การ “ปลูกถ่ายอวัยวะ” คือทางรอดที่จะต่อลมหายใจให้กับผู้ป่วยร้ายแรงหลายๆ โรค การได้เห็นผู้ป่วยที่รอคอยความหวังต้องเสียชีวิตไปก่อนที่จะมีผู้บริจาคอวัยวะ ทำให้ นายแพทย์ราวิน วงษ์สถาปนาเลิศ แพทย์ชำนาญการด้านตับ ตับอ่อน และถุงน้ำดี โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ รู้สึกเศร้าใจและเห็นความสำคัญของการ “ขอรับบริจาคอวัยวะ” จึงได้ผลักดันและสามารถก่อตั้ง “ศูนย์รับบริจาคอวัยวะโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์” เพื่อให้ลมหายใจสุดท้ายของใครคนหนึ่งสามารถต่อลมหายใจให้กับใครอีกหลายคน
คุณหมอราวิน เล่าถึงแรงขับเคลื่อนที่ทำให้เกิด ศูนย์รับบริจาคอวัยวะโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ ให้ฟังว่า ขณะที่กำลังศึกษาต่อแพทย์เฉพาะทาง ศัลยศาสตร์ตับ ตับอ่อน และทางเดินน้ำดี ที่คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ทำให้ได้รู้จักการปลูกถ่ายอวัยวะแต่เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยที่รอการปลูกถ่ายอวัยวะมีมากกว่าจำนวนผู้บริจาคอวัยวะ ทำให้มีผู้ป่วยที่รอการปลูกถ่ายอวัยวะต้องเสียชีวิตไปก่อน ในฐานะหมอคนหนึ่งก็รู้สึกเสียดายและเศร้าใจเพราะเรารู้ว่าถ้าเขาได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ ก็จะสามารถมีชีวิตต่อไปได้ จากจุดนี้ทำให้ผมเห็นความสำคัญว่าการที่จะปลูกถ่ายอวัยวะได้ คือการได้รับบริจาคอวัยวะ ดังนั้น งานขอรับบริจาคอวัยวะจึงเป็นสิ่งสำคัญของกระบวนการทั้งหมด”
ทันทีที่กลับมาประจำการที่โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ คุณหมอราวิน จึงเริ่มดำเนินขอจัดตั้ง “ศูนย์รับบริจาคอวัยวะโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์” ทันที
“โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ เป็นโรงพยาบาลในสังกัดสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร ซึ่งการทำอะไรแบบนี้มันไม่มีอยู่ในระบบหรือแผนงานมาก่อน จึงต้องสร้างความเข้าใจกับบุคลากรของโรงพยาบาลที่เกี่ยวข้องกับงานรับบริจาคอวัยวะอย่างมากเพราะค่อนข้างเป็นเรื่องใหม่ แต่ผมก็ได้รับความเมตตาจากผู้บริหารโรงพยาบาลและผู้บริหารสำนักการแพทย์ หลายๆ ท่านที่เข้าใจและสนับสนุน ซึ่งใช้เวลานานเกือบ 1 ปี ที่ศูนย์รับบริจาคอวัยวะโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ จะเป็นรูปเป็นร่างและเริ่มดำเนินงานในปีพ.ศ.2557 โดยยึดแนวทางการดำเนินงานเช่นเดียวกับศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย”
ความยากของงานขอรับบริจาคอวัยวะ แน่นอนว่าคือการเจรจาโน้มน้าวให้ญาติผู้ป่วยสมองตายยินยอมบริจาคอวัยวะ ซึ่งคุณหมอราวินบอกว่าต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ในการพูดคุย
“เพราะญาติอยู่ในภาวะโศกเศร้า การเข้าไปพูดคุยจึงต้องเป็นไปอย่างระมัดระวัง อธิบายให้ญาติเข้าใจสมองตายคืออะไร เพราะบางคนจะเข้าใจว่าสมองไม่สั่งการแต่ใส่เครื่องช่วยหายใจก็ยังหายใจได้อยู่แสดงว่ายังไม่ตายใช่ไหม การบริจาคอวัยวะคืออะไร สามารถนำไปช่วยเหลือใครได้บ้าง ทำไมถึงต้องขอรับบริจาคอวัยวะผู้ป่วยสมองตาย รอให้หยุดหายใจก่อนไม่ได้หรือ ระหว่างพูดคุยก็ต้องสังเกตอาการญาติด้วยว่ามีแนวโน้มที่จะยินยอมหรือไม่อย่างไร แต่อุปสรรคสำคัญคือ ทัศนคติความเชื่อของญาติผู้ป่วยที่ว่า อยากให้ผู้ป่วยไปอย่างอวัยวะครบถ้วน ถ้าตัดอะไรออกไปเดี๋ยวเกิดใหม่จะไม่มีอวัยวะนั้นๆ ข้อนี้ก็ต้องใช้หลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าขึ้นมาอธิบาย ว่าการบริจาคอวัยวะคือการทำทาน เป็นทานที่ยิ่งใหญ่ เป็นบุญใหญ่ครั้งสุดท้ายของผู้ป่วยสมองตาย ซึ่งตามหลักพุทธศาสนามีแต่ยิ่งให้ยิ่งได้ ไม่เฉพาะแต่ผู้บริจาคอวัยวะ แม้แต่ญาติซึ่งเป็นผู้เซ็นยินยอมก็ได้บุญนี้ไปด้วย
จากการดำเนินงานมา 5 ปี ก็มีทั้งที่ขอรับบริจาคได้สำเร็จและไม่สำเร็จ แต่ในส่วนตัวผมซึ่งเป็นทั้งผู้อำนวยการศูนย์ และเป็นผู้ที่เข้าไปเจรจาขอรับบริจาคอวัยวะเอง ถือว่าเราทำงานได้เป็นที่น่าพอใจ โดย 5 ปีที่ผ่านมาสามารถขอรับบริจาคอวัยวะจากผู้ป่วยสมองตายได้ 20 ราย สามารถนำไปปลูกถ่ายอวัยวะให้กับผู้ป่วยได้นับร้อยราย”
งานขอรับบริจาคอวัยวะ ไม่ได้จบแค่การได้รับคำยินยอมจากญาติผู้ป่วยเท่านั้น แต่ในหลายๆ เคสคุณหมอยังต้องลงไปดูแลครอบครัวผู้บริจาคอีกด้วย
“ภายหลังการบริจาคอวัยวะตามระเบียบวิธีการของศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทยจะอำนวยความสะดวกในการส่งกลับร่างผู้บริจาคเพื่อให้ครอบครัวนำไปประกอบพิธีทางศาสนา ในส่วนของศูนย์รับบริจาคอวัยวะโรงพยาบาลเจริญกรุง ก็จะมีการส่งพวงหรีดเคารพศพ หากไม่ติดเวร ผมก็จะไปร่วมงานสวดพระอภิธรรมศพ แต่หลายครั้งที่ผมประสบมาคือ ครอบครัวผู้บริจาคไม่มีแม้แต่เงินจัดงาน ผมก็จะช่วยเท่าที่ทำได้ให้มากที่สุด เพราะผมถือว่าผู้บริจาคเป็นผู้มีพระคุณ เป็นผู้ให้ที่ยิ่งใหญ่ สิ่งใดที่ผมพอจะทำให้ได้ ผมก็พยายามทำอย่างเต็มที่”
เป็นที่ทราบกันดีว่าทุกวันนี้ คนไข้ล้นโรงพยาบาล แพทย์ไม่เพียงพอกับคนไข้ คุณหมอราวิน ก็เช่นเดียวกันลำพังงานประจำที่จะต้องดูแลรักษาผู้ป่วยในฐานะแพทย์ชำนาญการด้านตับ ตับอ่อน และถุงน้ำดี ก็เป็นงานหนักอยู่แล้ว หมอหนุ่มวัย 38 ปีคนนี้ ยังต้องเตรียมพร้อมอยู่เสมอสำหรับงานรับบริจาคอวัยวะที่ไม่รู้ว่าจะถูกเรียกตัวเวลาใด แต่เขาก็ยังเลือกที่จะทำแม้จะทำให้เวลาส่วนตัวลดลงก็ตาม
“ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตนเป็นที่สองประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่งพระราชปณิธานของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศรอดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เป็นสิ่งที่ผมยึดถือมาตลอดนับตั้งแต่วันแรกที่เป็นนักศึกษาแพทย์จนถึงวันนี้ ถามว่าเหนื่อยไหม ก็เหนื่อยแต่เมื่อผมนึกถึงพระราชภารกิจของสมเด็จพระบรมราชชนก ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี องค์อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย สิ่งที่ผมทำอยู่เป็นเพียงสิ่งเล็กน้อยๆ มากผมไม่เคยหาคำตอบว่าทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ไปเพื่ออะไร ผมมองแค่ว่าผมทำในสิ่งที่ต้องทำ ผมสบายใจที่จะทำแค่นั้นเอง”
ทุกวันนี้แม้จะมีผู้แสดงความจำนงบริจาคอวัยวะไว้กับศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทยเพิ่มขึ้น แต่ตัวเลขของผู้ลงทะเบียนที่รอรับการปลูกถ่ายอวัยวะก็ไม่ได้ลดลง ดังนั้น การดำเนินงานของศูนย์รับบริจาคอวัยวะโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ หวังว่าจะเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองในการทำหน้าที่เป็นจิตอาสา สร้างกุศลผู้ให้ สร้างชีวิตใหม่ผู้รับ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี