วันศุกร์ ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ผู้หญิง
ส.ส.ท็อป-จักรพล ตั้งสุทธิธรรม  เลือกทำงานหนักเพื่อแก้ปัญหาประชาชน

ส.ส.ท็อป-จักรพล ตั้งสุทธิธรรม เลือกทำงานหนักเพื่อแก้ปัญหาประชาชน

วันจันทร์ ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2562, 06.00 น.
Tag : ส.ส.ท็อป จักรพล ตั้งสุทธิธรรม
  •  

เป็นอีกหนึ่งดาวเด่นของเชียงใหม่ ส.ส.ท็อป-จักรพล ตั้งสุทธิธรรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดเชียงใหม่ เขต 3 (สันกำแพง ดอยสะเก็ด แม่ออน) จากพรรคเพื่อไทยที่ไม่เพียงหน้าตาหล่อเหลาตามสไตล์หนุ่มเหนือ แต่ ส.ส.ท็อป ยังพกความมุ่งมั่นในการทำงานเพื่อพัฒนาบ้านเกิดมาแบบใจเกินร้อย

แม้จะเข้าสู่สภาในฐานะ ส.ส. หน้าใหม่ แต่สำหรับชาวเชียงใหม่คุ้นหน้าคุ้นตา ส.ส.ท็อป มาเนิ่นนานก่อนจะมีการเลือกตั้งเสียอีก เพราะหนุ่มคนนี้คือนักธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังของจังหวัดอย่าง ตลาดสดต้นพยอม โรงแรมพิงค์พยอม รวมไปถึงคอนโดมิเนียม และโครงการอื่นๆ อีกมากมาย


“ผมมีโอกาสชิมลางงานการเมืองตั้งแต่อายุ 27 ปี พอเรียนจบปริญญาโทจากอังกฤษกลับมาทำธุรกิจของครอบครัวได้สักพัก ส่วนตัวมีความสนใจด้านการเมืองมานาน ประกอบกับคุณพ่อท่านมองว่าธุรกิจก็โอเคแล้ว ถ้าผมได้เข้ามาทำงานที่จะสามารถแก้ไขปัญหาของประเทศได้ก็คงจะดี ก็มีคนมาทาบทามให้ลงการเมืองท้องถิ่น ซึ่งตอนนั้นยอมรับว่าเรายังไม่มีประสบการณ์อะไรเลย แต่ก็มีผู้ใหญ่ให้แนะนำว่าถ้าสนใจการเมืองให้ลองมาศึกษาดูก่อน จึงได้เข้ามาเป็นคณะทำงานของท่านสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ตั้งแต่ยังเป็นไทยรักไทย พลังประชาชน และเมื่อเกิดเหตุการณ์พลิกผันทางการเมืองก็ไม่ได้หายไปไหน ลงพื้นที่และกลับมาช่วยธุรกิจครอบครัว จนมาเป็นพรรคเพื่อไทยในปัจจุบัน ผมก็รับเป็นประธานสาขาพรรคเพื่อไทย จังหวัดเชียงใหม่ และเมื่อมีการเลือกตั้งอีกครั้งผมก็ได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่ในพรรคให้ลงสมัครและได้รับเลือกตั้งให้เป็น ส.ส.เชียงใหม่ เขต 3 ครับ”

ส.ส.ท็อป บอกว่า เป็นโอกาสที่ดีที่ได้มีโอกาสเรียนรู้การเมืองก่อนลงสนาม เพราะเมื่อได้มาเป็น ส.ส. แล้ว ยอมรับว่าก็ยังต้องเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา

“เมื่อก่อนเราคือผู้ติดตาม แต่ตอนนี้เราคือผู้เล่นทำให้ได้เห็นในอีกมิติ การสวมหมวก ส.ส. ผมก็เพิ่งได้รู้ว่ามันมีอานุภาพมากพอสมควรขึ้นอยู่ว่าคนที่สวมหมวกใบนี้อยู่จะนำไปใช้ในประเด็นไหน เพราะการทำงาน ส.ส. มันได้ทุกมิติ การทำงานในชุมชนเล็กๆ แค่ซ่อมไฟถนนที่ขาดหรือไปร่วมงานศพเขาก็ยินดีแล้ว จนไปถึงระหว่างประเทศ ผมเพิ่งเป็นตัวแทนไปคาซัคสถาน กลับมาก็จะเห็นว่าการทำในระดับมหภาคได้จริงๆ เราไปเยือนเขา 4 วัน เขายินดียกเลิกวีซ่าให้คนไทย 30 วัน มันคือมิติที่ต่างกัน แต่ทำได้เชื่อมโยงกัน ฉะนั้นมันขึ้นอยู่กับคนที่สวมหมวกกายสิทธิ์ใบนี้จริงๆ ว่าถ้าคุณใช้ให้ดี ให้เป็น ใช้อย่างถูกต้อง ถูกที่ถูกทางถูกประเด็น ผลที่ตามมาคือประโยชน์ของบ้านเมืองทั้งสิ้น”

ทันทีที่ได้รับตำแหน่ง งานที่ ส.ส.ท็อป เร่งลงมือตามที่ได้หาเสียงไว้ใน 3 เรื่อง ท่องเที่ยว เกษตรกรรม และคมนาคม

“พื้นที่เขต 3 เชียงใหม่ 80% เป็นเมืองเกษตรกรรม เชียงใหม่เคยเป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับต้นๆ เราก็ตั้งใจว่าจะนำเมืองเชียงใหม่กลับมาเป็นเมืองท่องเที่ยวเมืองน่าอยู่อันดับหนึ่งของโลกอีกครั้ง และสิ่งที่จะทำให้เราเป็นมหานครได้ก็คือเรื่องของชิปปิ้งพอร์ท การคมนาคม ตอนนี้เราเชื่อมต่อ ไทย จีน ลาว พม่า ที่เรียกว่า “เขต 5 เชียง” ถนน R3A R3Bมันเชื่อมได้อีกมากมาย ถ้าไม่เชื่อมการคมนาคมก็เหมือนกันบล็อกตัวเอง ต้องเปิดกำแพงนั้นให้กว้างขึ้น เพราะจะเปิดตลาดให้กับภาคการเกษตรและการท่องเที่ยวของเชียงใหม่ได้อีกมหาศาล สิ่งเหล่านี้ผมได้พยายามอธิบายให้คนในพื้นที่ทราบว่ามันเป็นสิ่งเดิมที่เรามีอยู่แล้ว แต่เราต้องมีการพัฒนาต่อให้ดีขึ้นได้อย่างไร และประชาชนจะได้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร

ส่วนเรื่องที่ได้เป็นปัญหาเร่งด่วนอยู่อย่างเรื่องของหมอกควันฝุ่น PM2.5 ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาวะของพี่น้องชาวเชียงใหม่ รวมไปถึงเศรษฐกิจการท่องเที่ยว เป็นสิ่งที่ผมได้นำเข้าสู่สภาไปแล้วถึงการแก้ไขปัญหา อีกปัญหาหนึ่งที่ผมลงไปดูคือการก่อสร้างถนนเส้นเชียงราย-เชียงใหม่ ที่มีปัญหาการก่อสร้างล่าช้าไป 400 กว่าวันมันส่งผลกระทบกันไปหมด นอกจากหน้าที่ ส.ส. แล้วผมยังสวมหมวกกรรมาธิการด้านต่างประเทศ ที่ปรึกษากรรมาธิการท่องเที่ยว ก็จะนำหมวกทุกใบที่สวมหัวอยู่จะเอามารวมกันเพื่อขับเคลื่อนนโยบายที่เราตั้งใจทำให้พี่น้องประชาชนให้สำเร็จครับ”

เป็น ส.ส. ต้องทำงานในสภา แต่สำหรับ ส.ส.ท็อป เขามองว่าสถานที่ทำงานจริงๆ คือ การอยู่ในพื้นที่ให้มากที่สุด เพื่อที่จะได้รับฟังปัญหา และแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้อย่างทันท่วงที

“วันจันทร์-วันพฤหัสบดี ก็จะอยู่กรุงเทพฯ เพราะมีประชุมสภา ประชุมกรรมาธิการต่างๆ และมีเรียนของสถาบันพระปกเกล้าด้วย เย็นวันศุกร์ก็จะบินกลับเชียงใหม่ ผมจะพยายามอยู่ในพื้นที่ให้มากที่สุด เพราะมองว่ามันเป็นไปไม่ได้ถ้าเป็น ส.ส. ต้องทำงานในสภาอย่างเดียว เราเอาทุกเรื่องเข้าสภามัวแต่ไปพูดในสภาอย่างเดียว แล้วทิ้งปัญหาในพื้นที่ ปัญหามันไม่ได้ถูกแก้ไขอย่างจริงจัง ถามว่าเหนื่อยไหมที่ต้องเดินทางขึ้นล่องแบบนี้ ก็เหนื่อยแหละครับ แต่หน้าที่การเป็น ส.ส. ของผมคือทำงานให้หนักเพื่อแก้ไขปัญหาของประชาชน เพราะประชาชนเลือกผมมาให้ช่วยแก้ปัญหา ฉะนั้นถ้าผมจะเหนื่อยก็เป็นเรื่องของผมมันเป็นสิ่งที่ผมเลือกแล้วว่าจะทำ”

แต่ถึงแม้จะทำงานหนักอย่างไร ส.ส.หนุ่มหน้าใส ขวัญใจชาวเชียงใหม่ บอกว่า ได้กำลังใจดีจากครอบครัวอันประกอบไปด้วย ภรรยา ลูกสาว วัย 9 ขวบ และลูกชายฝาแฝดวัย 4 ขวบ

“ผมโชคดีที่ภรรยาเข้าใจและสนับสนุนในสิ่งที่ผมทำ เรื่องในบ้านเขาสามารถดูแลได้เป็นอย่างดี ทำให้ผมสามารถทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาบ้านเมืองได้เต็มที่ เขาเป็นเหมือนลมใต้ปีก เวลาที่เหนื่อยๆ มา กลับบ้านความเหนื่อยก็หายไป กับลูกๆ ลูกสาวคนโตเขาก็พอจะรู้เรื่องแล้ว มีบ้างแรกๆ เขาจะถามว่าทำไมป๊าไม่อยู่บ้าน ผมก็จะบอกว่าผมไปทำงานที่ต้องใช้ความเสียสละ ไม่ใช่แค่ป๊าแต่หนูก็เสียสละเหมือนกัน เสียสละยอมให้ป๊าไปทำงาน เวลาลงพื้นที่ก็จะดูว่างานไหนที่พาลูกไปได้ผมก็จะพาไปด้วยเพื่อให้เขาเห็นว่าป๊าทำงานอะไร สิ่งที่ทำได้ถ้าอยู่บ้านก็จะพยายามเป็นคนไปรับ-ไปส่งลูกไปโรงเรียน และหากิจกรรมที่เราทำได้ร่วมกัน”

ได้เป็น ส.ส. สมัยแรก ก็ได้เป็นฝ่ายค้าน เมื่อถามถึงการทำหน้าที่ฝ่ายค้านเป็นอย่างไร ส.ส.เชียงใหม่ เขต 3 บอกว่า ขอแค่นโยบายของรัฐบาลเป็นประโยชน์ต่อประชาชนจริง ฝ่ายค้านก็พร้อมสนับสนุนเต็มที่

“การเป็นฝ่ายค้าน ทำหน้าที่เป็นฝ่ายตรวจสอบเพื่อให้เกิดสมดุลทั้งสองฝ่าย แค่ฟังก็จบแล้ว ฝ่ายค้านทำงานอะไร ฝ่ายเสนอทำงานอะไร แต่พอมาเจาะขั้นตอน ซึ่งก็มีหลายมิติ ช่องทางการจะไปถึงแทร็กที่ควรจะต้องทำ จากเมื่อก่อนอาจจะเคยมี 5 สเต็ป วันนี้ก็เพิ่มเป็น 15 สเต็ป แต่มันก็ถูกต้องแล้วมันต้องสมดุลและตรวจทานกันแบบนี้ในฐานะฝ่ายค้านขอแค่อย่างเดียวว่า สิ่งที่จำเป็นจะต้องไปแก้ไขให้กับพื้นที่เขตที่เป็นฝ่ายค้านอย่าให้มีการเมืองมาเกี่ยวข้องเท่านั้นเอง ขอให้เราทำงานได้ เช่น งบภัยแล้งที่ผ่านมาเรียกว่าเราไม่ได้เข้าไปยุ่งหรือมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ถ้าประชาชนได้รับจริงๆ แก้ปัญหาตรงจุด รวดเร็ว เราโอเคหมด ขอให้ว่าอย่าให้ล่าช้าเป็นกติกาทางการเมืองเลย เพราะประชาชนเขาไม่รู้เรื่องอะไร ถ้าอะไรที่เกี่ยวเนื่องด้วยประชาชนถ้ารัฐบาลเต็มที่ ทำด้วยความโปร่งใส เราก็ยินดีที่จะร่วมมือเพื่อให้ปัญหาของพี่น้องประชาชนได้รับการแก้ไขเร็วที่สุด แต่ถ้ามีการเมืองมากีดกันมันก็ไม่น่ารัก ปัญหาก็แก้ไม่ได้”

อย่างที่กล่าวไปตอนต้นว่า ส.ส.หนุ่มคนนี้ เข้าสู่การเมืองด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจแบบใจเกินร้อย เมื่อถามถึงสไตล์การทำงาน ส.ส.ท็อป ตอบว่า

“ผมเป็นคนใส่สุดทุกเรื่อง คิดแล้วลงมือทำ แต่อยู่บนพื้นฐานว่าต้องคิด พิจารณาอย่างดีแล้ว จึงลงมือทำ ซึ่งการบริหารธุรกิจกับการทำหน้าที่ ส.ส. มันแตกต่างกัน การบริหารธุรกิจมันมีความคล่องตัวเพราะเราคือเจ้าของ เราเป็นคนตัดสินใจ ทุกอย่างทำได้รวดเร็วฉับไว แต่กับการเป็น ส.ส. การจะลงมือทำอะไรต้องคิดในหลายๆ มิติ เพราะว่ามันมีผลกับประชาชนในพื้นที่ และบางเรื่องก็มีผลกระทบต่อประชาชนทั้งประเทศ ซึ่งการที่เราจะคิดและตัดสินใจได้อย่างถูกต้องเหมาะสมก็ต้องรู้จักที่จะเติมอาหารสมองให้ตัวเองเสมอ เพราะถ้าคุณเป็น ส.ส. แล้วไม่ชาร์ปพอ ไม่ทันโลก คุณจบทันที ผมจะศึกษาหาข้อมูลความรู้ต่างๆ จากการอ่าน การติดตามข่าวสารทั้งในประเทศ ต่างประเทศ เป็นการติดอาวุธให้ตัวเองทางหนึ่ง เพราะวันหนึ่งๆ ที่เราต้องออกไปเจอประชาชน เขามีปัญหาสารพัดเรื่องมาให้เราช่วย ความรู้เหล่านี้จะเป็นสิ่งที่เราหยิบมาใช้ มาช่วยแก้ปัญหาของประชาชนได้”

นอกจากนโยบายของพรรคเมื่อตอนหาเสียงที่ ส.ส.ท็อป เร่งทำให้สำเร็จแล้ว ยังมีอีกหนึ่งโครงการที่เขาอยากทำในฐานะที่เป็นลูกหลานคนเชียงใหม่

“สิ่งที่ผมอยากทำมาตลอดคือ โครงการพาลูกหลานกลับบ้าน ผมพูดกับชาวบ้านมาตลอด เพราะวัฒนธรรมคนเมือง คนล้านนา ของเชียงใหม่ที่กำลังจะหายไป เนื่องจากลูกหลานไปเรียนต่อหรือไปทำงานเมืองหลวง พ่อแม่หรือพ่ออุ๊ย แม่อุ๊ย ก็อยู่กันตามลำพัง ซึ่งโครงการพาลูกหลานกลับบ้าน มันก็ลิงค์กับนโยบายที่ผมพูดไปตอนต้น หนึ่ง เรื่องการคมนาคม เพราะถ้าการคมนาคมถ้ามันเร็วขึ้น ลูกหลานก็กลับบ้านได้สะดวกขึ้น กลับบ้านได้บ่อยขึ้น สองให้ลูกหลานมีงานทำที่บ้านเกิดด้วยการผลักดันกิจการสตาร์ทอัพจากภูมิปัญญา หรืออาชีพดั้งเดิม การทำเกษตรกรรม แล้วใส่เทคโนโลยีหรือสมาร์ทซิตี้เข้าไปใส่ ให้เขาสามารถทำงานอยู่ที่บ้านได้ และผลักดันการลดขั้นตอนการเปิดโฮสเทลกึ่งรีสอร์ทในแหล่งท่องเที่ยว ทำให้ลูกหลานได้กลับบ้านอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่กลับมาเฉพาะเทศกาล แล้วก็เพิ่มเรื่องการศึกษา สาธารณสุข รวมถึง Ageing society เพราะเรากำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งถ้าทำได้ผมเชื่อว่าคนรุ่นใหม่ลูกหลานจะกลับมาอยู่บ้านมากขึ้น ไม่เฉพาะเชียงใหม่แต่ผมมองว่าคนภูมิภาคไหนก็ควรได้อยู่ภูมิภาคนั้น จะทำให้รอยยิ้มในบ้านกว้างขึ้น มีความสุขมากขึ้น”

เรียกว่าเป็น ส.ส. ครบเครื่อง เต็มไปด้วยพลังของคนรุ่นใหม่ ที่จะมาช่วยสร้างอนาคตดีๆ ให้กับชาวเชียงใหม่ จากนี้ก็ต้องติดตามผลงานกันต่อไปว่าสิ่งที่เขาพูดไว้จะเป็นจริงได้มากน้อยแค่ไหน

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

ไอจีไฟลุก! 'เป้ย ปานวาด'อวดหุ่นเซ็กซี่ในชุดชั้นในลูกไม้

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง! ‘นายก-สท.เทศบาลเมืองมุกดาหาร’ ออกหาเสียงกันเข้มข้น

'สพฐ.' แจ้งสถานศึกษาไม่ตื่นตระหนกข่าวลือ 'โควิด' ย้ำไม่ประมาท

(คลิป) หลอกหลอน 'โฆษกพรรคเพื่อไทย' ไปตลอดชีวิต

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved