อุทัย อุทัยแสงสุข
ด้วยสภาพแวดล้อม และภัยพิบัติต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากหลายประเทศทั่วโลก ส่งผลให้คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยความเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) ได้ส่งสารถึงผู้นำทั่วโลกว่า ให้ประชาชนทุกคนช่วยกัน “ควบคุมการเพิ่มอุณหภูมิโลกจาก 2 องศาเซลเซียส เหลือเพียง 1.5 องศาเซลเซียส” โดยกำหนดเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้ได้ 45% ภายในปีพ.ศ.2573 และกลายเป็นศูนย์ ภายในปีพ.ศ.2593 ส่งผลบวกให้น้ำทะเลเพิ่มน้อยกว่า 10 เซนติเมตรในปีพ.ศ.2643 หรือลดปรากฏการณ์ฟอกขาวของปะการังให้อยู่ที่ 70-90% หลายประเทศเริ่มมีมาตรการต่างๆ ออกมาสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชนเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม อาทิ ไอร์แลนด์, อิตาลี, เนเธอร์แลนด์ และสหราชอาณาจักร
จารุพัชร อาชวะสมิต
เนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลกที่ผ่านมา กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เชิญชวนประชาชนร่วมกันใส่ใจ “ลดขยะพลาสติก” หรือถ้าเราเอามันกลับมาใช้ใหม่ไม่ได้ ก็จงปฏิเสธมันซะ! จนเป็นที่มาของการเปิดเวทีแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านรักษาสิ่งแวดล้อม โดย บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ได้ผนึกกำลังรวมตัวผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ อาทิ นักวิชาการ ผู้ออกแบบผลิตภัณฑ์ด้าน Upcycling และนักออกแบบสถาปัตยกรรม มาร่วมให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับมุมมองด้านการก่อสร้าง รวมทั้งการออกแบบนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม
เริงรงค์ วงษ์สวรรค์
อุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ด้วยวิสัยทัศน์ของแสนสิริ ที่ไม่เพียงแค่พัฒนาหรือสร้างที่อยู่อาศัย แต่ดำเนินธุรกิจบนรากฐานของการใส่ใจด้านคุณภาพชีวิตและไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยให้แก่ลูกค้าภายใต้แนวคิด Customer-Centric พร้อมทั้งใช้องค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและจัดการพลังงานอย่างยั่งยืน ภายใต้โมเดลต้นแบบ “แสนสิริ กรีน มิชชั่น-Sansiri Green Mission”สะท้อนปรัชญาของแนวคิด “เศรษฐกิจหมุนเวียน” หรือ “Circular Economy” ภายใต้การวิจัยและพัฒนาเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและจัดการพลังงานอย่างยั่งยืน ซึ่งปัจจัยหลักประการ 4 ได้แก่ Waste Management การจัดการของเสียอย่างมีประสิทธิภาพ Energy Saving & Generation การบริหารจัดการและการผลิตพลังงานไฟฟ้าทดแทน Smart Move การเติมเต็มประสบการณ์ที่อยู่อาศัยด้วยแพลตฟอร์มบริการยานพาหนะและ Sustainability การบริหารเพื่อขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน ซึ่งมุ่งเป้าในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์เฉลี่ย 2,120 ตัน หรือเทียบเท่าพื้นที่ป่าสีเขียวกว่า 1,700 ไร่ ภายในปีพ.ศ.2564 ซึ่งโมเดลนี้จะเป็นกุญแจขับเคลื่อนการสร้างเมืองแห่งอนาคตที่มีความยั่งยืนและเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่จะยกระดับมาตรฐานของวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยให้ก้าวสู่การให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมอย่างครบวงจร
ด้าน กฤษณ์ จินดาวานิชสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี แลนด์สเคป จำกัด กล่าวว่า ได้เร่งดำเนินการตามนโยบายหลัก “Passion for Better living-ทำให้ดีและดียิ่งขึ้น เพื่อให้คุณมีชีวิตที่ดียิ่งกว่า” ผ่านมุมมองด้านนวัตกรรม Earth Blox ที่นำเศษคอนกรีตที่ใช้แล้วทิ้งหรือเศษที่เหลือจากการก่อสร้างกลับมาเป็นส่วนผสมในการแปรรูปเพื่อสร้างบล็อกคอนกรีตใหม่โดยสามารถลดการใช้คอนกรีตธรรมชาติได้มาถึง 40% ส่งเป็นรูปธรรมตามวงจร Circular Economy ที่ผสานการสร้างสรรค์นวัตกรรมและเทคโนโลยีภายใต้การวิจัยและพัฒนาในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง
จารุพัชร อาชวะสมิต อาจารย์ประจำภาควิชาศิลปอุตสาหกรรมคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และ Material Designer กล่าวว่า ในมุมมองของนักวิชาการออกแบบ เรามองว่าถ้าเราเริ่มจากศูนย์จนถึงสิบ แล้วกลับมาศูนย์ใหม่ เราไม่ควรสูญเสียอะไรเลย โดยเฉพาะพลังงาน ซึ่งเรามองว่าการทิ้งขยะ 1 ชิ้นแล้วเราสามารถนำขยะชิ้นนั้นกลับมาใช้อะไรได้บ้าง ความคิดนี้อาจจะเป็นความคิดเมื่อ 10 ปีที่แล้ว แต่ปัจจุบันเราต้องมองว่าเราจะหาพลังงานใหม่ๆ อะไรกลับมาใช้ได้บ้าง อาทิ พลังงานจากร่างกายคนเราต้องคิดว่าพลังงานความร้อนจากร่างกาย เราสามารถนำพลังงานกลับมาใช้เพื่อชาร์จแบตมือถือ หรือการนำขยะถุงพลาสติก PE มารีไซเคิลเป็นกระเป๋าไลฟ์สไตล์ หรือขยะจากอาคารจากการก่อสร้าง เราสามารถนำมาแปรรูปเป็นโคมไฟ หรือเราสามารถนำเปลือกถั่วลิสงมาอัดเป็นแผ่นไม้หรือบอร์ดบุผนังได้ ทุกวันนี้ ถ้าเราศึกษาวัสดุจริงๆ ต้องนับว่าทุกอย่างสามารถนำกลับมาใช้ได้ และถ้าวันนี้เราเริ่มให้ความสนใจและหันใจ เราจะสามารถช่วยโลก ช่วยสิ่งแวดล้อมของเราได้ในอนาคต
ส่วน เริงรงค์ วงษ์สวรรค์นักออกแบบและผู้ก่อตั้งแบรนด์ Rubber Killer ให้ความเห็นว่า แบรนด์ของเราคือการนำยางในรถยนต์ หรือรถสิบล้อนำกลับมาใช้เป็นสินค้าไลฟ์สไตล์ ทั้งกระเป๋า รองเท้า หรือหมวก เป็นต้น ซึ่งเราสามารถลดการใช้ขยะยางรถยนต์เหลือใช้ใน 8 ปี ได้ถึง 30,000 เส้น ซึ่งหากปล่อยไว้ยางรถนี้จะใช้เวลานานมากในการย่อยสลายตามธรรมชาติ หรืออาจจะไม่ย่อยสลายเลย และหากนำไปเผาทิ้งก็จะเกิดเป็นควันและมลพิษ นำไปสู่หนึ่งในสาเหตุการเกิดภาวะเรือนกระจก ดังนั้น การ Upcycling จึงเป็นวิธีที่ทำให้เกิดการหมุนเวียนของขยะยางรถยนต์ ให้สามารถนำมาใช้เป็นสินค้าไลฟ์สไตล์ที่เกิดประโยชน์ได้อีกต่อๆ ไป ถ้าเราทุกคนในประเทศไทยช่วยกัน และเข้าใจวงจรขอแนวคิด Circular Economy ที่นำเอา Reduce-Recycle-Design-Retailer-Consumers มาใช้ในชีวิตประจำวันได้เราทุกคนก็จะสามารถเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยโลกและรักษาสิ่งแวดล้อมได้ทุกคน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี