แม่วัวกับลูกวัว ก่อนที่จะขาหัก
ชีวิตหนึ่งชีวิตย่อมมีค่าเท่ากัน ไม่ว่าชีวิตนั้นจะเป็นชีวิตของคนหรือของสัตว์ และไม่ว่าจะเป็นสัตว์เล็กหรือสัตว์ใหญ่ เพราะทั้งคนและสัตว์ต่างก็รักชีวิตของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น ทุกชีวิตต่างกลัวเจ็บ และกลัวตายไม่แตกต่างกัน เพราะฉะนั้น คนที่มีความรู้จักยั้งคิดจึงไม่นิยมการเบียดเบียนทำร้ายทำลายชีวิตของผู้อื่น
ตะลอนเที่ยววันนี้ขอนำคุณไปติดตามการทำงานแบบห่างๆ ของทีมอาจารย์สัตวแพทย์ และสัตวแพทย์กลุ่มหนึ่ง จากคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ร่วมมือช่วยกันทำงานร่วมกับอาจารย์อีกกลุ่มหนึ่งจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อให้การช่วยเหลือวัวแม่ลูกอ่อนตัวหนึ่งที่ประสบอุบัติเหตุจนขาหัก เนื่องจากถูกวัวตัวอื่นเหยียบขาหลังข้างซ้ายหักเมื่อประมาณ 3 เดือนที่ผ่านมา
ขอปูพื้นให้ทราบถึงความเป็นมาของการช่วยเหลือแม่วัวตัวนี้ให้ฟังสักเล็กน้อย เมื่อประมาณ 5 ปีมาแล้ว ผู้อ่านแนวหน้ากลุ่มหนึ่งได้ร่วมกับ “ธรรมกร” และ “Mr.Flower” คอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์แนวหน้า ทำโครงการไถ่ชีวิตโคกระบือจากโรงฆ่าสัตว์ แล้วนำไปมอบให้เกษตรกรรายเล็ก ที่มีพื้นที่การเกษตรไม่เกิน 15 ไร่ โดยมีเงื่อนไขในทางกฎหมายคือ ผู้ที่รับมอบโคกระบือไปเลี้ยงดูจะต้องไม่ฆ่า ไม่ขายโคกระบือที่รับเป็นอันขาด และกลุ่มผู้ร่วมบริจาคจะไปเยี่ยมโคกระบือเป็นระยะๆ เพื่อให้รู้ว่าพวกเรายังมีความผูกพันกับวัวควายที่มอบให้ และเพื่อให้ผู้รับมอบรู้ว่าโคกระบือที่ได้รับไปเลี้ยงดูนั้น ไม่ได้ถูกตัดขาดจากกลุ่มผู้ร่วมบริจาค หรือพูดชัดๆ ก็คือ ไม่ได้มอบให้แล้วก็หายหน้าหายตาไปเลย แต่ทุกคนยังคงเฝ้าดูการเจริญเติบโต และสวัสดิภาพของวัวควายอย่างใกล้ชิด ดังนั้นกลุ่มของเราจึงไปเยี่ยมวัวควายเหล่านั้นทุกๆ 3-4 เดือน (ยกเว้นระยะหลังนี้อาจจะไปเยี่ยมปีละ 2 ครั้ง)
ร่วมแรง ร่วมใจ รักษาชีวิต
คณะผู้ร่วมบริจาคได้ร่วมกันไถ่ชีวิตโคกระบือมาแล้วรวม 45 ตัว มอบให้กับเกษตรกรในที่ต่างๆ หลายราย เช่นที่อำเภอศรีประจันต์ อำเภอเดิมบางนางบวช สุพรรณบุรี อำเภอพนัสนิคม ชลบุรี รวมถึงเกษตรกรอีกรายหนึ่งที่จังหวัดขอนแก่น และยังได้นำโคกระบืออีก 10 ตัว ไปเลี้ยงดูในพื้นที่ของผู้ใจบุญใจกุศลซึ่งไม่ได้เป็นเกษตรกร ท่านผู้นี้ไม่ประสงค์จะออกนาม แต่ยินดีรับไปเลี้ยงดูในสวนที่นครปฐม โดยวัวควายทั้งหมดนี้จะถูกเลี้ยงดูไปเรื่อยๆ จนกว่าเขาจะถึงอายุขัย แต่หากวัวควายแพร่พันธุ์ออกมา ก็ห้ามนำลูกไปขายเพื่อเป็นอาหารอย่างเด็ดขาด
ขอย้อนกลับมาพูดถึงแม่วัวขาหักตัวนี้ วัวตัวนี้คือวัวที่กลุ่มผู้บริจาคมอบให้เกษตรกรที่เดิมบางนางบวชเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ล่าสุดเมื่อ 3 เดือนก่อนแม่วัวตัวนี้ตกลูก แล้วหลังจากนั้นก็ประสบอุบัติเหตุถูกวัวตัวอื่นเหยียบจนขาหลังข้างซ้ายหัก กระดูกบางส่วนแตกและทิ่มทะลุออกมานอกผิวหนัง
เมื่อผู้รับเลี้ยงแจ้งเหตุให้กับ Mr.Flower ทราบ Mr.Flower จึงนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับอาจารย์คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ กลุ่มหนึ่ง เช่น ศ.สพ.ญ.ดร.เกวลี ฉัตรดรงค์, รศ.สพ.ญ.ดร.นันทริกา ชันซื่อ, ผศ.น.สพ.ดร.ศุภวิวัธน์ พงษ์เลาหพันธุ์, ผศ.น.สพ.ดร.กัมปนาท สุนทรวิภาต และอาจารย์คณะสัตวแพทย์ จุฬาฯ อีกหลายท่าน ซึ่งก็ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากคณบดี ศ.น.สพ.ดร.รุ่งโรจน์ ธนาวงษ์นุเวช ซึ่งทุกคนก็ให้ความเห็นว่าควรจะช่วยชีวิตของวัวไว้
อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นมีความเห็นจากคนอื่นๆ ว่า วัวควายที่ประสบอุบัติเหตุ ไม่มีใครเขารักษา มีแต่เขาจะฆ่า แล้วกินเนื้อของมัน เพราะรักษาไปก็สิ้นเปลือง และยุ่งยาก แต่มีผู้ใหญ่หลายท่านที่ Mr.Flower เคารพนับถือบอกว่า เราจะไม่ยอมให้ใครฆ่าเขาเด็ดขาด และจะต้องหาทางรักษาเขา เพราะเขายังมีลูกอ่อน เมื่อหลายฝ่ายเห็นตรงกันว่าต้องรักษา จึงได้รับการช่วยเหลือเป็นอย่างดีจากนายสัตวแพทย์กัมปนาทและผู้ร่วมคณะทำงาน ในเบื้องต้นคณะผู้รักษาต้องไปดูแลวัวตัวนี้ที่เดิมบางนางบวช เพื่อดูอาการเบื้องต้น ฉีดยา ทำความสะอาดแผลเป็นระยะ โดยในเบื้องต้นยังต้องให้แม่วัวกับลูกวัวอยู่ด้วยกันไปก่อน เพราะลูกวัวต้องกินนมจากแม่ทุกวัน จากนั้นจึงต้องนำแม่วัวไปไว้ที่โรงพยาบาลสัตว์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ที่อำเภอเมือง นครปฐม เพื่อรักษาพยาบาลเขาเป็นขั้นเป็นตอน และระหว่างนั้นได้หารือเรื่องการใช้แผ่นไททาเนียมเพื่อเชื่อมต่อกระดูกที่หักกับอาจารย์จากภาควิชาเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ คือ ผศ.ดร.ไพรัช ตั้งพรประเสริฐ จนกระทั่งเมื่อวันจันทร์ที่ 7 มกราคม 2562 ทีมสัตวแพทย์ และทีมจากคณะวิศวกรรม จึงผ่าตัดติดแผ่นไททาเนียมที่ขาข้างที่หัก เพื่อตรึงกระดูกที่หักไม่ให้เคลื่อนไป-มา แล้วให้การรักษาพยาบาลวัวต่อไป จนกว่ากระดูกจะเชื่อมประสานกันในที่สุด โครงการรักษาวัวตัวนี้นับเป็นความร่วมมือระหว่างคณะสัตวแพทยศาสตร์ กับคณะวิศกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์การรักษาวัวในประเทศไทยโดยความร่วมมือของคณะวิชาทั้งสอง
Mr.Flower ต้องขอบพระคุณทุกท่านที่มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือวัวแม่ลูกอ่อนตัวนี้ เพราะเมื่อได้กระจ่ายข่าวออกไป ก็ได้รับเงินบริจาคจากท่านผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองนี้หลายท่าน ซึ่งแต่ละท่านบอกว่าไม่ต้องประกาศชื่อของท่าน อาทิ ท่านผู้หญิงสองท่าน ท่านอดีตผู้บัญชาการทหารเรือ และผู้บริหารบริษัทโฆษณาประชาสัมพันธ์แห่งหนึ่ง รวมถึงกลุ่มสมาชิกทัวร์ของ Mr.Flower และผู้ฟังรายการ Good Time ทางวิทยุเอฟเอ็ม คลื่น 101 ทุกวันอาทิตย์ เวลา 19.30-21.00 น. จัดรายโดย เฉลิมชัย ยอดมาลัย บรรณาธิการข่าวและคอลัมนิสต์ของหนังสือพิมพ์แนวหน้า และต้องขอขอบคุณ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ให้การสนับสนุนเรื่องการเดินทางไปเยี่ยมวัวและควายที่คณะของเราบริจาคให้เกษตรกร และการเดินทางของคุณหมอผู้มีใจเมตตาไปดูแลรักษาวัวตัวนี้มาโดยตลอด
สำหรับคุณผู้อ่านที่มีความประสงค์จะร่วมช่วยเหลือวัวตัวนี้(เพราะยังต้องรักษาอย่างต่อเนื่อง) รวมถึงผู้ที่มีความประสงค์จะร่วมบริจาคเพื่อไถ่ชีวิตโคกระบือกับโครงการของเรา หรือผู้มีความสามารถที่จะรับวัวควายไปเลี้ยงดูเป็นอย่างดี โปรดติดต่อ Mr.Flower ที่โทรศัพท์หมายเลข 091-7233615
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี