ตูน-พัทธยศ ลิมปพัทธ์
เพราะรูปแบบการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ที่เปลี่ยนไปและชอบการผสมผสานของวัฒนธรรม รวมถึงความโมเดิร์นและสมัยใหม่ จึงดูเป็นเรื่องธรรมดาที่คนยุคนี้จะชื่นชอบความแปลกที่ไม่เหมือนใครในเรื่องราวต่างๆ โดยเฉพาะในเรื่องของอาหารการกินสไตล์ “ฟิวชั่น ฟู้ด”
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่การจัดงานเทศกาลมหกรรมอาหาร “AOVA Presents ครัวคุณต๋อย EXPOSEASON 4”ระหว่างวันที่ 21-24 กุมภาพันธ์ 2562 ตั้งแต่เวลา 10.00-21.00 น. ณอิมแพ็ค ฟอรัม ฮอลล์ 4 เมืองทองธานี ภายใต้ความรับผิดชอบของหัวเรือใหญ่ผู้จัดงานคือ ตูน-พัทธยศ ลิมปพัทธ์ ลูกชายคนโตของพิธีกรชื่อดัง ต๋อย- ไตรภพ ลิมปพัทธ์ จึงต้องการสร้าง “ความแตกต่าง” จากการจัดงานในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากกระแสเสียงเรียกร้องจากบรรดาแฟนๆ รายการ จึงทำให้เขาเพิ่มเติมการนำเสนอ “เมนูอาหารนานาชาติ” ที่คัดสรรมาร่วม 20 ร้าน
อีกทั้ง บรรยากาศของงานปีนี้ยังเพิ่มความแปลกใหม่มากขึ้นนอกเหนือจากการออกบูธของร้านอาหารชื่อดังกว่า 200 ร้านแล้ว คือการจัดพื้นที่ “Live Exhibition” เพื่อนำเสนอและสาธิตวิธีการทำกันแบบติดขอบเวทีกับเรื่องราวขนมไทยชั้นประณีต กับ ขนมอาลัวสดร้อยมาลัย ที่ผู้ร่วมงานจะได้โอกาสมาร่วมทำขนมนี้กันจริงๆ กับวิทยากร หรือ การสาธิตแกะสลักแต่งจานเพื่อเพิ่มมูลค่าอาหาร การแสดงความแตกต่างระหว่างอาหารไทยฟิวชั่น อาหารไทยโมเดิร์น และอาหารไทยร่วมสมัย หรือจะเป็นการแสดงต้นกำเนิดของขนมไทยโบราณ ที่มาของชื่อขนมแต่ละชนิด และสอนการนำวัตถุดิบพื้นถิ่นมาทำเป็นเมนูนวัตกรรมใหม่ หรือเมนูใหม่ให้เป็นจริงขึ้นมา ขายได้ ทานอร่อยและส่งออกได้ ทำให้ผู้ร่วมงานได้ร่วมซึมซับเนื้อหาในรูปแบบการนำเสนอที่แปลกใหม่เกี่ยวกับอาหารไทย ที่ตกทอดและส่งต่อภูมิปัญญาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน รวมถึงแนวทางสานต่อสู่อนาคต
ในงานจะพบเมนูหายากและวัตถุดิบสุดพิเศษจากทั่วประเทศ รวมทั้ง“เมนูอาหารฟิวชั่น” จากการทำเมนูอาหารไทยดั้งเดิมด้วยมือสู่การใช้ความคิดสร้างสรรค์พัฒนาให้เป็นเมนูอาหารตะวันออก รสจัดจ้าน ผสมผสานเข้ากับความกลมกล่อมของอาหารสไตล์ตะวันตกขณะเดียวกันยังได้เชิญนักวางแผนการตลาดชื่อดังมาร่วมให้คำแนะนำเคล็ดลับการทำอาหารให้ลูกค้าติดใจสำหรับผู้สนใจนำไปต่อยอดธุรกิจในลักษณะ“ทำเองก็ง่าย ทำขายก็รวย”
ตูน-พัทธยศ ลิมปพัทธ์ บอกถึงแนวคิดการเพิ่มเติมสิ่งใหม่ๆ ในงาน “AOVA Presents ครัวคุณต๋อย EXPO SEASON 4” ครั้งนี้ว่า เขาอยากให้เจ้าของร้านหรือผู้ประกอบการที่มาร่วมออกบูธ มองถึงโอกาสในการสร้างแบรนด์หรือสร้างการรับรู้ไปยังผู้มาร่วมงานเป็นจำนวนนับแสนราย มากกว่าจะคิดถึงเพียงยอดขายที่จะทำได้เฉพาะช่วงเวลาการจัดงานเพียง 4 วันเท่านั้น เพราะประโยชน์ที่จะได้รับภายหลังจากการจัดงานถือว่ามีมูลค่ามากกว่าหลายเท่านัก ผมอยากทำให้งานมีเสน่ห์มากกว่ามีคนมางานเพื่อซื้ออาหาร แต่อยากให้ผู้มาร่วมงานได้เห็นคุณค่าของอาหารไทยว่าอาหารบางชนิดบางประเภทถ้าขาดการสนับสนุนจากผู้ซื้อหรือคนไทยด้วยกันแล้ว อาหารไทยย่อมมีโอกาสที่จะสูญหายไปอย่างน่าเสียดาย ขณะเดียวกันถ้าทุก ๆ ฝ่ายต่างมีส่วนร่วมกันพัฒนาอาหารไทยแล้ว การยกระดับอาหารไทยสู่ครัวโลกอาจเห็นผลในเร็ววันก็เป็นไปได้
“ในส่วนของเมนูอาหารฟิวชั่น ซึ่งถือเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของการจัดงาน ถือได้ว่าจะเอื้อประโยชน์ให้ทั้งผู้มาร่วมงานและเจ้าของร้านที่มาร่วมออกบูธ เพราะถือเป็นการต่อยอดความคิดในการเพิ่มมูลค่าให้รายการอาหารธรรมดาๆ ได้อย่างมหาศาล โดยเฉพาะการใช้วัตถุดิบที่คัดสรรเป็นพิเศษเพื่อนำมาผสมผสานกับอาหารที่หลายๆ คนอาจคุ้นชิน แต่เมื่อพัฒนาเป็นเมนูใหม่ย่อมมีโอกาสประสบความสำเร็จอย่างเกินคาดก็เป็นไปได้ โดยสิ่งสำคัญในการทำอาหารฟิวชั่น เราต้องมีความเข้าใจในรสชาติของอาหารแต่ละชนิดและสไตล์การตกแต่งอาหารแต่ละชาติ โดยใช้จินตนาการมาสร้างสรรค์อาหารใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความสุขให้ผู้มีโอกาสได้ลองลิ้มชิมรส”
หนึ่งในร้านอาหารฟิวชั่นที่มาร่วมออกร้าน คือ EST.33 จากค่าย “สิงห์ คอร์ปอเรชั่น” ซึ่งปัจจุบันมี 4 สาขาคือ The Nine พระราม 9, CDC, The Up พระราม 3 และสิงห์ คอมเพล็กซ์ โดยแต่ละสาขาล้วนมีอาหารสูตรเด็ดตามที่ เชฟปิ๊ก-สรมย์เวท ธีระพจน์ บอกคือ เมนูอาหารทุกชนิดล้วนมีส่วนผสมของเบียร์ หนึ่งในนั้นก็คือ “ซี่โครงหมูอบซอสบาร์บีคิวรสเผ็ด” (Spicy Roasted Bier-B-Q Pork Ribs) ซึ่งมีความพิเศษที่ความนุ่มของซี่โครงเพราะใช้เบียร์ตุ๋น พร้อมกับใช้ซอสถึง 33 ชนิด โดยมีอุปกรณ์หลักที่ใช้เสิร์ฟคู่กันคือ “ตะเกียบ” เพื่อให้นักชิมพิสูจน์ได้ถึงความนุ่มของซี่โครงที่สามารถคีบซี่โครงให้หลุดออกมาได้ง่ายดาย ที่สำคัญเมนูนี้ยังการันตีด้วยรางวัล Superior Tasted Award 2016 จากสถาบัน International Taste & Quality Institute (ITQI) ประเทศเบลเยียม รวมถึงเมนูพาสต้าผัดพริกขิง ที่นำเส้นพาสต้ามาผัดร่วมกับปลาดุกฟูผัดพริกขิง รสจัดจ้านแบบลูกครึ่งอิตาเลียน-ไทย
อีกหนึ่งร้านที่ต้องพูดถึงคือ “ราดหน้าอาหลิว” ร้านอาหารชื่อดัง ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีของคนนอนดึกย่านฝั่งธนฯ ใกล้กับสะพานซังฮี้ เพราะร้านนี้เปิดมานานกว่า 50 ปี และยังเปิดขายตลอดเวลา 24 ชั่วโมง เมนูที่ถือว่าฟิวชั่นสุดๆ คือ “สปาเกตตีเส้นดำราดหน้าอาหลิว” ปรุงสดจานต่อจาน โดยนำสปาเกตตีเส้นดำทำจากหมึกปลาหมึกมาเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวราดหน้า เจ้าแรกของไทย เพราะเจ้าของร้านคือ ภรรยาเจ้าของร้านอาหารอิตาเลียนชื่อดังระดับมิชลินสตาร์ “GIANNI” ซอยต้นสน ถนนสุขมวิท รวมถึงเมนูพิเศษคือ “เส้นดำชุบไข่” ซึ่งต้องท้าให้ลองกินทั้งที่ร้าน หรือจะซื้อกลับบ้าน ก็จะมีน้ำราดหน้าสำเร็จแยกให้ต่างหากอีกด้วย
มาถึงตรงนี้คงไม่แปลกนักถ้าจะบอกว่า นักชิมทั้งหลายต้องนับวันรอพบกับความแปลกใหม่ของเมนูอาหารต่างๆ ในงาน “AOVA Presents ครัวคุณต๋อย EXPO SEASON 4” ระหว่างวันที่ 21-24 กุมภาพันธ์ 2562 ตั้งแต่เวลา 10.00-21.00 น. ณ อิมแพ็คฟอรัม ฮอลล์ 4 เมืองทองธานี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี