สีสันตึกเก่าชุมชนภูเก็ต
น้อยคนนักที่จะรู้ว่าเมืองเก่าของภูเก็ตมีมนต์เสน่ห์มากมาย มนต์เสน่ห์ที่ว่านั้นมิใช่แค่เพียงอาคารเก่าที่ปลูกสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบชิโน-โปรตุกีส ที่มีอายุกว่าร้อยปีมาแล้ว แต่มนต์เสน่ห์ที่แท้จริงของชุมชนเก่าของเมืองภูเก็ตคือ การอยู่ร่วมกันแบบผสานผสมกลมเกลียวเป็นเนื้อเดียวกันของศาสนิกชนที่นับถือศาสนาต่างกัน เนื่องจากตัวเมืองเก่าภูเก็ต หรือบางคนอาจเรียกว่าตึกแถวเก่าของภูเก็ตนั้นมีทั้งศาลเจ้า โบสถ์คริสต์ และมัสยิด รวมถึงใกล้ๆ กับตึกแถวนั้นก็ยังมีวัดวาอารามของศาสนาพุทธตั้งอยู่ด้วย นี่คือเครื่องยืนยันได้อย่างหนักแน่นว่า คนไทยในชุมชนนี้ แม้จะนับถือศาสนาหรือมีความเชื่อในสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจต่างกัน แต่ทุกคนก็สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างแนบแน่นเสมือนเนื้อเดียวกัน
เมื่อพูดถึงความสวยงามของสถาปัตยกรรมชิโน-โปรตุกีส ก็ทำให้นึกถึงภาพบ้านหรืออาคารคอนกรีตทรงสูงสองชั้นที่ผสมผสานศิลปะแบบตะวันตกกับตะวันออกได้อย่างลงตัว ส่วนหน้าต่างชั้นบนของอาคารจะเป็นรูปทรงโค้ง เหนือกรอบหน้าต่างจะเจาะช่องแล้วประดับกระจกสี ส่วนด้านล่างของบ้านจะเว้นที่ว่างหน้าบริเวณบ้านไว้ โดยทำเป็นทางเท้าแต่น่าสนใจตรงที่มีหลังคาคลุมเชื่อมต่อกันตลอดแนว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความอารีอารอบและความมีน้ำใจต่อผู้อื่นจากเจ้าของบ้านที่คำนึงถึงเรื่องความสะดวกสบายในการเดินทางสัญจรไป-มาในฤดูฝน (เพราะในอดีตภูเก็ตมีฝนค่อนข้างชุก) หรือในยามมีแดดร้อน
รายการแนวหน้าวาไรตี้ สัปดาห์นี้ดร.เฉลิมชัย ยอดมาลัย ไปพูดคุยกับแขกรับเชิญสองราย คือคุณสมยศ ปาทาน ประธานชุมชนเก่าภูเก็ต และคุณชนาสิษฐ์ เชี่ยวชาญพิพัฒน์กุล กรรมการผู้จัดการโครงการถลางมณีคราม
สมยศ ปาทาน ประธานชุมชนเมืองเก่าภูเก็ต
นับเป็นความโชคดีอย่างมากของคนในตัวเมืองภูเก็ต เพราะบรรพบุรุษของเราได้สร้างบ้านเมืองที่งดงามไว้ให้กับพวกเรา ซึ่งปัจจุบันได้กลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองเก่าภูเก็ต อาคารเก่าเหล่านี้มีอายุกว่าร้อยปีแล้ว โดยการก่อสร้างเริ่มในรัชสมัยของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ แต่เมื่อกาลเวลาผ่านล่วงมา บ้านเรือนและอาคารเหล่านี้ก็ทรุดโทรมลงตามกาลเวลา แต่สุดท้ายเมื่อคนในชุมชนเก่าของภูเก็ตกลับมาตระหนักถึงคุณค่าของอาคารโบราณเหล่านี้ พวกเขาก็ร่วมมือร่วมใจช่วยกันทำนุบำรุงและบูรณะอาคารเก่าเหล่านี้ให้กลับมางดงามและมีชีวิตชีวา
อันที่จริงจะบอกว่าอาคารเหล่านี้เป็นอาคารเก่าก็คงจะไม่ผิด แต่อาคารเก่าเหล่านี้ไม่เคยถูกปล่อยทิ้งร้างแม้แต่วันเดียว เพราะภายในอาคารยังมีผู้คนอาศัยอยู่ตลอดเวลา จึงกล่าวได้ว่าอาคารเก่าเหล่านี้ไม่เคยถูกปล่อยให้ปราศจากสิ่งมีชีวิต แต่ในขณะเดียวกันอาคารบ้านเรือนทุกหลังยังคงมีความเกี่ยวพันกับวิถีชีวิตของผู้คนในแง่มุมต่างๆทั้งแหล่งทำมาค้าขาย ที่พักอาศัย และที่ประกอบศาสนกิจ ครั้นเมื่อมีคนต่างถิ่นมาเยี่ยมมาเยือนเมืองเก่าภูเก็ตมากขึ้น เจ้าของบ้านก็พยายามปรับปรุงบ้านให้อยู่ในสภาพดี ชวนมองมากขึ้น ทั้งนี้ก็ได้รับการสนับสนุนจากคนในชุมชนให้ช่วยกันทาสีบ้านให้สวยสดงดงาม และเลือกใช้สีที่มีโทนสีหรือเฉดสีที่ค่อนข้างกลมกลืนกัน รวมถึงเลือกใช้สีที่สามารถระบายอากาศจากผนังอาคารได้ด้วย
นอกจากทำบ้านให้น่าเที่ยวน่ามองแล้ว คนในชุมชนยังคงรักษาเอกลักษณ์ดั้งเดิมของชุมชนไว้ด้วย เช่น การเก็บรักษาห้องครัวแบบเดิม เตาไฟแบบเดิม รวมถึงพยายามอนุรักษ์บ่อน้ำกลางบ้านไว้เหมือนเดิม แม้ทุกวันนี้แต่ละบ้านจะใช้น้ำประปาก็ตาม แต่ที่สำคัญที่สุดคือเราทุกคนช่วยกันดูแลความปลอดภัยในกับผู้มาเยือน รวมถึงทำทางเดินให้เหมาะกับคนทุกวัยรวมถึงคนพิการที่ต้องใช้วีลแชร์ และเราก็เพิ่มส่วนประกอบเพื่อช่วยดึงดูดให้ผู้มาเยือนประทับใจคือ การทำ street artตามจุดต่างๆ ของชุมชน เช่นที่ปากซอยรมณีย์ จะมีภาพพ้อต่อ หรือน้องมาร์ดีในเต่าสีแดง ขนมดั้งเดิมของชาวภูเก็ต ที่ทำขึ้นเพื่อความมีอายุยืนยาวของผู้ที่ได้กินขนม ภาพนี้วาดโดยภัทรพล แดงรื่น หรือ Alex Face และยังมีงาน street artอีกมากมายในเมืองเก่าภูเก็ตวัตถุประสงค์ที่ทำก็เพื่อให้แขกของเราสามารถเดินเที่ยวเดินชม เดินชิม และเดินช็อปได้อย่างสนุกสนาน และได้พูดคุยอย่างเป็นกันเองกับคนในชุมชน
และที่เราค่อนข้างจะภูมิใจนำเสนออีกเรื่องก็คือ ล่าสุดเมืองเก่าภูเก็ตมีความน่ามองมากขึ้น หลังจากที่ได้นำสายไฟลงใต้ดินเรียบร้อยแล้ว เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งที่ผู้มาเยือนเมืองเก่าภูเก็ตไม่ควรพลาดคือการได้เข้าไปทำครัวและกินข้าวกับคนในชุมชน ซึ่งเราจะให้ผู้มาเยือนได้ปรุงอาหารด้วยตัวเอง โดยมีชาวชุมชนคอยให้คำแนะนำ ซึ่งนับเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจมาก และที่ต้องกล่าวถึงอีกเรื่องก็คือ ชุมชนเก่าภูเก็ตนั้นเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าต่างๆโดยอยู่ใกล้ชิดติดกับโบสถ์คริสต์ และมัสยิด แล้วก็อยู่ไม่ไกลจากวัดของศาสนาพุทธ นี่คือเสน่ห์ของชุมชนเก่าภูเก็ตที่ยืนยันได้ว่าพี่น้องในชุมชนทุกคนต่างอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขมายาวนานและตลอดไป
ส่วนแขกรับเชิญของรายการอีกรายหนึ่งคือ คุณชนาสิษฐ์ เชี่ยวชาญพิพัฒน์กุล กรรมการผู้จัดการโครงการถลางมณีคราม ตำบลถลาง อำเภอเมืองภูเก็ต
ชนาสิษฐ์บอกว่า หลายคนอาจจะหลงลืมไปแล้วว่า ชื่อเดิมของภูเก็ตคือถลาง และอีกชื่อหนึ่งคือมณีคราม ดังนั้นเราจึงตั้งชื่อเมืองแห่งนี้ว่า ถลางมณีคราม เมืองที่แสดงออกถึงความมีอารยธรรมอันเป็นรากเหง้าของสังคมไทยเรานำเอาวัฒนธรรมด้านการละเล่นพื้นเมือง การแต่งกาย การใช้ชีวิต และอาหารการกินในชีวิตประจำวัน รวมถึงบ้านเรือนของภาคต่างๆ ทั่วเมืองไทยมาไว้ในเมืองแห่งนี้ เราผสมผสานสถาปัตยกรรมจากทุกภาคของไทยไว้ในเมืองแห่งนี้ เพราะเราต้องการให้นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะชาวต่างชาติได้เห็นความเป็นไทยภายในเวลาอันค่อนข้างจำกัด เพราะบางคนไม่สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวทั่วทุกแห่งของเมืองไทยได้นอกจากนี้เรายังตั้งใจให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงชาวไทยด้วย ได้ตระหนักว่าชีวิตของคนไทยส่วนใหญ่นั้นอยู่ใกล้ชิดกับสายน้ำ ดังนั้นเราจึงขุดคลอง ภายในโครงการแล้วมีเรือให้นักท่องเที่ยวได้ล่องไปตามลำคลอง ลัดเลาะไปตามชุมชนภายในโครงการ และได้สัมผัสกับกลิ่นอายของตลาดน้ำ ผู้ที่เข้ามาเที่ยวชมในโครงการถลางมณีครามจะได้แต่งชุดไทยในยุคต่างๆ แล้วเที่ยวชมดูนาข้าว รับทานอาหารไทย ซื้อสินค้าทั้งที่ผลิตจากชุมชนและสินค้าแบรนด์ดังระดับโลก ดูการละเล่นต่างๆ ของไทย และที่สำคัญคือจะได้เล่นสงกรานต์ตลอดปี เพราะเราทำลานสำหรับเล่นน้ำวันสงกรานต์ไว้โดยเฉพาะ สาเหตุที่เราทำลานเล่นสงกรานต์ตลอดปีไว้ก็เพราะว่าชาวต่างประเทศจำนวนมากบอกว่าอยากเล่นน้ำสงกรานต์ แต่ไม่เคยมาเที่ยวไทยในช่วงสงกรานต์ เราจึงสนองความต้องการให้กับนักท่องเที่ยว
คุณจะได้พบกับเรื่องราวดีๆ มีสาระได้ในรายการ แนวหน้าวาไรตี้ ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 16.00-16.25 น.ทางสถานีโทรทัศน์ TNN 2 (ช่อง 784ดิจิทัลทีวี) หรือ True Visions 8 และชมรายการย้อนหลังได้ใน YouTube ผู้หญิงแนวหน้า by คุณแหน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี