ผศ.ดร.เอกราช บำรุงพืชน์
รู้หรือไม่ว่า โรคร้ายที่นับว่าเป็นภัยคุกคามสุขภาพของคนในยุคปัจจุบันมากที่สุด คือ โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) อันได้แก่ เบาหวาน ความดัน หัวใจ ฯลฯ ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากไลฟ์สไตล์อันสุ่มเสี่ยงของคนในยุคปัจจุบันที่อาจจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นความเครียด และความวิตกกังวลจากการทำงาน, นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ, ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย และรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ เป็นต้น ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้เป็นสาเหตุกระตุ้นการเกิดอนุมูลอิสระ (Free Radical) ที่จะค่อยๆ สะสมทำให้เซลล์ภายในร่างกายเสื่อม ตาย หรือกลายพันธุ์ ส่งผลให้ป่วย ดูแก่ชราก่อนวัยอันควร และที่สำคัญคือเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs
ซึ่งการป้องกันโรค โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) นอกจากหลีกเลี่ยงไลฟ์สไตล์ที่สุ่มเสี่ยงแล้ว ยังสามารถป้องกันได้ง่ายๆ ด้วยการรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ ในปริมาณที่เพียงพอในแต่ละวัน จากข้อแนะนำตามธงโภชนาการ เราควรรับประทานผลไม้วันละ 3-5 ส่วน ซึ่งผลไม้และน้ำผลไม้เป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ รวมถึงไฟโตนิวเทรียนท์ (Phytonutrient)ต่างๆ ที่จะช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ และช่วยลดความเสี่ยงของโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ด้วยความเร่งรีบในการดำรงชีวิตปัจจุบัน ทำให้คนส่วนใหญ่รับประทานได้ในปริมาณที่ไม่ถึง ดังนั้น การดื่ม “น้ำผลไม้” ที่มี ไฟโตนิวเทรียนท์ ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยให้ร่างกายได้รับสารต้านอนุมูลอิสระต่างๆ ได้ง่ายและสะดวก รวดเร็ว เหมาะสำหรับผู้ที่ได้รับสารอาหารในแต่ละวันไม่เพียงพอ โดยเฉพาะวัยรุ่น หนุ่มสาว และวัยทำงานที่อาจรับประทานอาหารไม่ครบทุกมื้อ รวมทั้งผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุที่มีปัญหาเรื่องการเคี้ยว หรือการย่อยและการดูดซึม
ผศ.ดร.เอกราช บำรุงพืชน์ (ประธานฝ่ายวิชาการ ชมรมโภชนวิทยามหิดล)ไฟโตนิวเทรียนท์ เหล่านี้หลายชนิดมีฤทธิ์ต่อต้านหรือป้องกันโรคบางชนิดโดยเฉพาะกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรังต่างๆ หรือ NCDs โดยออกฤทธิ์หลักผ่านกลไกในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ต้านภาวะการอักเสบเรื้อรัง และมีคุณสมบัติเฉพาะตัวแตกต่างกันไปตามชนิด แต่ทั้งนี้จากข้อมูลการศึกษาวิจัยของ The Human Nutrition Research Center on Aging, Tufts University สหรัฐอเมริกา พบว่าปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน คืออย่างน้อย 3,500-5,000 หน่วย ORAC Score ที่จะมีผลออกฤทธิ์ในการต่อต้านอนุมูลอิสระในเลือดและเนื้อเยื่อ หรือเซลล์ต่างๆ ภายในร่างกายได้ ซึ่งร่างกายคนเราต้องการผักและผลไม้ที่มีสาร Phytonutrient ที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระทุกวัน
และคุณประโยชน์อีกอย่างหนึ่งที่หลายคนมักมองว่า “น้ำตาลในน้ำผลไม้” ไม่ดีต่อสุขภาพ แต่ความจริงแล้วน้ำตาลที่อยู่ในผลไม้นั้นส่วนใหญ่จะเป็น “น้ำตาลฟรุกโตส” นอกจากนี้ยังพบน้ำตาลกลูโคส และซูโครส (น้ำตาลทราย) อยู่บ้าง โดยการได้รับน้ำตาลฟรุกโตสจะทำให้ระดับน้ำตาล หรือกลูโคสในเลือดที่เราตรวจวัดกันเพิ่มขึ้นได้ช้า เพราะต้องผ่านกระบวนการการเปลี่ยนที่ตับก่อน และน้ำตาลฟรุกโตสไม่ต้องผ่านการควบคุมโดยฮอร์โมนอินซูลินเหมือนน้ำตาลกลูโคส จึงอาจเหมาะกับผู้ป่วยเบาหวานที่ร่างกายสังเคราะห์อินซูลินได้น้อยลง และควรเลือกดื่มน้ำผลไม้คั้นสด หรือน้ำผลไม้ 100% ที่ไม่มีการเติมน้ำตาลทรายเพิ่ม (Added sugar) ลงไป
ในฐานะที่ทิปโก้ผู้เชี่ยวชาญทางด้านน้ำผลไม้ที่มีประสบการณ์มามากกว่า 40 ปี ได้มีการสำรวจตลาดถึงความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย ทิปโก้จึงผลิตน้ำผลไม้เพื่อตอบโจทย์ทุกปัญหาสุขภาพของแต่ละไลฟ์สไตล์ โดยเน้นกระบวนการผลิตที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน ตั้งแต่ขั้นตอนการคัดเลือกสายพันธุ์ที่ดีที่สุดของผลไม้ ผ่านกระบวนการ “คั้นสด”หรือ “NFC” (Not From
Concentrate) ที่ทำให้น้ำผลไม้สามารถคงคุณค่าของไฟโตนิวเทรียนท์และวิตามินต่างๆไว้ใกล้เคียงกับการทานผักผลไม้สดมากที่สุด ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันโรคร้ายของคนในยุคปัจจุบันโดยเฉพาะ โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง NCDs จึงขอแนะนำว่าควรรับประทานผลไม้วันละ3-5 ส่วน แต่ในยุคปัจุจบันไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบทำให้คนส่วนใหญ่ไม่สามารถรับประทานผักผลไม้ได้ครบตามสัดส่วน ดังนั้น เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามิน และแร่ธาตุอย่างเพียงพอ รวมถึงได้รับประโยชน์จากไฟโตนิวเทรียนท์เพื่อต่อต้านกับสารอนุมูลอิสระ จึงอยากแนะนำอีกหนึ่งทางเลือกในการสร้างพฤติกรรมการดูแลสุขภาพด้วยการดื่มน้ำผลไม้ร่วมด้วยอีกทางหนึ่ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี