มิวเซียมสยาม ร่วมกับ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติไต้หวัน และสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย เปิดตัวนิทรรศการ “สักสี สักศรี ก่อนรอยแห่งเกียรติจะลบเลือน” (Tattoo COLOR, Tattoo HONOR) ครั้งแรกของไทยในการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับรอยสัก 2 แห่งเพื่อบอกเล่ามรดกทางวัฒนธรรม ผ่านศิลปะการสักลายบนเรือนร่างของ 3 กลุ่มชาติพันธุ์ คือ ชาวไท่หย่า (Atayal) ชาวไผวัน (Paiwan) จากไต้หวัน และชาวล้านนาไทย โดยนิทรรศการดังกล่าวประกอบไปด้วยโซนจัดแสดงวัตถุและภาพที่หาชมได้ยาก อาทิ หุ่นไม้แกะสลัก มือไม้แกะสลัก ภาพประวัติศาสตร์การสักของกลุ่มชาติพันธุ์ จัดฉายภาพยนตร์สารคดีเกี่ยวกับการสัก รวมถึงกิจกรรมเสวนาและเวิร์กช็อป ที่น่าสนใจเข้าชมได้ฟรี ตั้งแต่วันนี้ถึง 27 ตุลาคม 2562 ณ มิวเซียมสยาม (ท่าเตียน) ถนนสนามไชย กรุงเทพฯ
รศ.บุญสนอง รัตนสุทรากุล รักษาการประธานกรรมการสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้(องค์การมหาชน) มีนโยบายที่มุ่งเน้นในการพัฒนาและเชื่อมโยงองค์ความรู้ ส่งเสริมและสนับสนุนความรู้ให้กับประชาชนในมิติต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ให้มีพื้นที่การเรียนรู้นอกห้องเรียนมากยิ่งขึ้น จากความร่วมมือของสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (มิวเซียมสยาม) และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติไต้หวัน สู่การจัดนิทรรศการ“สักสี สักศรี ก่อนรอยแห่งเกียรติจะลบเลือน” (Tattoo COLOR, Tattoo HONOR) ที่ใช้ศิลปะการสักลาย ในการถ่ายทอดเรื่องราวประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ ถือว่าเป็นมิติใหม่ในการสร้างสรรค์องค์ความรู้ เพราะการสักลายไม่เพียงแต่เพื่อความสุนทรียะเท่านั้น แต่ยังมีนัยสำคัญที่กล่าวถึงเกียรติยศ และความภาคภูมิใจ ในขนบธรรมเนียมของกลุ่มชาติพันธุ์ ทั้งในประเทศไทย และไต้หวัน ทั้งนี้ นิทรรศการสักสี สักศรี จะกระตุ้นการเรียนรู้ และถ่ายทอดมรดกทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์กลุ่มชาติพันธุ์ สู่ประวัติศาสตร์ของคนทุกคน ตลอดจนสามารถรักษาองค์ความรู้ให้อยู่คู่สังคมตลอดไป
ราเมศ พรหมเย็น ผู้อำนวยการสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (มิวเซียมสยาม) กล่าวว่า นิทรรศการสักสี สักศรี เป็นนิทรรศการ ที่บอกเล่าเรื่องราวและมรดกทางวัฒนธรรมกลุ่มชาติพันธุ์ของไทยและไต้หวันผ่านศิลปะการสักลายบนเรือนร่างผ่าน 3 กลุ่มชาติพันธุ์ คือ ชาวไท่หย่า (Atayal)ทางตอนเหนือของไต้หวัน ชาวไผวัน (Paiwan) ทางตอนใต้ของไต้หวัน และชาวล้านนา ทางตอนเหนือของไทย โดยภายในนิทรรศการจะถูกเนรมิตให้เต็มไปด้วยบรรยากาศของศิลปะการสักลาย ขนบธรรมเนียม และวัฒนธรรมความเชื่อเกี่ยวกับรอยสักที่มีร่วมกันในภูมิภาค ประกอบไปด้วย 3 โซนกิจกรรม คือ1) โซนภาพและวัตถุจัดแสดง อาทิ หุ่นไม้แกะสลัก มือไม้แกะสลัก ภาพประวัติศาสตร์การสักของกลุ่มชาติพันธุ์ เป็นต้น2) โซนกิจกรรมเสวนาและเวิร์กช็อป จากผู้เชี่ยวชาญด้านมรดกวัฒนธรรม ทั้งไทยและไต้หวัน และ 3) โซนฉายภาพยนตร์สารคดี ที่จะบอกเล่าองค์ความรู้การสักลาย การสื่อนัยทางสังคม ในรูปแบบผสมผสานที่น่าสนใจ
ด้าน นายหง ซื่อ โย่ว (Mr.Hung, Shih-Yu)ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติไต้หวัน หรือ National Taiwan Museum (NTM) กล่าวว่า ไต้หวันเลือกนำเสนอการสักของ 2 กลุ่มชาติพันธุ์ คือ ชาวไท่หย่า (Atayal) และชาวไผวัน(Paiwan) โดย ชาวไท่หย่า (Atayal) ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของไต้หวัน จะมีเอกลักษณ์คือการสักหน้า เพื่อเป็นเครื่องหมายที่แสดงถึงความสามารถ ก่อนที่จะได้รับการสักหน้านั้น ในเพศชายจะต้องได้รับการยอมรับว่ามีความกล้าหาญ และในเพศหญิงจะต้องได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ถักทอและทำการเกษตรเก่งเสียก่อน สำหรับชาวไผวัน (Paiwan) ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของไต้หวัน จะใช้การสักบริเวณลำตัวของเพศชาย และมือของเพศหญิง เพื่อเป็นเครื่องแสดงออกถึงสถานะทางสังคม และความรับผิดชอบ โดยผู้ที่จะสามารถสักได้นั้นจะต้องเป็นชนชั้นสูงของเผ่าเท่านั้น ซึ่งทั้งสองกลุ่มได้ใช้ศิลปะการสักลายบนร่างกาย แสดงถึงเกียรติยศทางสังคม ขนบธรรมเนียมกลุ่ม ผนวกกับคติความเชื่อทางศาสนาของกลุ่มชาติพันธุ์ ทำให้การสักไม่ใช่เพื่อสุนทรียะเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์และความสัมพันธ์ทางสังคม ที่ต้องได้รับอนุญาตหรือการยอมรับในกลุ่มก่อนจะสักลาย
สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ มิวเซียมสยามถนนสนามไชย กรุงเทพฯ โทรศัพท์ 02-2252777 เว็บไซต์ www.museumsiam.org หรือ www.facebook.com/museumsiamfan
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี