หลังจากที่นักท่องเที่ยวได้อิ่มเอมกับทิวทัศน์ของเมือง Wurzburgบนสะพานเก่าแล้ว Neumunster Church คือสถานที่ต่อไปที่นักท่องเที่ยวควรไปเยี่ยมเยือน โบสถ์สไตล์บาโรกแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกให้กับ St.Kilain บิชอปชาวไอริชที่ถูกสังหารบนแผ่นดินเยอรมนี St.Kilian เป็นบิชอปที่เป็นที่ชื่นชอบของชาวเยอรมันในสมัยนั้นมาก ท่านสามารถที่จะชักจูงให้ชาวเยอรมันมากมายหันมานับถือศาสนาคริสต์ แม้แต่ดุ๊คผู้ครองนคร Wurzburg เองก็เปลี่ยนศาสนาจากการเทศน์ของ St.Kilian แต่เมื่อท่านดุ๊คอภิเษก
กับ Geilana น้องสะใภ้ของตัวเอง St.Kilian ก็ออกปากตักเตือนท่านดุ๊คว่า มันเป็นเรื่องผิดพระบัญญัติของพระคัมภีร์ในการแต่งงานกับหญิงม่ายที่เป็นน้องสะใภ้ซึ่งมิได้เป็นคริสเตียน เมื่อ Geilana ทราบว่า St.Kilian ตักเตือนพระสวามีเรื่องนี้ นางจึงส่งทหารไปบั่นคอ St.Kilian และ St.Colman รวมทั้ง St.Totnan ขณะสอนศาสนากลางตลาดในปี 689
การศึกษาเมื่อเร็วๆ นี้พบว่า Bishop Megingoz เป็นคนแรกที่ดำริจะสร้างโบสถ์แห่งหนึ่งขึ้นบนตำแหน่งที่ St.Kilian ถูกสังหารเพื่อรำลึกถึงการสังหารหมู่ในครั้งนั้น แต่กว่า Neumunster Church จะได้เริ่มสร้างจริงก็ปาเข้าไปปี 1060 หรืออีกร่วม 200 ปีต่อมาโบสถ์ได้ขยายเป็นสองชั้นและได้กลายเป็นโบสถ์ที่มีความสำคัญมากในยุคกลางของเยอรมัน ในปี 1300 ราชสำนักได้สร้างห้องสมุดไว้ในโบสถ์แห่งนี้ด้วย เนื่องจากในยุคกลางนั้นศาสนจักรมีอิทธิพลมากและผู้นำทางศาสนาก็มีอำนาจในการปกครองแผ่นดินด้วยเสมือนกับราชสำนัก โบสถ์แห่งนี้จึงได้รับการดูแลอย่างดีโดยได้รับการทาสีใหม่อยู่เนืองๆ และในคริสต์ศตวรรษที่ 17 โบสถ์ก็ได้รับการตกแต่งกระจกสีและทาสีใหม่ในแนวเรอเนสซองส์แต่ระเบียงทางทิศตะวันตกกลับตกแต่งตามสไตล์บาโรก ในคริสต์ศตวรรษที่ 18 โบถส์ก็ได้รับการตกแต่งส่วนโดมใหม่ด้วยภาพ Fresco ที่นักท่องเที่ยวยังเห็นอยู่ในปัจจุบัน
โบสถ์แห่งนี้ถูกทำลายลงครั้งใหญ่จากการถูกทิ้งระเบิดในสงครามโลกครั้งที่สองในวันที่ 16 มีนาคม 1945 และได้เริ่มเข้าสู่ขบวนการซ่อมแซมในปี 1949ในการซ่อมแซมโบสถ์ครั้งนั้น หลุมฝังศพของ St.Kilian ได้รับการออกแบบใหม่ด้วย อย่างไรก็ดีการซ่อมแซมโบสถ์กลับหยุดชะงักลงในปี 1967 จากการที่เทศบาลของเงินทุน ถึงกระนั้นก็ตามโบสถ์แห่งนี้ก็ได้รับการซ่อมแซมจนเสร็จสมบูรณ์ได้ในที่สุดเมื่อปี 2009 นี้เอง นักท่องเที่ยวที่มีโอกาสไปเยี่ยมเยือนจะพบว่าภาพ Fresco ตรงส่วนโดมแปดเหลี่ยมยังคงเป็นของเก่า ในขณะที่ภาพตกแต่งเกือบทั้งหมดเป็นแนว Contemporary Art ที่ทันสมัยแต่ไม่ยากที่จะเข้าใจนักเพราะยังคงเป็นภาพที่เกี่ยวเนื่องกับศาสนา แม้แต่ไม้กางเขนก็ยังเป็นศิลปะแนว Modern Art ที่แทบไม่เหลือเค้าโครงของอดีตนับพันปีของโบสถ์เลย ถึงกระนั้นก็ยังคงความขลังอยู่ไม่เสื่อมคลาย หลังจากเสร็จการเยี่ยมเยือนโบสถ์นี้แล้ว รับรองได้ว่านักท่องเที่ยวจะทึ่งกับอัจฉริยภาพของมัณฑนากรที่สามารถผสมผสานศิลปะแนว Modern Art เข้ากับศาสนจักรได้อย่างลงตัวจนแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยทีเดียว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี