การคิดเป็น ทำเป็น เรียนรู้เป็นแก้ปัญหาเป็น และปรับตัวเพื่ออยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข คือการฝึกทักษะสมองสำคัญที่เรียกว่า EF หรือ Executive Functions คือ ทักษะการบริหารจัดการตนเองขั้นสูง เป็นกระบวนการทางความคิดระดับสูงของสมองส่วนหน้าที่มีความเกี่ยวข้องกับความคิด ความรู้สึก และการกระทำโดยช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการพัฒนาทักษะ EF คืออายุ 3-6 ขวบ เพราะสมองส่วนหน้าพัฒนาได้มากที่สุด ซึ่งช่วยให้เด็กเติบโตได้อย่างมีคุณภาพและนำไปสู่ความสำเร็จในชีวิต โดยเฉพาะเด็กที่มีปัญหาทางด้านสมาธิ หากไม่ได้รับการฝึกฝนอย่างถูกต้องอาจทำให้มีปัญหาด้านพฤติกรรมการใช้ชีวิต การเรียน และการเข้าสังคมในอนาคตได้ การฝึกทักษะสมองจึงเป็นสิ่งสำคัญที่พ่อแม่ไม่ควรละเลย
แพทย์หญิงมัณฑนา ชลานันต์กุมารแพทย์ด้านพัฒนาการและพฤติกรรมโรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวถึงการใช้หลักพัฒนาสมองลูกรักอย่าง EF หรือExecutive Functions การบริหารจัดการตนเอง เพื่อฝึกทักษะสมอง พัฒนาสมาธิมีทั้งหมด 9 ด้าน ได้แก่ ทักษะพื้นฐาน (Basic) จำนวน 3 ด้าน และทักษะขั้นสูง (Advance) จำนวน 6 ด้าน ทักษะพื้นฐาน(Basic) ประกอบด้วย 1) Working Memory (ความจำเพื่อใช้งาน) คือ ความสามารถในการเก็บข้อมูลเพื่อประมวลผลและดึงข้อมูลที่เก็บในคลังสมองออกมาใช้ในสถานการณ์ที่ต้องการ 2) Inhibitory Control (ยั้งคิด ไตร่ตรอง) คือ ความสามารถในการยั้งคิดไตร่ตรอง สามารถควบคุมความต้องการ หยุดคิดก่อนที่จะทำหรือพูดได้ 3) Shifting หรือ CognitiveFlexibility (ยืดหยุ่นความคิด) คือความสามารถในการยืดหยุ่นทางความคิดร่วมแก้ไขปัญหาที่แตกต่างกัน รู้จักพลิกแพลงและปรับตัว เป็นจุดเริ่มต้นของการมีความคิดสร้างสรรค์และคิดนอกกรอบ
ทักษะขั้นสูง (Advance) ประกอบไปด้วย 4) Focus หรือ Attention (จดจ่อ ใส่ใจ) คือ ความสามารถในการใส่ใจจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาหนึ่งๆ โดยไม่วอกแวก รู้จักการทำงานให้เสร็จเป็นอย่างๆ ไป 5) Emotional Control (ควบคุมอารมณ์) คือ ความสามารถในการควบคุมอารมณ์ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม จัดการกับอารมณ์ตนเองไม่ให้รบกวนผู้อื่น ไม่โกรธเกรี้ยว ฉุนเฉียว หงุดหงิดง่ายเกินไป รู้จักแสดงอารมณ์อย่างถูกวิธี 6) Self-Monitoring(ติดตาม ประเมินตนเอง) คือ การประเมินตนเองเพื่อหาจุดบกพร่องแล้วนำมาแก้ไขและพัฒนาให้ดีขึ้น รู้จักไตร่ตรองว่าตัวเองทำอะไร รู้ว่าตัวเองทำอะไร และรู้ว่าใกล้จะเสร็จหรือเรียบร้อยแล้ว 7) Initiating (ริเริ่มและลงมือทำ) คือ ความสามารถในการริเริ่มและลงมือทำ กล้าคิดกล้าทำลงมือทำทันที ไม่ผัดวันประกันพรุ่ง8) Planning and Organizing (วางแผนจัดระบบ ดำเนินการ) คือ การวางแผนจัดการตนเองอย่างเป็นขั้นตอน ดำเนินการตั้งแต่วางเป้าหมาย มองเห็นภาพรวม รู้จักจัดลำดับความสำคัญ จัดระบบ ดำเนินการ และประเมินผล 9) Goal-Directed Persistence (มุ่งเป้าหมาย) คือ การวางเป้าหมายที่ชัดเจน มีความพากเพียรและความมุ่งมั่นในการบรรลุเป้าหมาย รู้จักฝ่าฟันอุปสรรค หากล้มต้องรู้จักลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย
ทั้งนี้ ทักษะการบริหารจัดการตนเอง ควรเริ่มฝึกตั้งแต่อายุ 3 ขวบขึ้นไปเป็นการปูพื้นฐาน ผู้ปกครองควรใส่ใจให้ลูกมีทักษะการบริหารจัดการตนเองที่ดีโดยในช่วงวัยนี้เป็นช่วงวัยที่มีการเปิดรับการพัฒนาทักษะค่อนข้างสูง จะทำให้เด็กเกิดการบริหารจัดการตนเองที่ดีรวมถึงการควบคุมอารมณ์ การคิด ความจำการใส่ใจ การแก้ปัญหา การเข้าใจเหตุผล การมีสมาธิ ต่อไปในอนาคต
เครื่องมือทางจิตวิทยาที่นำมาใช้ในการฝึกพัฒนาทักษะ อาทิ การทดสอบโดยใช้ Wisconsin Card Sort Task (WCST) เป็นเครื่องมือที่มีลักษณะรูปร่างต่างกัน 4 แบบ เช่น วงกลม สามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม รูปดาว เป็นต้น มีสีต่างกันมีจำนวนต่างกัน แพทย์จะเป็นผู้กำหนดให้เด็กว่าให้เรียงตามจำนวนที่เหมือนกันหรือเรียงตามรูปทรงหรือสีที่เหมือนกันให้ผู้รับการทดลองมีการปรับเปลี่ยนความคิดเพื่อที่จะจัดการได้ตามโจทย์ที่ให้ไว้ ซึ่ง Wisconsin Card Sort Task (WCST) เป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งที่ใช้ในการทดสอบ แต่ไม่ใช่เครื่องมือที่จะใช้วัดผลการพัฒนาทักษะได้ทั้งหมด เพราะเครื่องมือที่ใช้วัดผลพัฒนาทักษะมีค่อนข้างหลากหลาย แพทย์จะเลือกใช้เครื่องมือตามกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการพัฒนาเป็นหลัก ทั้งนี้ เด็กที่มีปัญหาทางด้านทักษะการบริหารจัดการ โดยมากจะพบในกลุ่มเด็กที่มีสมาธิสั้น (ADHD-Attention Deficit Hyperactivity Disorder) เนื่องจากเด็กจะมีอาการวอกแวก ไม่อยู่นิ่ง ขาดความรับผิดชอบ ไม่สามารถเก็บรายละเอียดได้ ส่งผลให้ขาดประสิทธิภาพในการเรียนและการใช้ชีวิตในอนาคต
การจัดกิจกรรมกลุ่มเพื่อพัฒนาทักษะด้วย EF หรือ Executive Functionsข้อดีคือ พลังกลุ่ม เพราะการทำกิจกรรมกลุ่มจะมีเด็กคนอื่นๆ ในกลุ่มด้วย หากมีเด็กที่เป็นตัวอย่างที่ดีในกลุ่มเขาก็จะได้รับรางวัล จะทำให้เด็กที่อยู่ในกลุ่มคนอื่นๆ อยากที่จะปฎิบัติตามแล้วได้รับรางวัลเช่นกัน ขณะที่เด็กบางคนหากมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเขาก็อาจจะได้รับการลงโทษ เช่น Time out การแยกเด็กออกจากสิ่งกระตุ้นหรือความสนใจจากสิ่งรอบข้างชั่วคราว เพื่อให้สงบสติอารมณ์และควบคุมตนเองได้ ดังนั้น เด็กทุกคนที่เข้ากลุ่มเพื่อพัฒนาทักษะ ก็จะได้เห็นพฤติกรรมของเด็กคนอื่นๆ ว่าจะได้ผลลัพธ์อย่างไรจากพฤติกรรมทั้ง 2 ด้าน จึงกลายเป็นจุดแข็งในการเรียนรู้ให้กับเด็ก มีการสังเกตพฤติกรรมจากการมองเห็นที่ทั้งดีและไม่ดี กลายเป็นพลังกลุ่มที่จะทำให้เด็กพยายามที่จะก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน ดังนั้น การฝึกทักษะ EF หรือ Executive Functions จึงมีความสำคัญในการช่วยพัฒนาทักษะการบริหารจัดการตนเองอย่างรอบด้าน ช่วยพัฒนาสมองส่วนหน้าที่ควบคุมสมาธิและการยับยั้งชั่งใจให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากพ่อแม่ผู้ปกครอง แพทย์ที่มีความชำนาญในสาขาต่างๆ และตัวเด็กเพื่อพัฒนาให้สมาธิดีขึ้นและเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพในอนาคต
ทั้งนี้ การพัฒนาทักษะ EF เป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องช่วยกันฝึกฝนให้กับลูก เพื่อสร้างรากฐานทางกระบวนการคิดและการตัดสินใจ คลินิกพัฒนาการเด็ก ศูนย์กุมารเวช โรงพยาบาลกรุงเทพ ให้ความสำคัญกับพัฒนาการเด็กจึงได้จัดโปรแกรม SmartKids Express ในรูปแบบกลุ่ม เพื่อมุ่งเน้นการพัฒนาทักษะสมอง EF หรือ ExecutiveFunctions ซึ่งเป็นทักษะการบริหารการจัดการตนเองขั้นสูงในเด็กที่มีอายุระหว่าง4-6 ปี เพื่อฝึกกระบวนการความคิด วางแผน ลงมือทำ เพื่อเตรียมความพร้อมในการบริหารจัดการเรื่องต่างๆ โดยคลินิกพัฒนาการเด็กมีความพร้อมในทุกสหสาขาวิชาชีพ ทั้งกุมารแพทย์ผู้ชำนาญการ พยาบาลผู้ชำนาญ นักกิจกรรมบำบัดนักจิตวิทยา และนักแก้ไขการพูด ซึ่งใช้การเล่นบำบัดเพื่อพัฒนาร่างกายและจิตใจให้แก่เด็ก และเพื่อให้ลูกน้อยในวันนี้เป็นคนที่ประสบความสำเร็จในอนาคต สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ คลินิกพัฒนาการเด็ก ศูนย์กุมารเวช โรงพยาบาลกรุงเทพ โทร.02-7551213 หรือ Call Center โทร.1719
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี