เป็นข่าวน่าตกใจที่พบว่าโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เคยหายไปหลายปีแล้ว กลับมาระบาดหนักอีกครั้งในหมู่วัยรุ่น โรคดังกล่าว คือโรคซิฟิลิสนั่นเอง โดยครู ผู้ปกครอง ควรให้ความรู้และคำแนะนำที่ถูกต้อง เพื่อลดการระบาดของโรค
นายแพทย์อมร แซ่เล้า อายุรแพทย์โรคติดเชื้อโรงพยาบาลเวชธานี ให้ข้อมูลว่า ซิฟิลิส เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มีสาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรีย ผู้ป่วยอาจมีอาการได้หลายอย่างขึ้นกับระยะที่เป็น บางครั้งโรคนี้ถูกเรียกว่าเป็นนักเลียนแบบผู้ยิ่งใหญ่ เนื่องจากทำให้มีอาการได้หลากหลาย คล้ายคลึงกับโรคอื่นๆ หลายโรค สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยการฉีดยาปฏิชีวนะ แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษาในระยะยาวอาจแสดงอาการในหลายระบบของร่างกาย ซึ่งร้ายแรงได้มากกว่าโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ โรคนี้มีระยะแฝงตัวของโรคที่ค่อนข้างยาวนาน และสามารถแพร่ไปให้คู่สมรสและทารกในครรภ์ได้ และสามารถพบเกิดได้ทั้งกับผู้หญิงและผู้ชาย นอกจากนี้ ยังอาจติดจากมารดาไปยังทารกได้ทั้งในระยะตั้งครรภ์และระยะคลอด ทำให้ทารกป่วยจากโรคซิฟิลิสแต่กำเนิดได้ จึงแนะนำให้หญิงตั้งครรภ์ทุกรายได้รับการตรวจหาการติดเชื้อซิฟิลิสเป็นส่วนหนึ่งของการตรวจฝากครรภ์ สามารถลดโอกาสการติดเชื้อซิฟิลิสจากการมีเพศสัมพันธ์ได้ด้วยการใช้ถุงยางอนามัย
ทั้งนี้ จากข้อมูลปี พ.ศ. 2558 พบว่าทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อซิฟิลิสราว 45.4 ล้านคน และเป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 6 ล้านคนในปี พ.ศ.2559 มีผู้เสียชีวิตจากซิฟิลิส 107,000 คน แต่หลังจากเข้ายุค 20 ซึ่งมีการระบาดของเอชไอวีจำนวนผู้ติดเชื้อก็เริ่มกลับเพิ่มสูงขึ้น เชื่อกันว่าส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของการสำส่อนทางเพศ การค้าประเวณี การใช้ถุงยางอนามัยที่ลดลง การมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ปลอดภัยของกลุ่มชายที่เพศสัมพันธ์กับชาย
อาการของโรค แบ่งออกได้เป็น 3 ระยะ คือ 1.ระยะเป็นแผล หลังจากติดเชื้อได้ประมาณ 10-90 วัน ผู้ป่วยจะมีตุ่มเล็กๆ ขนาดประมาณ 2-4 มิลลิเมตร เกิดขึ้นตรงบริเวณที่เชื้อเข้า (อาจเกิดขึ้นที่อวัยวะเพศชาย อัณฑะ ช่องคลอด หัวหน่าว ทวารหนัก ริมฝีปาก ลิ้น ต่อมทอนซิล หัวนม หรือขาหนีบ ก็ได้ สุดแล้วแต่ว่าตำแหน่งที่เชื้อเข้าคือตำแหน่งใด)จากนั้นจะเริ่มขยายออกมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และจะแตกออกกลายเป็นแผลกว้างขึ้น แม้จะไม่ได้รับการรักษา แผลจะหายไปได้เองภายใน 3-10 สัปดาห์ แต่เชื้อยังคงอยู่ในกระแสเลือด
2.ระยะออกดอก จะพบหลังจากระยะแรกประมาณ4-8 สัปดาห์ (อาจเกิดหลังจากมีแผลเพียง 2-3 วัน หรือนานหลายเดือนก็ได้) เชื้อจะเข้าไปอยู่ตามต่อมน้ำเหลืองทั่วร่างกาย (เช่น บริเวณหลังหู หลังขาหนีบ และขาพับ) และเข้าไปสู่กระแสเลือด รวมทั้งกระจายไปตามอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยมีผื่นขึ้นทั้งตัวและที่ฝ่ามือฝ่าเท้าด้วย โดยผื่นจะมีลักษณะเป็นตุ่มนูนสีแดงหรือจุดน้ำตาลแดง แต่ผื่นเหล่านี้จะไม่คัน
3.ระยะทำลาย เป็นระยะสุดท้ายของโรค เกิดจากการที่ผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษาหรือรักษาไม่ถูกต้อง เช่นซื้อยามากินเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร จึงทำให้เข้าสู่ระยะร้ายแรง ซึ่งเชื้อจะเข้าสู่สมองและไขสันหลัง ทำให้เป็นอัมพาต บ้านหมุน เดินเซ ชัก ความจำเสื่อม ตามัว ตาบอด หูตึง หูหนวก บุคลิกภาพเปลี่ยนไป อาจเสียสติ และอาจรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้
การวินิจฉัยโรคซิฟิลิส แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคนี้ได้จากการตรวจเลือดหาวีดีอาร์แอล เพื่อตรวจหาภูมิต่อเชื้อซิฟิลิส จะพบเลือดบวก การตรวจเชื้อจากน้ำเหลืองจากแผลหรือผื่นที่ปรากฏบนตัวผู้ป่วยไปส่องกล้องเพื่อหาตัวเชื้อโรค หรือจากการตรวจพิเศษอื่นๆ ตามดุลยพินิจของแพทย์ ดังนั้น ผู้ที่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ไม่ว่าจะเป็นชนิดใดก็ตาม ควรตรวจเลือดทุกรายเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้เป็นซิฟิลิส หรือถ้าเป็นจะได้ให้การรักษาตั้งแต่ระยะแรกก่อนที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงตามมา
การป้องกันโรค วิธีที่ป้องกันโรคซิฟิลิสที่ง่ายที่สุดคือ เวลาที่มีเพศสัมพันธ์กับบุคคลอื่นควรสวมถุงยางอนามัยทุกครั้ง เพื่อเป็นการป้องกันโรค ไม่ควรเปลี่ยนคู่นอนบ่อย หากเป็นคู่รักใหม่ควรพาคู่รักไปตรวจเลือดก่อนมีเพศสัมพันธ์หรือก่อนแต่งงาน เพราะหากพบโรคจะได้รักษาได้ทันเวลา นอกจากนี้ หากคุณสงสัยว่าตนเองเป็นโรคซิฟิลิส ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
การรักษา หากผู้ป่วยรู้ว่าตนเองเป็นโรคซิฟิลิสในระยะแรกหรือเริ่มต้น ผู้ป่วยไม่ควรกังวลหรือเครียด เพราะจะยิ่งทำให้สุขภาพร่างกายและจิตใจทรุดโทรม แต่ผู้ป่วยควรพบแพทย์อยู่เป็นประจำ เพราะในระยะแรกยังมีทางรักษาให้หายขาดได้ โดยการทานยาปฏิชีวนะเพนนิซิลิน เป็นเวลา 3 สัปดาห์ แต่ระยะเวลาในการรักษาขึ้นอยู่กับโรคที่เป็นด้วย
เมื่อเกิดแผลบริเวณอวัยวะเพศ โดยเฉพาะหลังการมีเพศสัมพันธ์ ควรไปพบแพทย์เสมอ อย่าพยายามรักษาโรคนี้ด้วยตัวเองไม่ว่าจะเป็นวิธีใดๆ เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุของแผลที่เกิดขึ้นและรับยารักษาชนิดและขนาดที่ตรงกับโรค และเมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคซิฟิลิส แพทย์จะให้การรักษาโรคซิฟิลิสด้วยยาปฏิชีวนะกลุ่มเพนิซิลลินในขนาดสูง ระยะเวลาการรักษาจะขึ้นอยู่กับระยะของโรคที่เป็นด้วยและผู้ป่วยจะต้องไปฉีดยาตามที่แพทย์นัดทุกครั้ง เพราะการขาดยาจะเป็นสาเหตุสำคัญทำให้โรคไม่หายขาดและเกิดโรคในระยะที่ 3 ได้ เพราะในระยะแรกยังมีทางรักษาให้หายขาดได้ โดยยาปฏิชีวนะ เพนนิซิลิน เป็นเวลา 3 สัปดาห์ แต่ระยะเวลาในการรักษาขึ้นอยู่กับโรคที่เป็นด้วย
อย่างไรก็ตาม หากผู้ป่วยรักษาจนหายขาดแล้ว แต่ก็อย่ามั่นใจว่าจะหายขาดผู้ป่วยควรมีการติดตามผลอย่างเป็นประจำ โดยการกลับมาตรวจซ้ำๆ อีกครั้ง ทุกๆ 3 เดือน และสิ่งที่สำคัญที่สุดคืองดการมีเพศสัมพันธ์ หรือป้องกันได้โดยใช้ถุงยางอนามัย เพื่อจะได้ไม่แพร่เชื้อแก่ผู้อื่น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี