การทำธุรกิจที่คิดแค่เพียงผลกำไร อาจจะทำให้ผู้ทำธุรกิจได้เงินเป็นเครื่องตอบแทน แต่การทำธุรกิจที่ไม่ได้เน้นเพียงแค่กำไรเป็นที่ตั้ง จะทำให้ได้ความสุขใจเพิ่มเติม และทำให้เห็นรอยยิ้มของเพื่อนร่วมสังคม
แนวหน้าวาไรตี้ โดย ดร.เฉลิมชัย ยอดมาลัยพาคุณไปพบกับความสุขใจของนักธุรกิจกลุ่มหนึ่งที่ดำเนินกิจการโดยไม่ได้มุ่งเน้นแค่เพียงกำไร แต่ให้ความสำคัญของความสุขมวลรวมของเพื่อนร่วมสังคมเป็นที่ตั้งนักธุรกิจกลุ่มนี้นำโดย คุณทิพยนิภา ไกรฤกษ์ สมะลาภาหรือคุณหนูแดง และ คุณพชร บุญชัย หรือ คุณตั้ว
l กรุณาอธิบาย จิตต์อาทรวิสาหกิจเพื่อสังคม ด้วยครับ
คุณหนูแดง : หนูแดงเห็นว่าเรื่องของจิตใจมนุษย์เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ใจเป็นประธานของทุกเรื่องในชีวิตของเรา จึงอยากให้ทุกคนหันกลับมาดูใจของตนเอง กลับมาอยู่กับตัวเอง และมองตัวเองให้ทะลุว่าชีวิตของเรานั้น ต้องการอะไรกันแน่ ระหว่างเงินทองกับความสุขสงบ และความผาสุกร่วมกันในสังคม จึงร่วมกันตั้งกลุ่มจิตต์อาทรขึ้นมา และคำว่าอาทรมีความหมายมากต่อหนูแดง เพราะเป็นพระนามของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทรทิพยนิภา ค่ะ
l คุณตั้วมองเรื่องจิตต์อาทรอย่างไรครับ และมองเรื่องกำไรกับธุรกิจอย่างไรครับ คนบางกลุ่มอาจบอกว่าทำธุรกิจแล้วไม่มีกำไร จะทำไปเพื่ออะไร แต่ถ้าหากมุ่งเน้นกำไรมากจนเกินเหตุ แล้วทำให้สังคมเกิดปัญหา แบบนี้ก็น่ารังเกียจใช่ไหมครับ
คุณตั้ว : เห็นด้วยครับโดยเฉพาะในเรื่องการมุ่งเน้นกำไรจนทำให้สังคมเกิดปัญหา เรื่องนี้น่ารังเกียจมากครับ สำหรับประเด็นจิตต์อาทรวิสาหกิจเพื่อสังคม คือสิ่งที่ผมกับคุณหนูแดงมองตรงกันคือ เราทำธุรกิจเพื่อหวังให้สังคมโดยรวมดีขึ้น เราไม่ได้เน้นแค่กำไร แน่นอนบริษัทต้องมีกำไร แต่ก็ไม่ควรเน้นเฉพาะกำไรจนลืมเรื่องการแบ่งปันระหว่างเพื่อนร่วมสังคม คือเราต้องไม่เบียดเบียนสังคม และเราก็ต้องไม่เบียดเบียนตัวเองด้วย ธุรกิจของเราต้องเดินไปพร้อมกับสังคม ถ้าธุรกิจของเราเติบโตแข็งแรง สังคมก็ต้องเติบโตและแข็งแรงไปกับเรา เราหวังจะเห็นคนรอบๆ ตัวเราทุกคนมีความแข็งแรงไปพร้อมๆ กัน เราคงอยู่โดยไม่มีความสุข หากเพื่อนร่วมสังคมของเราไม่มีความสุข
l จิตต์อาทรวิสาหกิจเพื่อสังคม ทำธุรกิจด้านไหน ทำอะไรครับ เป็นองค์กรการกุศลหรือเปล่าครับ
คุณหนูแดง : ไม่ใช่องค์กรการกุศลค่ะ แต่เราเน้นการทำ workshop ด้านฝึกอบรม เน้นการนำพาผู้คนกลับมาสู่ตัวของตัวเอง เน้นการทำให้เกิดความเข้าใจภายในตัวเองเป็นอันดับแรก เพราะเมื่อเราเข้าใจตัวเองอย่างถ่องแท้ รู้ทั้งด้านดี และด้านไม่ดีของตัวเรามันก็ง่ายมากขึ้นกับการที่เราจะเข้าใจคนอื่น และรักคนอื่นๆ ที่เป็นเพื่อนร่วมสังคมของเรา แล้วก็ทำให้เราสามารถสานสัมพันธ์กับคนอื่นๆ ได้ง่ายขึ้น แล้วสายสัมพันธ์ดีๆ ก็จะกระจายไปยังคนอื่นๆ ในสังคมโดยไม่รู้จบ เมื่อสังคมมีความเข้าใจกัน มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันแล้ว สังคมก็จะมีความปกติสุข มีความราบรื่น มีความสัมพันธ์ที่ดี เมื่อจะทำงานทำการอะไรก็จะให้ผลสำเร็จที่ดีตามมา งานการทุกอย่างก็จะมีประสิทธิภาพ ให้ประสิทธิผลดีในบั้นปลาย นอกเหนือจากนั้น สิ่งสำคัญที่จิตต์อาทรทำก็คือ ดูแลทั้งร่างกายและจิตใจไปพร้อมๆ กันดูแลแบบองค์รวม เพื่อให้ดีทั้งกายและใจ
l จิตต์อาทรวิสาหกิจเพื่อสังคม ตอบโจทย์ให้คุณทั้งสอง และให้กับสังคมได้อย่างไรบ้างครับ
คุณตั้ว : ข้อแรกคือในรูปแบบของกิจกรรมที่เราทำนั้น ในความเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคม มันก็คือบริษัทจำกัด แน่นอนครับ การตั้งบริษัทมันต้องมีค่าใช้จ่ายส่วนการที่เราเข้าไปทำกิจกรรมอะไรก็ตาม มันก็ต้องมีค่าใช้จ่ายตามมา แต่ทว่า สิ่งที่พวกเราตั้งใจแน่วแน่คือ เราไม่จำเป็นต้องมุ่งเน้นหรือแสวงหากำไรสูงสุดเท่านั้น แต่เราเน้นการช่วยให้ผู้คนได้รับผลประโยชน์สูงสุดเป็นสำคัญ โดยเฉพาะได้รับความผาสุก และความมีสัมพันธไมตรีที่ดีต่อกัน ผมคิดแค่เพียงเมื่อเราอยู่รอดแล้ว คนอื่นๆ ที่มาเข้าร่วมกับเรา และคนอื่นๆ ในสังคมก็ต้องอยู่รอดด้วย เนื้อหาสาระสำคัญที่เราทำคือกิจกรรมที่นำพาให้ผู้คนกลับมาเข้ามาเรียนรู้ใจของตนเอง อยู่กับใจของตนเอง อยู่กับการมีสติระลึกได้มีความตระหนักรู้ เข้าใจความรู้สึกตัวเองได้มากขึ้นและดีขึ้น ผมพบว่าในสภาวะปัจจุบันของสังคมไทย มันมีสิ่งรุมเร้าทั้งด้านบวกและลบมากมาย มันทำให้ผู้คนไม่สามารถอยู่กับตัวเองได้ และทำให้คนเราไม่เข้าใจตัวเอง ไม่เข้าใจความต้องการที่แท้จริงของตัวเองด้วยมันมีสิ่งยั่วยวน เย้ายวนที่สามารถดึงตัวเราออกไปจากใจของตนเอง และสิ่งที่เราได้พบจากการที่ได้ทำงานกับผู้คนมากๆ ทำให้พบว่าหลายคนไม่สามารถตระหนักรู้ตัวเอง ไม่เข้าใจตัวเอง จึงทำให้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกว้าเหว่ วิตกกังวล หรือมีความหงุดหงิดตลอดเวลาบางคนมองว่าตนเองไม่มีเพื่อนแท้ ไม่มีคนที่ตนเองจะสามารถปรับทุกข์ด้วยได้ จึงต้องเก็บอัดทุกอย่างไว้ภายในใจของตนเอง เมื่อเก็บไว้มากๆ ก็จะระเบิดออกมาในวันหนึ่งเมื่อถึงเวลาที่ไม่สามารถทนได้อีกต่อไปเมื่อถึงช่วงที่ผู้คนเดินไปถึงจุดเปลี่ยนสำคัญของชีวิต หรือต้องเผชิญกับบททดสอบที่ยากมากๆ ในชีวิตคนที่รู้สึกไม่มั่นคงต่อตัวเอง ขาดทักษะชีวิต ก็จึงเกิดอาการสั่นคลอนอย่างหนัก แล้วไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ จนต้องปล่อยให้ตัวเองไหลไปตามกระแสวิกฤติที่ถาโถมเข้ามา แล้วทำให้ตัวเองไปสู่จุดวิกฤติ เพราะฉะนั้นวิสาหกิจจิตต์อาทรจึงตอบโจทย์ของตัวผู้กระทำกิจการ และช่วยตอบโจทย์ของสังคมได้พร้อมๆ กัน คือทำให้ทุกคนทุกฝ่ายช่วยเหลือ แบ่งปันและดูแลจิตใจของกันและกัน เพื่อให้ทุกคนก้าวข้ามผ่านวิกฤติของชีวิตไปให้ได้
l น่าสนใจมากครับ กับเรื่องที่คนจำนวนไม่น้อยไม่สามารถต้านทานกับวิกฤติในชีวิตได้
หนูแดง : ค่ะ หากเราไม่สามารถจัดการกับวิกฤติชีวิตของเราได้ ทุกอย่างจะเลวร้ายมาก ดังนั้นหนูแดงจึงเน้นในเรื่องการทำให้เราสามารถรู้ใจของเราเองในทุกขณะ เมื่อเรามีใจที่มั่นคงแล้ว และเมื่อเราเข้าใจตัวเองดีแล้ว วิกฤติใดๆ ก็ไม่สามารถทำอันตรายกับเราได้ และเราก็จะไม่เป็นตัวสร้างปัญหาให้กับสังคม
l การย้อนกลับมาดูตัวเอง กลับมาดูใจตัวเอง เหมือนกับคำสอนของพระที่ว่า มนุษย์ชอบส่งจิตออกนอก ไม่ดูใจของตัวเอง ดีแต่เพ่งโทษคนอื่น
ไม่เคยควบคุมใจตัวเองได้ มันจึงเกิดปัญหาไม่รู้จบในสังคม ต้องบอกว่าปัญหายังมีอยู่ แต่การแก้ปัญหาคือ เราต้องไม่นำตัวเองเข้าไปร่วมเป็นปัญหาด้วย นี่คือสิ่งที่จิตต์อาทรเน้นใช่ไหมครับ
คุณหนูแดง : ก็ทำนองนี้ค่ะ คือเราเน้นให้คนทุกคนต้องรู้และเข้าใจตัวเองก่อน แล้วเราจึงจะเข้าใจคนอื่นได้ ถ้าเรายังไม่รู้ใจของเราเอง เราจะไม่มีวันเข้าใจคนอื่นๆ เป็นอันขาด
l บางคนอาจบอกว่า มันดูเป็นนามธรรมจังเลย จับต้องไม่ได้ หรือบางคนอาจจะบอกว่าก็แหงล่ะสิ คุณหนูแดงมีฐานะดี ก็ไม่ต้องดิ้นรนมาก จึงสามารถคิดทำโครงการแบบนี้ได้ แต่จริงๆ ผมเห็นว่าเรื่องแบบนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นคนมีฐานะดีมากๆ แต่ถ้าเป็นคนที่มีจิตใจคิดเผื่อแผ่ ก็สามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้ทุกคน
คุณหนูแดง : จริงๆ แล้ว ต้องบอกว่า หนูแดงไม่ใช่คนร่ำรวย แต่หนูแดงทำกิจกรรมนี้เพราะเห็นว่าเราทำได้ และก็มั่นใจว่าคนอื่นๆ ก็ทำได้ หนูแดงอยากบอกว่าสิ่งที่เราได้รับจากการทำสิ่งเหล่านี้ คือการที่เราได้เห็นคนอื่นๆ มีความสุขมากขึ้น ร่างกายแข็งแรงขึ้นจิตใจเข้มแข็งมากขึ้น จากเดิมที่เขาเป็นคนไม่เคยยิ้ม ยิ้มยาก ก็กลายเป็นคนที่เบิกบานร่าเริงมากขึ้น มันเป็นสิ่งที่เราเห็นแล้วเราก็มีความอิ่มเอมใจเป็นที่สุด แต่สิ่งสำคัญที่เรารู้ คือนอกจากผลที่เกิดขึ้นกับตัวเขาแล้ว ผลดีไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น แต่พบว่าความสุขที่เกิดขึ้นกับเขา มันได้แผ่ขยายกระจายไปสู่ครอบครัวของเขาไปสู่เพื่อนร่วมงานของเขา ไปสู่สังคมของเขา หนูแดงรู้สึกว่าวิถีแบบนี้มันหล่อเลี้ยงเราได้อย่างดีเหลือเกินให้เรารู้สึกได้ถึงความเชื่อมโยงต่อกันและกันมากขึ้น สิ่งนี้มีคุณค่ามาก มีความหมายที่ยิ่งใหญ่กับชีวิตของหนูแดง เป็นพลังที่ช่วยให้เราทุกคนก้าวเดินต่อไปได้ เพราะทุกๆ เช้าที่ตื่น เรารู้ว่าเรามีประโยชน์ต่อสังคมนี่คือสิ่งมีค่าเหนืออื่นใด
l ผู้ชมรายการแนวหน้าวาไรตี้ และผู้อ่านหนังสือพิมพ์แนวหน้า อยากทราบว่าจะเข้ามาใช้บริการได้อย่างไรครับ
คุณหนูแดง : ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามได้ หรือจะให้เราไปเปิดคอร์สต่างๆ ให้ได้ค่ะ ดูรายละเอียดเพิ่มเติม นอกเหนือจากที่ได้ข้อมูลจากรายการนี้และจากแนวหน้า โดยเข้าไปดูได้จาก Home Page JitAton เพียงแค่พิมพ์คำว่า JitAton เท่านั้นจะมีข้อมูลให้อย่างพร้อมสรรพ์ ช่องทางติดต่อคือที่ www.facebook.com/JitAton.life ในนั้นจะมีตัวอย่างงานที่เราทำ ผลลัพธ์ของการอบรม และมีข่าวสารกิจกรรมของเรา ยกตัวอย่างเช่น workshopของเรา เราเน้นให้ผู้เข้าอบรมกลับไปสู่สิ่งง่ายๆ ในชีวิต เช่น พูดและฟังซึ่งกันและกัน และเน้นให้เขียนบอกหรือบอกเล่าความรู้สึกของเราให้คนใกล้ชิดของเรารับรู้ และจะให้เราได้ทบทวนความคิดของเราตลอดเวลาว่าเราคิดอะไร เป็นต้น
l คือเป็นการอบรม หรือการเข้าคอร์สใช่ไหมครับ
คุณหนูแดง : ใช่ค่ะ เพราะเวลาที่คุณอยู่ในกลุ่มของคุณ คุณจะรู้สึกว่าอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย เราจึงให้ความมั่นใจและสร้างความอบอุ่นใจให้กันและกัน เราทุกคนสามารถใช้พื้นที่ตรงนี้ใคร่ครวญ และค้นหาทำความเข้าใจตัวเอง และเพื่อนๆ ได้เป็นอย่างดี แล้วก็สามารถสื่อสารระหว่างกัน เรียนรู้กันและกันได้ดีขึ้น และเราจะสามารถเชื่อมโยงกันและกันได้ดียิ่งขึ้น
l การอบรมคอร์สแบบนี้ เหมือนการละลายพฤติกรรมใช่ไหม คอร์สนี้เหมาะสมกับใครบ้างครับ
คุณตั้ว : โดยพื้นฐานนั้น พวกเราเน้นการทำงานกับเพื่อนมนุษย์ เพราะฉะนั้นที่ไหนมีมนุษย์ พวกเราก็สามารถไปทำงานด้วยได้ รูปแบบที่เราทำคือ workshop ทำให้เขาได้รับประสบการณ์ ได้สัมผัสกับแง่มุมที่เขาอาจจะลืมหรือมองข้ามไป พยายามให้เขาเข้าใจตัวเอง และสุดท้ายคือให้ทุกคนเข้าใจกันและกันเมื่อเขาเข้าใจตัวเอง และเข้าใจเพื่อนมนุษย์แล้ว ผลลัพธ์มันวิเศษมากคือ เขาจะมีพลังในการสร้างสรรค์ และมีความเป็นผู้ให้มากขึ้น
l ช่วยยกตัวอย่างชัดๆ ประกอบด้วยครับ อย่างเช่นจะทำอย่างไรให้เขารู้สึกแคร์ซึ่งกันและกัน โปรแกรมนี้ทำอย่างไรครับ
คุณหนูแดง : อย่างเช่น การรับฟังกันและกัน หลายคนอาจจะบอกว่าก็ฟังอยู่แล้ว แต่กระบวนการของเราเน้นที่การฟังกันและกันด้วยหัวใจ ให้เขารู้ว่าเราใส่ใจในคำพูดของเขาจริงๆ เราฟังว่าในคำพูดเหล่านั้นเขามีความทุกข์มากน้อยเพียงใด คือต้องเหมือนกับว่า เราเข้าไปนั่งอยู่ในใจของเขาค่ะ คือเราเข้าใจในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับเขา เราบอกเขาว่าเราเป็นเพื่อนที่ยินดีรับฟังเรื่องราวของเขา เราจะช่วยกันสะท้อนปัญหาและความคิดซึ่งกันและกัน แล้วช่วยกันชำระขยะที่ตกค้างอยู่ในใจของกันและกัน เราอาจจะเขียนบอกว่า ในฐานะของผู้ดูแล เราเหนื่อยยากแค่ไหน เราต้องแบบภาระหนักเพียงใด เราจะทนไม่ไหวแล้ว นี่คือการบอกให้เขารับรู้ เพราะความเป็นจริงนั้น ในชีวิตประจำวันของเรา เราไม่สามารถระบายสิ่งเหล่านี้ให้คนอื่นๆ ฟังได้โดยง่ายเราพูดปัญหาเหล่านี้ไม่ได้กับคนอื่นๆ แต่สำหรับในพื้นที่แบบนี้ มันเป็นโอกาสแห่งการทิ้งขยะที่ค้างในใจ เป็นโอกาสของการที่เราจะได้พูดจากับใครสักคน ได้ทำความเข้าใจกัน ได้มาดูแล และเติมพลังให้กันและกัน เพื่อที่จะกลับไปอย่างปลอดโปร่งโล่งสบาย
คุณตั้ว : จากการทำงาน ทำให้เราได้ประสบการณ์ตรง เราพบว่าเมื่อทุกคนมีความสัมพันธ์ที่ดีกับตัวเองแล้วเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบๆ ตัวด้วย แล้วมันจะค่อยๆ ขยายกว้างมากขึ้นไปถึงคนที่เราไม่รู้จัก และคนอื่นๆ ในสังคมโดยอัตโนมัติเราพบว่าทุกองค์กรล้วนขับเคลื่อนด้วยคน ถ้าคนทุกๆ คนประสานใจเป็นหนึ่งเดียว มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงระหว่างกันแล้ว เพื่อนร่วมงานก็จะเห็นคุณค่า และเห็นความหมายของกันและกัน ช่วยทำให้พนักงานทุกคนค้นพบพลังในตัว ช่วยให้เขาอยากตื่นเช้าขึ้นมา แล้วไปทำงานให้องค์กร
l คอร์สอบรมแบบนี้ต้องใช้เวลาอย่างน้อยกี่วันครับ
คุณหนูแดง : เรื่องความเข้าใจภายใน และเรื่องของจิตใจ ต้องใช้เวลาอบรมอย่างต่อเนื่องพอสมควร อย่างน้อยที่สุดคือ 3 ชั่วโมง แต่ถ้าจะให้ผลดีคือต้องจัดกิจกรรมเป็นประจำ อาทิตย์ละ 1-2 ครั้งหรือจะทำแบบ one day course ก็ได้ สามารถเลือกได้ตามความเหมาะสมของผู้เข้ารับการอบรม และขององค์กร
คุณตั้ว : ยกตัวอย่างการจัดกิจกรรมแบบOuting (การออกไปจัดกิจกรรมอบรมนอกสถานที่ทำงาน) เราเคยจัดให้กับองค์กรหนึ่งครับ เขาไปOuting ที่ต่างจังหวัด เราไปดำเนินกิจกรรมให้พนักงานและผู้บริหารองค์กร เราไปกันสองคืนสามวัน ก็สามารถกระชับและเชื่อมโยงความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันได้มากขึ้นครับ
คุณสามารถพบรายการดีที่ครบครันด้วยสาระและความบันเทิง รายการ แนวหน้าวาไรตี้ ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 16.00-16.25 น. ทางโทรทัศน์ TNN2 ช่อง 784 ดิจิทัลทีวี หรือ True Visions 8 และชมรายการย้อนหลังได้ที่ YouTube ผู้หญิงแนวหน้า by คุณแหน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี