วันอังคาร ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2568
กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร ทรงเปิดงานวันแม่แห่งชาติ 2562
แม่ดีเด่นเน้นสอนลูกรู้จักหน้าที่ รับผิดชอบ และช่วยเหลือแบ่งปัน
ระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี
กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา เสด็จแทนพระองค์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเปิดงานวันแม่แห่งชาติ ประจำปี 2562 เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2562 ณ โรงแรมเซ็นทรา บายเซ็นทารา ศูนย์ราชการและคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ
ในการนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงมีพระดำรัสเปิดงานวันแม่แห่งชาติ 2562 ความว่า “แม่คือพระอรหันต์ของลูก เป็นบุคคลสำคัญผู้ให้ชีวิต และฟูมฟักเลี้ยงดู อบรมสั่งสอนให้ลูกมีคุณธรรมจริยธรรม อันเป็นคุณสมบัติพื้นฐานในการอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นในสังคม ทั้งสนับสนุนลูกให้ได้รับการศึกษา เพื่อให้มีความรู้สำหรับนำไปใช้ประกอบอาชีพการงานเลี้ยงตัว และสร้างสรรค์ประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติต่อไป ภาระหน้าที่อันหนักสำคัญยิ่งดังกล่าวนั้น ล้วนเป็นสิ่งที่แม่กระทำด้วยความรักความเมตตา ปรารถนาให้ลูกมีความสุขความเจริญอย่างแท้จริง ลูกทุกคนควรจะได้แสดงความกตัญญูกตเวทีต่อท่าน ด้วยการเคารพเชื่อฟังคำสั่งสอน ประพฤติปฏิบัติตนเป็นคนดี คอยดูแลเอาใจใส่และช่วยเหลือท่าน ให้สมกับที่ท่านได้ทุ่มเทชีวิตและจิตใจทำหน้าที่แม่อย่างสมบูรณ์มาโดยตลอด...เชื่อว่าทุกท่านจะภาคภูมิใจได้เต็มที่กับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ พร้อมทั้งรักษาและสร้างความดีให้เพิ่มพูนขึ้น เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ผู้อื่นและสังคมส่วนรวมต่อไป”
สำหรับสตรีที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็น “แม่ดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2562” เนื่องในโอกาส“วันแม่แห่งชาติ ประจำปี 2562” รวมทั้งสิ้น 207 รายและลูกที่มีความกตัญญูกตเวทีอย่างสูงต่อแม่ จำนวน 102 ราย โดยมีคุณแม่ข้าราชการคุณแม่นักธุรกิจ คุณแม่นักสังคมสงเคราะห์ที่มีชื่อเสียงหลายท่านได้รับรางวัลในปีนี้
นางสิริพร ภาณุพงศ์ อดีตอัครราชทูตไทยประจำต่างประเทศ แม่ดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2562 ประเภทแม่ผู้บำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม เผยถึงหลักการเลี้ยงลูกว่า “เป็นวิธีการเลี้ยงรุ่นสู่รุ่น คือดิฉันได้รับการเลี้ยงดู อบรมสั่งสอนจากคุณแม่มาอย่างไร ก็นำมาใช้กับลูกๆ ของตัวเองเนื่องจากมีลูกชาย 3 คน อายุไล่เลี่ยกัน จะเน้นการให้ความรัก ความใกล้ชิด เอาใจใส่ คุยกันได้ทุกเรื่อง ควบคู่กับการสอนให้เขามีระเบียบวินัย รู้จักหน้าที่ของตนเอง มีความกตัญญู ขยันหมั่นเพียร และการช่วยเหลือสังคม บางครั้งแม่ก็ต้องสวมบทเป็นตัวร้ายใช้ความเข้มงวดกับลูกๆ บ้างแต่ทั้งนี้ก็ทำด้วยหัวใจของคนเป็นแม่ นอกจากนี้ยังเชื่อว่าสุภาษิตไทยที่ว่า รักวัวให้ผูกรักลูกให้ตีนั้นยังใช้อยู่ได้จริงในปัจจุบัน เพราะผู้ใหญ่อาบน้ำร้อนมาก่อน มีประสบการณ์มากกว่า พ่อแม่ทุกคนย่อมหวังดีกับลูก สิ่งที่พ่อแม่สั่งสอนลูกๆ ควรเชื่อฟังนำไปคิดนำไปปฏิบัตินำไปเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต”
นางนพรัตน์ กุลหิรัญ หญิงเหล็กแห่งวงการธุรกิจด้านยุทโธปกรณ์การทหาร แม่ดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2562 ประเภทแม่ผู้บำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม กล่าวว่า “ตั้งแต่ลูกเกิดดิฉันเลี้ยงลูกด้วยตัวเองมาตลอด เพราะหน้าที่ความรับผิดชอบในการเลี้ยงลูกเป็นของแม่ไม่ใช่พี่เลี้ยง นอกจากเดินทางไปต่างประเทศก็จะไปฝากไว้กับคุณตาคุณยายของลูก เพราะท่านคือคนที่เราไว้ใจมากที่สุด การเลี้ยงลูกก็เหมือนการปลูกต้นไม้ เราปลูกต้นไม้ให้โตตามธรรมชาติก็ได้ แต่ถ้าเราลดน้ำใส่ปุ๋ย ตัดแต่งกิ่งให้สวยงาม ก็จะเป็นต้นไม้ที่เติบโตอย่างแข็งแรงและงดงาม ในฐานะที่เป็นนักธุรกิจและเป็นแม่ ตระหนักว่าความสำเร็จของผู้หญิงเราไม่ใช่เรื่องการทำธุรกิจ แต่การที่ลูกเป็นคนดีของสังคม มีความกตัญญู นั่นคือความสำเร็จของเรา สิ่งที่สอนลูกอยู่เสมอคือ การรู้จักหน้าที่ของตัวเองและมีความรับผิดชอบ เพราะคุณค่าของคนเราอยู่ที่การทำงาน นอกจากนี้ต้องไม่ฟุ้งเฟ้อ และการช่วยเหลือสังคมเท่าที่ทำได้ อย่างเช่น การประหยัดน้ำ ประหยัดไฟ ถึงแม้ว่าสามารถใช้น้ำ ใช้ไฟเปลืองแค่ไหนก็ได้ เพราะสามารถจ่ายได้ แต่ดิฉันจะสอนให้ลูกรู้ว่าทรัพยากรเหล่านี้ไม่ใช่ของเราคนเดียว ก็ต้องรู้จักใช้อย่างรู้คุณค่า มันเป็นสมบัติของโลกที่ต้องช่วยกันดูแล”
นางสุภา เทพผดุงพร ผู้บริหารธุรกิจผลิตภัณฑ์กะทิชาวเกาะ แม่ดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2562 ประเภทแม่ผู้บำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม เผยถึงหลักการทำหน้าที่แม่ของลูกๆ ทั้งสามคนว่า “ตนเองมี 3 บทบาท ทั้งด้านการทำงาน การเป็นแม่ และการทำงานเพื่อสังคมในฐานะผู้พิพากษาสมทบศาลเยาวชนและครอบครัว ต้องบริหารจัดการเวลาทุกอย่างให้ลงตัว ไม่ให้ส่วนใดส่วนหนึ่งเสียไป แน่นอนว่าต้องให้ความสำคัญกับครอบครัวเป็นอันดับแรก ตามด้วยงาน และหากมีเวลารวมถึงเงินทองก็นำไปช่วยเหลือสังคม สำหรับการปลูกฝังลูกนั้น เน้นว่าทุกคนต้องรู้จักหน้าที่ของตัวเอง มีระเบียบวินัย มีความอดทน เพราะส่งลูกๆ ไปเรียนต่างประเทศ ก็เพื่อให้เขารู้จักช่วยเหลือตัวเอง ตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง ตอนนี้ลูกๆ ก็เข้ามาช่วยดูแลธุรกิจก็ทำได้ดี ทำให้แม่มีเวลาได้มาทำงานเพื่อสังคมมากขึ้น สำหรับวิธีการเลี้ยงลูก แม่แต่ละคนมีสไตล์การเลี้ยงลูกแตกต่างกันออกไป ไม่มีสูตรแน่นอน แต่คนเป็นพ่อแม่ควรมองที่ลูกเป็นสำคัญว่าลูกเป็นอย่างไร หรือชอบสิ่งใดต้องสนับสนุนส่งเสริมทางนั้น อย่าเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง”
พันเอกหญิงยุพาภรณ์ กรินชัย แม่ดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2562 ประเภทแม่ผู้บำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม ปัจจุบันรับราชการสังกัดกรมการแพทย์ทหารบก เป็นผู้คิดค้นนวัตกรรมเนื้อเทียมตกแต่งบาดแผลสมมุติเพื่อฝึกการปฐมพยาบาลและการช่วยชีวิตเบื้องต้น ซึ่งผลงานนี้ไม่ได้มีประโยชน์ต่อกองทัพเท่านั้น แต่ยังนำความรู้ไปเผยแพร่แก่เด็กและเยาวชนในสถานศึกษาให้รู้จักการปฐมพยาบาลและการช่วยชีวิตเบื้องต้นอีกด้วย ในฐานะคุณแม่ที่เป็นทหาร เผยวิธีการเลี้ยงลูกสาว 2 คน ว่า “แม่คือแบบอย่างที่ดีของลูก ถ้าเราอยากให้ลูกเป็นอย่างไรก็ต้องทำแบบนั้น ตั้งแต่ลูกยังเล็กถ้ามีโอกาสก็จะพาลูกๆไปดูว่าแม่ทำงานอะไร งานของแม่มีประโยชน์อย่างไรต่อสังคม สอนให้เขารู้จักการแบ่งปัน เพราะตัวเองก็ได้รับการปลูกฝังมาจากคุณแม่เช่นกันถึงเรื่องของการยิ่งให้ยิ่งได้รับ คือเวลาที่ได้รับเรามีความสุข แต่เวลาที่เราเป็นผู้ให้หัวใจเราพองโตยิ่งกว่า จึงสอนให้ลูกมีจิตใจโอบอ้อมอารี และรู้จักแบ่งปัน ขณะเดียวกันต้องไม่ลืมที่จะดูแลตัวเองและครอบครัว สำหรับตัวเองมองว่าปัจจุบันเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตมากขึ้น ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อด้อย ข้อดีคือมีความทันโลกมากขึ้น แต่ข้อเสียถ้าลูกๆ อยู่กับสื่อมากเกินไปก็ต้องดึงกลับมาให้อยู่ในโลกของความเป็นจริงมากขึ้น สำคัญต้องไม่ลืมสิ่งที่เป็นขนบธรรมเนียมไทยที่มีมาแต่โบราณ”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี