Pieta by Michealangelo
Pieta คำอิตาเลียนที่แปลว่าโศกาอาดูรอย่างยิ่งนี้ มักหมายถึงผลงานแกะสลักรูปพระแม่มารีอุ้มพระศพของพระเยซู คำที่ตรงกันกับคำว่า Pieta ในภาษาอังกฤษก็คือ Lamentation แม้ภาพศิลป์ที่เกี่ยวกับ Lamentation นั้นส่วนใหญ่จะเป็นภาพในลักษณะเดียวกันกับ Pieta แต่ศิลปินบางคนก็วาดภาพ Lamentation ในช่วงที่อดัมและอีฟเสียใจอย่างสุดซึ้งกับการเสียชีวิตของ Abel บุตรคนเล็กจากน้ำมือของบุตรคนโตด้วย
ผลงาน Pieta ในยุคแรก ๆ ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 13 นั้น มักมีขนาดเล็กและทำจากไม้ Pieta ที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกคงไม่มีชิ้นใดเกิน Pieta ของ Michelangelo ที่จัดแสดงอยู่ ณ St. Peter กรุงวาติกัน หินอ่อนแกะสลักรูปพระแม่มารีอุ้มพระเยซูในท่าสิ้นพระชนม์หลังถูกตรึงกางเขนของ Michelangelo นี้แตกต่างจาก Pieta อื่น ๆ ตรงที่ 1) มันมีขนาดใหญ่มากเมื่อเทียบกับ Pieta ในยุคเก่า ๆ ก่อนผลงานชิ้นนี้จะถือกำเนิดขึ้น 2) พระพักตร์ของพระแม่มารีแสนจะเยาว์วัย ทั้งนี้คงเป็นเพราะศิลปินมีความเชื่อว่า 2.1) พระเจ้าทรงเป็นแหล่งของความงดงามและอ่อนเยาว์ เมื่อพระแม่มารีทรงใกล้ชิดกับพระเจ้ามากที่สุด พระนางจึงควรดูอ่อนเยาว์และสวยงามตลอดกาล 2.2) รูปกายภายนอกควรเป็นสิ่งสะท้อนถึงความงามภายใน เมื่อพระนางทรงบริสุทธิ์ ศิลปินจึงแกะสลักให้พระนางงดงามและเยาว์วัย 3) สีพระพักตร์ของพระเยซูมิได้แสดงท่าที่เจ็บปวด แต่กลับสงบนิ่ง ทั้งนี้คงเป็นเพราะศิลปินต้องการให้พระพักตร์ของพระองค์แสดงให้เห็นถึงการปล่อยวาง และการที่พระองค์ทรงปลดปล่อยให้มนุษย์พ้นจากบาปนั่นเอง
Lamentation by Alfred Hrdlicka
ผลงานระดับ Masterpiece ที่ถูกสร้างขึ้นตามคำบัญชาของท่าน Cardinal Jean de Billheres ชาวฝรั่งเศสเพื่อไว้ประดับบนหลุมศพของท่านเองชิ้นนี้ยังมีความพิเศษอีกประการตรงที่ มันเป็นผลงานชิ้นเดียวที่ Michelangelo ได้แกะสลักชื่อของเขาบนผ้าปิดอกของพระแม่มารีด้วยเพื่อยืนยันว่าเป็นผลงานของเขา เนื่องจาก ผลงาน Pieta ของ Michelangelo ชิ้นนี้มีความพิเศษมากดังที่กล่าวมาข้างต้น นักท่องเที่ยวที่ไปกรุงโรมและได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยือนโบสถ์ St. Peter ในกรุงวาติกันจึงต้องไปชื่นชมผลงานชิ้นนี้ให้ได้ ไม่เช่นนั้นแล้วจะเหมือนไปไม่ถึงกรุงโรมเลยทีเดียว
ใน Museum am Dom เมือง Wurzburg นั้น ก็มี Pieta ที่หลากหลายให้นักท่องเที่ยวได้เยี่ยมชมโดยการจัดเรียงตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 13 เรื่อยมา เช่น Pieta ปี 1275 เป็นภาพพระเยซูที่มีแผลเลือดซึมบนตักของพระนางมารีซึ่งกำลังโศกเศร้าอย่างยิ่ง สังเกตได้จากน้ำตาที่ไหลพรากลงบนแก้ม ส่วน Pieta ปี 1350 นั้น พระนางมารีดูอ่อนเยาว์กว่าและมีสีหน้าเฉยเมยกว่าผลงานปี 1275 แต่ยังคงเห็นแววตาอันโศกเศร้า สำหรับ Pieta ในปี 1430 นั้นพระนางมารีดูเยาว์วัยกว่าพระบุตรที่สิ้นพระชนม์บนตักเสียอีก ทั้งนี้อาจเป็นเพราะศิลปินตีความเช่นเดียวกันกับ Michelangelo ว่า พระนางบริสุทธิ์จึงดูเยาว์วัย หรือความเยาว์วัยนี้เกิดจากพระนางเป็นสัญลักษณ์ของโบสถ์ซึ่งถือเป็นเจ้าสาวของพระคริสต์
By Thomas Lange
สำหรับ Pieta ในยุคใหม่ ๆ ได้รับการตีความที่แปลกออกไปยิ่งกว่าเดิมมาก เช่น Pieta ของ Kathe Kollwitz ซึ่งเป็นผลงานในปี 1938 นั้น พระศพของพระเยซูกลับมิได้วางอยู่บนตักของพระแม่มารี แต่กลับอยู่ที่หว่างขา และพระแม่มารีทรงสำแดงความโศกเศร้าเยี่ยงคนปกติด้วยการร้องไห้มากมายจนถึงกับต้องเอามือปิดปาก ส่วน Lamentation ของ Alfred Hrdlicka ช่างแกะสลักชาวออสเตรียนนั้น แม้จะมีลักษณะเสมือนหนึ่ง Pieta มาตรฐานที่วาดกันอยู่ทั่วไปมาแต่อดีต แต่แนวทางการวาดดูทันสมัยมากจนผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับภาพคริสเตียนโบราณอาจไม่เชื่อเลยว่าภาพนี้มาจากแรงบันดาลใจทางด้านศาสนา สำหรับผลงาน Pieta ของ Thomas Lange นั้นดูตื่นตาตื่นใจจนยากที่จะหาคำมาบรรยายให้เข้าใจถึงแรงบันดาลใจของศิลปินได้อย่างแท้จริง
Lamentation of Adam and Eve
Pieta and Resurrection by Thomas Lange
By Kathe Kollwitz
By Josef Felix Muller
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี