ในยุคที่เทคโนโลยีทางการแพทย์ถูกพัฒนาอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ช่วยให้คนเรามีอายุยืนยาวขึ้น อีกทั้งไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ ที่หันกลับมาดูแลสุขภาพกันมากขึ้น การเลือกรับประทานอาหารที่มาจาก ธรรมชาติ อาหารที่ช่วยเพิ่มพลังกายพลังสมอง เพื่อให้ร่างกายพร้อมรับมือกับงานหนัก และเรื่องราวต่างๆ ได้ทุกวัน รวมถึงการมาของเทคโนโลยี AI (Artificial Intelligence) หรือปัญญาประดิษฐ์ ที่เริ่มมีบทบาทสำคัญต่อการ ใช้ชีวิตของคนเราทุกวันนี้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและถูกนำมาปรับใช้เพื่อดูแลสุขภาพกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นนวัตกรรมการตรวจสุขภาพ การรักษา ระบบการดูแลสุขภาพองค์รวม เป็นต้น สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่เพียงต้องการแค่การมีสุขภาพดีขึ้นเท่านั้น แต่มุ่งหวังให้คนเราได้มีอายุยืนยาวแบบสุขภาพดีอีกด้วย
ล่าสุดจากงานประชุม TheUltimate Frontier for Smart Aging ข้อมูลจาก อ.วิไลพร ทวีลาภพันทองหุ้นส่วนสายงานที่ปรึกษาบริษัทPwCConsulting (ประเทศไทย)เปิดเผยว่า จากการประชุมเวทีสภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum) เทคโนโลยี AI จะเข้ามามีบทบาทในการดูแลสุขภาพและการรักษาผู้ป่วยในอนาคตมากขึ้น เช่น Internet of Things (IoT) ที่สามารถเชื่อมโยงอุปกรณ์ต่างๆ ทางการแพทย์เข้ากับเครือข่ายอินเตอร์เนต เพื่อควบคุมอุปกรณ์ผ่านโทรศัพท์มือถือ ในการวินิจฉัยปรับปรุงด้านการให้การรักษาและดูแล ตลอดจนระบุพิกัดของบุคลากรทางการแพทย์รวมทั้งเครื่องมือและอุปกรณ์ในการรักษาต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ จะเห็นว่าเทคโนโลยี AI ที่เมื่อก่อนเราอาจมองเป็นเรื่องไกลตัว แต่อีกไม่นานมันจะกลายเป็นส่วนหนึ่งในการใช้ชีวิตประจำวันของคนเรา
นอกจากเทคโนโลยีที่ช่วยให้มนุษย์ได้รับความสะดวกสบาย ช่วยในการสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แล้วสิ่งสำคัญที่เป็นหัวใจหลักของการมีสุขภาพดีขึ้นก็คือเรื่องอาหารและโภชนาการ การเริ่มต้นด้วยการดูแล ตนเองและคนรอบข้างด้วยการสร้างบริโภคนิสัยที่ดี ฉลาดเลือกรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ นับเป็นพื้นฐานที่สาคัญที่สุดในการมีสุขภาพดีไปตลอดชีวิต ปัจจุบันแนวคิดการใช้อาหารในการป้องกันโรคและส่งเสริมสุขภาพเป็นที่ยอมรับว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินชีวิตของคนเรามากขึ้นมีงานวิจัยมากมายพบว่าสารอาหารมีผลต่อระบบการทำงานของร่างกายและสมอง และปัจจุบันมีข้อมูลของอาหารเสริมสุขภาพ (functionalfood) มากขึ้นซึ่งได้รับความสนใจที่จะใช้เป็นทางเลือกเพื่อเสริมประสิทธิภาพการทำงานของร่างกายและสมอง โดยในงานประชุมดังกล่าว ศ.นพ.โคกะโยชิฮิโกะ จากภาควิชาประสาทวิทยาคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเคียวรินประเทศญี่ปุ่น กล่าวถึงสารอาหารที่สำคัญต่อสุขภาพสมอง เช่น Krilloil ซึ่งเป็นนํ้ามันที่สกัดมาจากสัตว์ทะเลขนาดจิ๋ว ในกลุ่มเดียวกับพวกกุ้งขนาดเล็ก อุดมด้วยสารแอสตาแซนทีนที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูง ทั้งยังมีองค์ประกอบของกรดไขมันเป็นชนิดโอเมก้า 3 ซึ่งการวิจัยพบว่า Krilloilมีส่วนช่วยเสริมสร้างและป้องกันความเสื่อมของเซลส์สมองที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้และความจำ
นอกจากนี้ ศ.นพ.โคกะ โยชิฮิโกะได้ทำการศึกษาผลของการดื่มซุปไก่สกัดซึ่งเป็นอาหารฟังก์ชั่นที่ได้รับความสนใจอย่างแพร่หลายมายาวนานในแถบเอเชีย โดยสารสำคัญในซุปไกสกัด คือ ไบโอเปปไทด์อะมิโนคอมเพล็กซ์ ที่พร้อมให้ร่างกายดูดซึมไปใช้ได้ทันที ผลจากการวิจัยพบว่าซุปไก่สกัดช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของสมอง โดยช่วยให้เลือดนำออกซิเจนไปเลี้ยงสมองส่วนหน้าซึ่งเป็นสมองส่วนสำคัญที่เกี่ยวข้องกับความจำ การคิด ตัดสินใจได้ดีขึ้น
ข้อมูลจาก ดร.วาลุกา พลายงามวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ได้แนะแนวทางการปฏิบัติตัวโดยทั่วไปเพื่อดูแลสุขภาพสมองด้วยการมีพฤติกรรมสุขภาพที่ดี เช่น นอนให้เพียงพอวันละ 7-8 ชั่วโมง ออกกำลังกายให้สมํ่าเสมอ การพยายามฝึกให้สมองได้คิดบ่อยๆ ฝึกสมาธิ ลดความเครียด รับประทาน อาหารครบหมู่ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันอิ่มตัว และคอเลสเตอรอลสูง เป็นต้น นอกจากนี้ เพื่อเป็นการดูแลที่มากยิ่งขึ้น การเลือกเสริมอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ สารพฤษเคมี และวิตามินต่างๆ ที่จำเป็นต่อการทำงานของสมองให้เพียงพอ รวมทั้งอาหารฟังก์ชั่นจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกหนึ่งในการดูแลสุขภาพสมองเพื่อส่งเสริมสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น เพราะเซลล์สมองประมาณพันล้านเซลล์ต้องการสารอาหารในการเสริมสร้างการทำงานของเซลล์ประสาท หากขาดสารอาหารเพียงบางชนิดจำนวนเล็กน้อย ก็ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของสมองลดลงได้ ก่อนที่ร่างกายจะแสดงอาการขาดสารอาหาร เซลล์สมองทุกๆ ตัวทำงานโดยใช้สารเคมีที่เรียกว่า สารสื่อประสาท ซึ่งต้องการโปรตีน วิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ในการสร้างสารสื่อสมอง หากสมองได้รับสารอาหาร บำรุงเลี้ยงอย่าง เพียงพอสมํ่าเสมอ ก็จะทำให้สมองของคนเราทำงานได้ดี การเลือกอาหารที่ให้สารอาหารสมดุล จึงมีอิทธิพลต่อการทำงานของสมองโดยตรง
ต้องยอมรับว่าทุกวันนี้ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรุดหน้าไม่มีที่สิ้นสุด ก่อเกิด นวัตกรรมที่มีประโยชน์ สร้างความสะดวกสบายให้แก่มนุษย์ในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะเรื่องใกล้ตัว อย่าง สุขภาพ หากทุกคนมีการเตรียมพร้อมและรู้จักปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีต่างๆ ได้ ย่อมใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ผศ.(พิเศษ) ดร.อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์
ประธานกรรมการมูลนิธิคุณแม่คุณภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี