลายลงมา และจากการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ไม่พบร่องรอยของไฟไหม้หรือการถูกฟ้าผ่า ตามที่เล่าขานในตำนานแต่ประการใด แต่ตามประวัติศาสตร์ระบุว่า เมื่อราชวงศ์กลันตันปกครองปัตตานีต่อจากราชวงศ์ศรีวังสา ก็ได้สั่งให้ย้ายศูนย์กลางเมืองไปยังบานาและจะบังติกอตามลำดับ ดังนั้นมัสยิดกรือเซะจึงถูกปล่อยทิ้งให้ร้าง แต่แม้มัสยิดแห่งนี้จะสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์ก็ตาม คุณก็ยังสามารถสัมผัสถึงความงดงามของมัสยิดแห่งนี้ได้
ส่วนศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว หรือศาลเจ้าเล่งจูเกียง ตั้งอยู่ที่เลขที่ 63 ถนนอาเนาะรู ตำบลอาเนาะรู อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานีภายในประดิษฐานรูปแกะสลักเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว และรูปบูชาของเจ้าแม่ทับทิม พระหมอ และทุกปีในวันที่ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ตามปฏิทินจันทรคติจีนจะมีงานประเพณีแห่เจ้าแม่ไปตามถนนสายต่างๆ ของเมืองปัตตานี และมีพิธีลุยไฟหน้าศาลเจ้า รวมถึงว่ายน้ำข้ามแม่น้ำตานีที่บริเวณสะพานเดชานุชิต
ตามตำนานระบุว่าเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวเป็นสตรีจีน มีอายุในสมัยราชวงศ์เหม็ง นางเดินทางมาจากเมืองจีนเพื่อติดตามพี่ชายซึ่งมาอยู่ที่เมืองปัตตานี โดยเหตุการณ์ครั้งนั้นน่าจะตรงกับรัชสมัยของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช แห่งกรุงศรีอยุธยา ตำนานลิ้มกอเหนี่ยวระบุด้วยว่าเจ้าแม่เป็นผู้มีวาจาสัตย์ มีความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญมาก เมื่อเจ้าแม่ทำตามคำมั่นที่ให้กับครอบครัวในเมืองจีนไม่สำเร็จ เพราะไม่สามารถนำตัวพี่ชายกลับไปเมืองจีนได้ ตำนานระบุว่าพี่ชายของนางคือลิ้มโต๊ะเคี่ยม ซึ่งเป็นผู้ก่อสร้างมัสยิดกรือเซะ เมื่อทำการตามที่สัญญาไม่สำเร็จ เจ้าแม่จึงยอมสละชีวิตเพื่อรักษาสัจจะ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผู้นับถือศรัทธาในเจ้าแม่อย่างมาก
เหตุที่ Mr. Flower เล่าเรื่องเกี่ยวกับมัสยิดกลางปัตตานี มัสยิดกรือเซะ และศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวให้คุณๆ ได้ฟังในวันนี้ก็เพียงแค่ต้องการจะบอกคุณว่า เมืองปัตตานีมีความหลากหลายที่งดงาม และขอยืนยันว่าหากคุณได้ไปเที่ยวเมืองปัตตานี คุณจะยอมรับว่าความแตกต่างหลากหลายคือความงดงามของมนุษยชาติ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี