“ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก” ได้รับพระราชทานชื่อจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มีชื่อภาษาอังกฤษว่า “Golden Jubilee Medical Center” เริ่มเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2549 เป็นโรงพยาบาลหนึ่งภายใต้สังกัดมหาวิทยาลัยมหิดล ให้บริการทางการแพทย์แก่บุคลากรในสังกัดมหาวิทยาลัยมหิดลและประชาชนทั่วไปที่อยู่ในละแวกนั้น
ภายหลังจากที่ย้ายเข้ามาอยู่ภายใต้การดูแลของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ในปี 2560 ทีมผู้บริหารของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ก็ได้มีการวางแผนดำเนินงาน เพื่อรองรับการขยายให้บริการด้านสาธารณสุขแก่ประชาชนในพื้นที่โดยรอบในเขต 5 จำนวน 8 จังหวัด คือ ราชบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม กาญจนบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ เพื่อทำหน้าที่เสมือนทัพหน้าช่วยดูแลสุขภาพขั้นพื้นฐานให้กับประชาชนฝั่งตะวันตกโดย ไม่ต้องไปแออัดกันที่โรงพยาบาลศิริราชอีกต่อไป
พญ.มนัสวี จรดล รองอำนวยการศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก กล่าวว่านอกจากจะให้บริการด้านสาธารณสุขกับประชาชนทั่วไปแล้ว ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษกยังได้รับพันธกิจให้เป็นที่ทำการเรียนการสอนแก่นักศึกษาแพทย์ด้วย โดยเฉพาะนักศึกษาแพทย์ชั้นปี 2-6 ระดับปริญญาตรี เนื่องจากคนไข้ที่มารักษาในโรงพยาบาลศิริราช ส่วนใหญ่เป็นโรคที่ซับซ้อน รุนแรง ไม่เหมาะกับการเป็นตัวอย่างการเรียนการสอนพื้นฐานของนักศึกษาแพทย์
“นักศึกษาแพทย์เมื่อเรียนจบระดับปริญญาตรีจะต้องออกไปทำงานใช้ทุนที่โรงพยาบาลในต่างจังหวัด ซึ่งคนไข้ที่มารักษาที่ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษกส่วนใหญ่เป็นคนไข้ที่มีอาการเจ็บไข้ทั่วไปขั้นพื้นฐาน การได้เรียนรู้วิธีการรักษาจากคนไข้ที่นี่จึงเหมาะสมกว่าการเรียนรู้จากคนไข้ในโรงพยาบาลศิริราชที่มีอาการ
ซับซ้อนและรุนแรงมากกว่า”
ทั้งนี้ ผู้ป่วยที่มารับบริการส่วนมากจัดอยู่ในกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคผู้สูงอายุ ทั้งโรคข้อเข่าเสื่อม โรคต้อกระจก เนื่องจากทำเลที่ตั้งโรงพยาบาลมีผู้สูงอายุอยู่เป็นจำนวนมาก ส่วนผู้ป่วยที่มีอาการซับซ้อน รุนแรง ทางศูนย์ฯมีระบบส่งต่อไปรักษายังโรงพยาบาลศิริราช โดยไม่ต้องไปตรวจคัดกรอง หรือทำประวัติใหม่ ที่ผ่านมามีการส่งต่อผู้ป่วยไปรักษาที่ศิริราชหลายรายโดยเฉพาะผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองผู้ป่วยโรคหัวใจ ที่ต้องการรักษาด่วน
ปัจจุบันศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษกกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างส่วนต่อขยายเพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการรักษาให้เข้าถึงคนไทยมากยิ่งขึ้น และพัฒนาในทุกด้านด้วยมาตรฐานโรงพยาบาลศิริราช อย่างครบวงจร เพื่อดูแลผู้ป่วยทุกระดับอย่างเท่าเทียม คาดว่าจะใช้งบประมาณในการก่อสร้างส่วนต่อขยาย 650 ล้านบาทและจัดซื้อครุภัณฑ์อีก 150 ล้านบาทภายหลังขยายขนาดโรงพยาบาลแล้วเสร็จ ในปี 2563 จะสามารถให้บริการผู้ป่วยเพิ่มขึ้นถึง 2,500 คน/วัน จากเดิม 1,500 คน/วันเพิ่มเตียงผู้ป่วยเป็น 200 เตียง จากเดิมที่มีเพียง 60 โดยอัตราการครองเตียงของที่นี่สูงถึง 90%
“จุดเด่นของศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก คือ เป็นโรงพยาบาลที่ให้บริการแพทย์แผนทางเลือกแบบผสมผสาน ทั้งแพทย์แผนปัจจุบัน แพทย์แผนไทย และแพทย์แผนจีน มีการฝังเข็ม นวดแผนไทย เป็นที่ศึกษาดูงานของโรงพยาบาลจากต่างประเทศ สามารถให้บริการครบทุกสาขา ยกเว้นบางแผนกที่ยังขาดแพทย์เฉพาะทาง คือสูตินารีเวช และศัลยแพทย์สมอง ทั้งนี้บรรยากาศแวดล้อมโดยทั่วไปของโรงพยาบาลดูสวยอบอุ่น ร่มเย็น มีดนตรีในสวนจากจิตอาสาบรรเลงอีกด้วย”
ดังนั้น ขอเชิญชวนคนไทยร่วมบริจาคสมทบทุนเพื่อสร้างอาคารศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษกส่วนต่อขยายระยะที่ 2 ได้ที่มูลนิธิศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก ธนาคารไทยพาณิชย์ บัญชีออมทรัพย์ เลขที่บัญชี 280-200388-2, งานการคลัง ชั้น 4 ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก ธนาคารไทยพาณิชย์ บัญชีกระแสรายวัน เลขที่บัญชี 316-304130-9 หรือที่ ศิริราชมูลนิธิ โรงพยาบาลศิริราช ธนาคารกรุงเทพ เลขที่บัญชี 939-3-50022-9 และบริจาคเพิ่มเติมได้ที่เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์, ท็อปส์ และเซกาเฟรโด ซาเนตติ เอสเปรสโซทุกสาขา ในโครงการ 20 บาทเพื่อศิริราช-กาญจนา ผ่านบาร์โค้ดที่จุดแคชเชียร์ หรือกล่องรับบริจาคที่จุดบริการลูกค้า รวมทั้งสแกนคิวอาร์โค้ดผ่านโมบายแบงกิ้ง ตั้งแต่วันที่ 7 พ.ย. 2561-30 เม.ย. 2562
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี