จากรายงานสุขภาพคนไทย ในปี 2557 ระบุว่า “โรคอ้วน” เป็นสาเหตุให้เจ็บป่วยและเสียชีวิตก่อนวัยอันควรจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (Non-communicable Diseases : NCDs) อาทิ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคตับ โรคมะเร็ง โรคเกี่ยวกับถุงน้ำดี โรคซึมเศร้า ภาวะหายใจลำบากและหยุดหายใจขณะหลับ และโรคข้อเข่าเสื่อม เป็นต้น โดยคนอ้วนมีโอกาสเป็นโรคเหล่านี้มากกว่าปกติ 2-3 เท่า นอกจากนี้ภาวะโรคอ้วนในประเทศไทย มีแนวโน้มจะขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต จากผลการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกายพบคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป หรือมากกว่า 1 ใน 3 อยู่ในภาวะน้ำหนักเกินและอ้วนเพิ่มขึ้นสองเท่าตัวเมื่อเทียบกับในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา และหากเปรียบเทียบในระดับภูมิภาคอาเซียนพบว่าคนไทยอ้วนสูงสุดเป็นอันดับ 2 จากทั้งหมด 10 ประเทศอาเซียน รองจากประเทศมาเลเซียเท่านั้น โดยมีคนไทยอ้วนถึงร้อยละ 8.5 (ประมาณ 5.6 ล้านคน) และพบว่าคนไทยร้อยละ 0.9 เข้าเกณฑ์เป็นโรคอ้วนที่พึงได้รับการผ่าตัด (ประมาณ 6.7 แสนคน)
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์ปรีดา สัมฤทธิ์ประดิษฐ์ หัวหน้าสาขาวิชาศัลยศาสตร์อุบัติเหตุและเวชบำบัดวิกฤติทางศัลยกรรม โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า หลักการในการรักษาโรคอ้วนในปัจจุบัน คือการลดน้ำหนัก ซึ่งประกอบด้วยกระบวนการหลัก 3 ข้อหลัก ได้แก่ การควบคุมการกินอาหารและเครื่องดื่มการออกกำลังกาย และการติดตามผลการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการศึกษาในประเทศอิสราเอลพบว่า สำหรับผู้เป็นโรคอ้วน (ดัชนีมวลกาย : body mass index; BMI ตั้งแต่ 40 กิโลกรัมต่อตารางเมตร) แล้วโอกาสที่จะลดน้ำหนักสำเร็จได้ด้วยกระบวนการเหล่านี้คือประมาณร้อยละ 7.5 และโอกาสไม่ประสบความสำเร็จสูงถึงร้อยละ 92.5 เทียบกับผู้เป็นโรคอ้วนที่เข้ารับการผ่าตัดที่ประสบความสำเร็จสูงถึงร้อยละ 59.3 คือโอกาสสำเร็จมากกว่ากันถึง 7.9 เท่า
นอกจากความสำเร็จในเรื่องน้ำหนักที่ลดลง ยังมีเรื่องความสำเร็จในการควบคุมและรักษาโรคร่วมที่เกิดจากโรคอ้วน โดยเฉพาะ เช่น โรคเบาหวานความดันโลหิตสูง โรคหยุดหายใจขณะหลับ และภาวะระดับไขมันในเลือดสูง ซึ่งผู้เข้ารับการผ่าตัดจะสามารถควบคุมโรคร่วมดังกล่าวได้มากกว่าผู้ไม่ผ่าตัดถึงเกือบ 5 เท่า ที่สำคัญที่สุดคือชีวิตที่ยืนยาวขึ้น การศึกษาในประเทศสวีเดนพบว่าผู้เข้ารับการผ่าตัดมีอายุเฉลี่ยที่ยืนยาวกว่าผู้ไม่ผ่าตัดถึง 8 ปี ดังนั้นการผ่าตัดรักษาโรคอ้วนจึงเป็นวิธีรักษาโรคอ้วนอย่างได้ผลมานานกว่า 60 ปีแล้ว
ในปัจจุบันนวัตกรรมด้วยวิธีการผ่าตัดผ่านกล้อง (laparoscopic surgery) จะทำให้ผู้เข้ารับการผ่าตัดฟื้นตัวได้เร็วเจ็บน้อยกว่า แผลผ่าตัดเล็กกว่า แต่ต้องทำภายใต้กระบวนการดูแลที่เป็นระบบโดยศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีทีมแพทย์นักกำหนดอาหารและโภชนาการ พยาบาลและสาขาวิชาชีพที่พร้อม การรักษาผู้ป่วยโรคอ้วนด้วยวิธีการผ่าตัดนั้นคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้ดำเนินการรักษาด้วยการผ่าตัดรักษาโรคอ้วนมานานกว่า 10 ปี มีผู้เข้ารับการผ่าตัดไปแล้วกว่า 200 กว่าราย โดยทีมแพทย์และระบบการดูแลที่เน้นความปลอดภัยของผู้เข้ารับการผ่าตัดเป็นหลัก และยังเป็นแหล่งสร้างองค์ความรู้ใหม่ให้แก่สังคม
เพื่อสร้างความตระหนักให้กับคนไทยตื่นตัวถึงการดูแลสุขภาพให้ห่างไกลจากภาวะน้ำหนักตัวเกินหรือโรคอ้วนโรงพยาบาลรามาธิบดี จึงได้จัดกิจกรรมงานประชุมวิชาการ “ลดอ้วนลดโรค” ตอน “แก้วิกฤติคนไทยอ้วน…ป้องกันโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง” โดย ผศ.นพ.ปรีดา สัมฤทธิ์ประดิษฐ์ หัวหน้าสาขาวิชาศัลยศาสตร์อุบัติเหตุและเวชบำบัดวิกฤติทางศัลยกรรมคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ในวันที่ 26 เมษายน 2562 ตั้งแต่เวลา 08.30-15.00 น. ณ ห้องประชุม 810B (ห้องเรียน 3) ชั้น 8 อาคารเรียนรวมและปฏิบัติการทางการแพทย์ (อาคารโรงเรียนพยาบาล) โรงพยาบาลรามาธิบดี ซึ่งผู้สนใจสามารถร่วมงานได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.085-0932646 หรือช่องทางเฟซบุ๊ค “คลินิกรักษาโรคอ้วนครบวงจร”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี