กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ร่วมกับศูนย์บริการวิชาการ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และแบรนด์ไทย WISHARAWISH (วิชระวิชญ์)จัดงานแถลงข่าวการแสดงผลงานเครื่องแต่งกายผ้าไทยต้นแบบ กับคอลเลคชั่นผ้าไทยร่วมสมัย “จากแดนไกล” ในโครงการพัฒนามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมผ้าไทยสู่สากล ประจำปี 2562 (Taproot Thai Textiles) เพื่ออนุรักษ์ สืบสาน และสร้างสรรค์งานหัตถกรรมการทอผ้าของคนในชุมชน พร้อมผลักดันนักออกแบบและผลงานเครื่องแต่งกายที่ตัดเย็บด้วยผ้าไทยให้เป็นที่ยอมรับในวงการแฟชั่นทั้งในระดับประเทศและต่างประเทศ
วิชระวิชญ์ อัครสันติสุข
“จากแดนไกล” คอลเลคชั่นผ้าไทยร่วมสมัยล่าสุดของแบรนด์ “WISHARAWISH” ออกแบบรังสรรค์ผลงานโดย วิชระวิชญ์ อัครสันติสุข ดีไซเนอร์และเจ้าของแบรนด์ ซึ่งคอลเลคชั่นนี้ผ่านการออกแบบที่เน้นความเรียบง่ายแต่พิถีพิถันในรายละเอียดของเทคนิค หยิบยกเอาความงามและความละเมียดละไมของผืนผ้าไทยทอมือทั้งหลายเป็นหัวใจสำคัญ ซึ่งวัสดุหลักก็คือ ผืนผ้า 7 ชนิดของ 7 ผู้ประกอบการท้องถิ่นจากภูมิภาคต่างๆ ของประเทศไทย และได้สร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ ร่วมกันออกมานับครั้งไม่ถ้วนตลอดระยะเวลาหลายปี ผ่านการสนับสนุนและความร่วมมือจากภาครัฐและภาคเอกชนในการพัฒนาผ้าไทยจนนำไปสู่ทิศทางของการอนุรักษ์ พัฒนา และต่อยอดภูมิปัญญางานฝีมือท้องถิ่นเหล่านี้ในมุมมองของเขา อีกทั้งยังเกิดการกระตุ้นพร้อมเชื่อมโยงกับสังคมและกระแสทางวัฒนธรรมในปัจจุบัน ด้วยการใช้สี คู่สี การปรับเปลี่ยนลวดลาย และการออกแบบที่ร่วมสมัย
เอกสิทธิ์ โกมลกิตติพงศ์
วิชระวิชญ์ อัครสันติสุข กล่าวว่า “ผมเชื่อมาตลอดว่าเวลาเราออกแบบก็เหมือนเราทำอาหาร ถ้าวัตถุดิบดีเราไม่จำเป็นต้องปรุงรสเยอะ เริ่มต้นคือพอได้รับมอบหมายก็ลงพื้นที่ไปทำงานร่วมกับผู้ประกอบการ 7 พื้นที่ และดึงเอารากเหง้าที่เขามีอยู่แล้วมาต่อยอด เอาการออกแบบเข้าไปพัฒนา ทำอย่างไรให้มันทานได้ง่าย ทุกที่มีผ้าที่มีเอกลักษณ์แตกต่างกันเช่น สุรินทร์ มีผ้าไหมยีนส์ที่ซักได้ง่ายและเข้ากับกลุ่มตลาดที่รักงานเดนิม หรือผ้าขาวม้าของอิมปานิ จังหวัดราชบุรี ที่เลือกรูปแบบการใช้สีให้เข้ากับตลาดสากลได้ โดยระหว่างที่พัฒนาโครงการก็ได้รับเชิญจากโตเกียวแฟชั่นวีคและนำผลงานบางส่วนที่ทำไปแล้วส่วนหนึ่งไปจัดแสดงที่นั่น ผลตอบรับดีเกินคาด เพราะเราไม่คิดว่าคนในวงกว้างหรือชาวต่างชาติจะสนใจและมีออเดอร์ คนจีนก็มีออเดอร์ผ้าของอิมปานิไป หรือผ้าบาติกของปัตตานีเองญี่ปุ่นก็สั่งผลิต ตอนนี้ก็ส่งไปเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้จะมีแฟชั่นโชว์ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร และจะมีนิทรรศการที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งหวังว่าผู้ประกอบการจะได้นำผลผลิตจากโครงการนี้ไปต่อยอด แต่ในขณะเดียวกันในฐานะนักออกแบบ ผมก็จะช่วยพัฒนาผ้าไทยต่อไป”
ขณะที่ เอกสิทธิ์ โกมลกิตติพงศ์ เจ้าของแบรนด์ผ้าขาวม้า IMPANI (อิมปานิ)จากจังหวัดราชบุรี กล่าวว่า “โครงการนี้เป็นการรวมตัวผู้ประกอบการกับกระทรวงวัฒนธรรม และมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ก่อนหน้านี้ก็ได้ไปโชว์งานที่ญี่ปุ่น อาจารย์อู๋(วิชระวิชญ์ อัครสันติสุข) จะช่วยดูลายผ้าและช่วยปรับรูปแบบให้ทันสมัยมากขึ้น ผมก็พยายามออกแบบลายที่ตอบโจทย์และเหมาะสำหรับนำไปตัดเย็บเป็นเสื้อผ้าได้มากขึ้น เมื่อก่อนนี้เราแค่ทอผ้าอย่างเดียว ปัจจุบันเราต้องดูลายผ้าที่สามารถนำมาตัดเสื้อผ้าได้ พอได้ไปแสดงผลงานที่โตเกียว ก็ได้ผลตอบรับที่ดีมาก มีออเดอร์เพิ่ม แล้วก็มีออเดอร์ของจีนด้วยกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ไม่ใช่ง่ายเลยครับ โครงการนี้ทำให้เราได้รู้ว่ากลุ่มลูกค้ามีความต้องการแตกต่างกัน เราก็ต้องพัฒนารูปลักษณ์ของสินค้าให้ตอบโจทย์เฉพาะกลุ่ม ผมอยากเชิญชวนให้คนไทยหันมาใส่ผ้าไทย อาจจะราคาสูง แต่มีคุณค่าและไม่เหมือนใคร ทั้งระยะเวลาในการผลิต เทคนิคต่างๆ เช่น งานไหม งานยกดอก ถ้าเราให้คุณค่ากับมัน ก็สามารถเพิ่มมูลค่าผ้าไทยของเราได้ อยากให้คนไทยช่วยสนับสนุนคนไทยด้วยกันครับ”
ทั้งนี้ การดำเนินงานโครงการดังกล่าว กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ยังได้ร่วมมือกับ ศูนย์บริการวิชาการ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสาขาการบริหารและพัฒนาในเรื่องของผ้าไทยพื้นถิ่นที่สืบสานภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม รวมไปถึงการสรุปข้อมูล วิเคราะห์ สังเคราะห์ และประเมินผล พิจารณาคัดเลือกและลงพื้นที่ชุมชน/กลุ่มที่ทอผ้า จำนวน 7 แห่ง ใน 5 จังหวัดที่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ในเรื่องการทอผ้า การออกแบบลายผ้า เส้นใยผ้า ตลอดจนวัสดุต่างๆ ที่นำมาใช้ทอผ้า เกิดกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ นำไปสู่การต่อยอดที่เป็นประโยชน์ พัฒนาศักยภาพต่อยอดทางภูมิปัญญา ผนวกกับความคิดสร้างสรรค์ อาทิ ผ้าขาวม้า อิมปานิ จังหวัดราชบุรี, ผ้าฝ้ายทอมือคอตตอน ฟาร์ม จังหวัดเชียงใหม่, บาติก เดอ นาราจังหวัดปัตตานี, ผ้าฝ้ายย้อมสีธรรมชาติ จุฑาทิพย์จังหวัดขอนแก่น, ไหมแต้มหมี่ กลุ่มสตรีทอผ้ามัดหมี่บ้านหัวฝาย จังหวัดขอนแก่น, ผ้าไหมย้อมสีธรรมชาติ กลุ่มหัตถกรรมคุ้มสุขโข จังหวัดขอนแก่น และ ผ้าไหมยีนส์ เรือนไหมใบหม่อน จังหวัดสุรินทร์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี