ศ.นพ.เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม รองอธิการบดี กำกับดูแลด้านการวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม จุฬาฯ พร้อมด้วย ศ.ดร.พิรงรอง รามสูต รองอธิการบดี กำกับดูแลด้านสื่อสารบริการสังคมและพันธกิจสากล จุฬาฯ ศ.นพ.สุทธิพงศ์ วัชรสินธุ คณบดี คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ และผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ศ.ดร.นพ.วิโรจน์ศรีอุฬารพงศ์ อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรศาสตร์โรคมะเร็ง ศูนย์ความเป็นเลิศด้านภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็ง ศ.ดร.พญ.ณัฏฐิยา หิรัญกาญจน์ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศด้านภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็ง อ.นพ.ไตรรักษ์ พิสิษฐ์กุล หัวหน้ากลุ่มวิจัยพัฒนาแอนติบอดีเพื่อการรักษามะเร็ง ศูนย์ความเป็นเลิศด้านภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็ง และผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาเชิงระบบอ.นพ.กรมิษฐ์ ศุภพิพัฒน์ หัวหน้ากลุ่มวิจัยเซลล์บำบัดมะเร็ง ศูนย์ความเป็นเลิศด้านภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็ง คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ และ ดร.ยรรยงไทยเจริญ กรรมการสมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกันแถลงข่าว “ก้าวอีกขั้น! แพทย์จุฬาฯ พัฒนางานวิจัยภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็ง” การแถลงความก้าวหน้าของงานวิจัยการรักษาโรคมะเร็งด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด
ศ.นพ.เกียรติ รักษ์รุ่งธรรมรองอธิการบดีฝ่ายวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกล่าวว่า การขับเคลื่อนจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไปสู่ความเป็น“มหาวิทยาลัยแห่งชาติในระดับโลกที่สร้างสรรค์องค์ความรู้และนวัตกรรมเพื่อสร้างเสริมสังคมไทยสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” นั้น มหาวิทยาลัยต้องกล้าที่จะตอบโจทย์ที่ยากและท้าทายอย่างมากของสังคม โดยอาศัยคนเก่งที่มีมากมายทุกศาสตร์มาร่วมคิดและร่วมทำโครงการวิจัยและนวัตกรรมที่ท้าทายด้วยกัน อย่างมุ่งเป้าเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ ดังนั้นเพื่อให้การขับเคลื่อนงานที่ท้าทายเหล่านี้สามารถริเริ่มได้รวดเร็วทันการณ์ ทางจุฬาลงกรณ์มหาวิทายาลัย ให้ใช้เงินจากรายได้ที่ได้จากการบริหารทรัพย์สินรายได้จากมาบุญครองตั้งเป็น “กองทุน ศตวรรษที่ 2 เพื่อการก้าวกระโดด ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” ในการสนับสนุนโครงการวิจัยขนาดใหญ่เพื่อตอบโจทย์ที่ท้าทายของสังคมอย่างจริงจังให้เกิดขึ้น โดยหวังว่าระยะยาวโครงการที่มีคุณภาพสูงเหล่านี้สามารถตอบโจทย์สังคมที่ท้าทายและยากมากได้อย่างแท้จริงและได้รับการสานต่อจากทางรัฐบาลและจากเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสนับสนุนจากประชาชนทั่วไป
โครงการแพทย์จุฬาฯ พัฒนางานวิจัยภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็ง หรือ Cancer Cure เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่สำคัญของกองทุนศตวรรษที่ 2 ที่ผนึกพลังจากหลายคณะและสถาบันทั้งในด้านแพทยศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เภสัชศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ สังคมศาสตร์ เพื่อร่วมกันทำวิจัย การพัฒนาภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็ง เพื่อแก้ปัญหามะเร็งที่พบเพิ่มขึ้นในสังคมสูงวัยและวัยต่างๆ
รศ.ดร.นพ.วิโรจน์ ศรีอุฬารพงศ์อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรศาสตร์โรคมะเร็ง ศูนย์ความเป็นเลิศด้านภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็ง เปิดเผยว่า ในปัจจุบัน มีความก้าวหน้าของการรักษาโรคมะเร็งด้วยภูมิคุ้มกันบำบัดอย่างรวดเร็ว ยาภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็งที่ได้รับการอนุมัติให้ใช้รักษาผู้ป่วยมะเร็ง โดยองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา ยุโรป และอีกหลายประเทศทั่วโลก เป็นแอนติบอดีที่ปลดล็อกสิ่งที่เซลล์มะเร็งสร้างขึ้นเพื่อป้องกันตัวเอง ทำให้ภูมิคุ้มกันต้านมะเร็งของผู้ป่วยกลับมาทำงานต่อสู้กับมะเร็งได้
ขณะนี้มีข้อบ่งชี้ในการรักษามะเร็งมากถึง 21 ชนิด โดยมีทั้งที่ให้เป็นการรักษาเป็นยาเดี่ยวหรือให้ร่วมกับยาหรือการรักษาอื่นๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรักษา ทำให้มีผลเพิ่มอัตราการรอดชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งหลายชนิดได้ยาวนานขึ้น ลดการกลับมาเป็นซ้ำของมะเร็งบางชนิด นอกจากยาที่ปลดล็อกระบบภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็ง ยังมีความพยายามพัฒนานวัตกรรมการรักษามะเร็งด้วยการใช้วัคซีนกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันเพื่อบำบัดมะเร็งอีกด้วย โดยออกแบบและสร้างวัคซีนที่จำเพาะกับโปรตีนของเซลล์มะเร็ง แล้วนำมาให้ผู้ป่วยมะเร็งเพื่อให้ผู้ป่วยสร้างภูมิต้านทานมะเร็งต่อโปรตีนแปลกปลอมบนเซลล์มะเร็ง ทำให้มีการทำลายเซลล์มะเร็งด้วยระบบภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยคล้ายกับการต่อสู้เชื้อโรคสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกายผู้ป่วยโรคติดเชื้อ
สำหรับงานวิจัยของเรามุ่งเน้นไปที่การพัฒนาวัคซีนเฉพาะผู้ป่วยมะเร็งแต่ละราย ให้เหมาะสมกับความหลากหลายของมะเร็งในแต่ละบุคคล และมีแผนที่จะพัฒนาไปใช้ร่วมกับยาแอนติบอดีที่ปลดล็อกการต่อต้านระบบภูมิคุ้มกันของเซลล์มะเร็ง โดยมีขั้นตอนการทำงานหลักๆ 3 ขั้นตอน ดังนี้ขั้นที่ 1 : นำเนื้อเยื่อมะเร็งจากผู้ป่วยแต่ละรายมาตรวจหาโปรตีนของเซลล์มะเร็งที่มีการกลายพันธุ์ เพื่อหาโปรตีนที่เป็นเป้าหมายเฉพาะของมะเร็งในผู้ป่วยแต่ละราย ขั้นที่ 2 : ผลิตวัคซีนเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันต่อโปรตีนที่เป็นเป้าหมาย “เฉพาะบุคคล” เพื่อให้มีผลในการรักษาเฉพาะผู้ป่วยรายนั้นๆ อย่างเหมาะสมที่สุด ขั้นที่ 3 : นำวัคซีนฉีดกลับเข้าสู่ร่างกายผู้ป่วยและติดตามผลการรักษามะเร็ง อย่างไรก็ตามในปีที่ผ่านมา เราได้ทำวิจัยขั้นตอนที่ 1 และ 2 ได้สำเร็จแล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนพิจารณาจากคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อเริ่มวิจัยทางคลินิกในขั้นตอนที่ 3 ตามข้อกำหนดในการใช้วัคซีน
ศ.ดร.พญ.ณัฏฐิยา หิรัญกาญจน์ ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศด้านภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็ง คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวปิดท้ายว่า ถึงแม้ว่างานวิจัยของศูนย์จะมีความก้าวหน้าเป็นอย่างมากและได้รับความสนับสนุนจากหลากหลายหน่วยงานและประชาชนโดยทั่วไป แต่การศึกษาและวิจัยยังต้องใช้เวลาและเงินทุนในการทำงานวิจัยในขั้นต่อๆ ไปอีกเป็นจำนวนมาก จึงยังมีความจำเป็นที่จะต้องหาแหล่งทุนเพื่อสนับสนุนการวิจัยเพื่อให้เกิดความสำเร็จต่อไปอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ทางคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ได้จัดกิจกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่องทั้งเพื่อระดมทุนสนับสนุนและเพื่อให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่ประชาชน ล่าสุดคือ “กิจกรรมงานวิ่งการกุศล “Chula Cancer Run ก้าว...ทันมะเร็ง” ที่จะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่15 ธันวาคม 2562 ณ สนามกีฬาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยจัดให้มีการวิ่ง 3 ระยะทาง ได้แก่ 2.2 กม.5.2 กม. และ 10.2 กม.
“เราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพดีและตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลตนเองเพื่อห่างไกลโรคมะเร็ง งานนี้ยังได้รับความอนุเคราะห์จากสมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และได้ศิษย์เก่าอย่าง พี่ตูน จากมูลนิธิก้าวคนละก้าวมาร่วมวิ่ง 10.2 กม. กับเราด้วย ผู้สนใจสมัครกันได้ที่ https://race.thai.run/chulacancerrunนอกจากนี้ จะมีกิจกรรม Virtual Run พร้อมกันทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2562 จนไปถึงวันมะเร็งโลกในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ปีหน้า เพื่อให้มีการออกกำลังกายต่อเนื่อง ติดตามได้ใน LINE:@chulacancerrun(มี @) หรือสำหรับผู้ที่ต้องการจะร่วมบริจาคเพื่อการวิจัยสามารถบริจาคเข้าบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ “คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” (เงินบริจาคเพื่อการวิจัย)เลขที่ 045-304669-7 (กระแสรายวัน) ผู้ที่ต้องการใบเสร็จเพื่อลดหย่อนภาษี ขอให้กรอกข้อมูลขอใบเสร็จมาทาง online http://canceriec.md.chula.ac.th/donation/
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี