ผลสำรวจอเด็คโก้ เผยเด็กไทยเลือก “หมอ” อันดับ 1 เป็นอาชีพในฝัน ขณะที่อาชีพ “ยูทูปเบอร์” มาแรง ไต่อันดับขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 3 แซงอาชีพ “นักกีฬา” และ “ทหาร”
กลุ่มบริษัทอเด็คโก้เผยผลสำรวจ “อาชีพในฝันของเด็กไทย” ครั้งที่ 11 ปี 2563 ที่สำรวจในกลุ่มตัวอย่างเด็กไทยอายุ 7-14 ปี จำนวน 4,050 คน จากทั่วทุกภูมิภาค พบว่าอาชีพในฝันเด็กของเด็กไทยในปีนี้ “หมอ” นำลิ่วมาอันดับหนึ่ง ด้านอันดับสองยังคงเป็นอาชีพ “ครู” ไม่ต่างจากปีที่แล้ว นอกจากนี้ ผลสำรวจยังพบว่า ส่วนใหญ่เด็กที่เลือกอาชีพหมอเป็นเด็กที่อยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล ขณะที่เด็กที่เลือกครูส่วนใหญ่เป็นเด็กที่อาศัยในจังหวัดอื่น ซึ่งสะท้อนถึงค่านิยมที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่
ส่วนอาชีพมาแรงประจำปีนี้ ได้แก่ อาชีพ “ยูทูปเบอร์” ที่ไต่อันดับขึ้นมาอยู่ในอันดับที่สาม แซงอาชีพ “นักกีฬา” และ “ทหาร” โดยเด็กไทยมองว่าอาชีพยูทูปเบอร์เป็นอาชีพที่ได้ทำในสิ่งที่ชอบ สบาย รายได้สูง มีอิสระ มีชื่อเสียง และคิดว่าตัวเองมีทักษะและความสามารถในการทำอาชีพนี้ได้ หลายคนได้รับแรงบันดาลใจจากยูทูปเบอร์และนักแคสเกมที่ตนชื่นชอบ
จากผลสำรวจพบว่าเด็กไทยกว่า 93% ใช้ยูทูบ นำหน้าสื่อโซเชียลมีเดียอื่นๆ ส่วนสื่อที่เด็กนิยมใช้รองลงมาคือเฟซบุ๊ค ไลน์ และติ๊กตอกโดยยูทูบเป็นสื่อที่มีอิทธิพลต่อการเลือกอาชีพในฝันและไอดอลที่ชื่นชอบ โดยกว่า 48% ของเด็กที่ตอบแบบสอบถาม เลือกยูทูปเบอร์เป็นไอดอลในดวงใจ ทำให้ปีนี้มียูทูปเบอร์เข้ามาติดโผจำนวนมาก
ในปีนี้ไอดอลที่เด็กไทยเทใจให้มากที่สุด ได้แก่ “เก๋ไก๋สไลเดอร์” ยูทูปเบอร์สาววัย 23 ปี ที่มียอดผู้ติดตามมากที่สุดในประเทศไทยกว่า 11 ล้านคน โดยเด็กๆ ให้เหตุผลว่า พี่เก๋ มีความน่ารัก สดใส ตลก พูดเพราะ ทำคลิปสนุกๆ และมีประโยชน์ ด้านอันดับ 2 ได้แก่ “BLACKPINK”เกิร์ลกรุ๊ปเกาหลีมาแรงแห่งปี เจ้าของเพลงฮิต“Kill This Love” โดยสมาชิกในวงที่เป็นที่ชื่นชอบของน้องๆ มากที่สุด ได้แก่ ลิซ่า-ลลิษา มโนบาลอันดับ 3 ได้แก่ แป้ง “Zbing Z.” ยูทูปเบอร์และนักแคสเกมที่ติดโพลล์มา 3 ปีซ้อนติดต่อกัน อันดับ 4 ศิลปินเกาหลีวง “BTS” และอันดับ 5 “CGGG” นักแคสเกม Free Fireชื่อดัง
สำหรับอันดับช่องยูทูปที่เด็กไทยให้ความนิยมมากที่สุด ได้แก่ “เก๋ไก๋สไลเดอร์” รองลงมาคือช่อง “Zbing Z.” “CGGG” และ “UDIE” ช่องแคสเกม ที่ได้อันดับ 2 3 และ 4 ตามลำดับ ส่วนอันดับ 5 ได้แก่ “บี้ เดอะสกา”
เมื่อสอบถามถึงวิธีหาความรู้นอกห้องเรียน เด็กไทยกว่า 50% ตอบว่า “อินเตอร์เนต” ไม่ว่าจะเป็นการหาความรู้ผ่านการเสิร์ชกูเกิ้ล การเข้าเว็บไซต์ต่างๆ หรือ
ดูยูทูป ทั้งผ่านคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน เพื่อค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติม ขณะที่อีก 25% เลือกค้นคว้าผ่านการ “อ่านหนังสือและการเข้าห้องสมุด”
ขณะที่ ของขวัญวันเด็ก ที่เด็กไทยอยากได้มากที่สุดในปีนี้คือ “สมาร์ทโฟน” โดยคิดเป็น 25% ของจำนวนผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด รองลงมาคือ “คอมพิวเตอร์” “ตุ๊กตา” “เงิน” และ “หนังสือ” ตามลำดับ ซึ่งของขวัญเหล่านี้ก็สอดคล้องกับงานอดิเรกที่เด็กไทยชอบทำคือ เล่นเกม เล่นอินเตอร์เนต เล่นกับเพื่อน อ่านหนังสือ อ่านการ์ตูน ดูภาพยนตร์ และไปเที่ยว
ธิดารัตน์ กาญจนวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทอเด็คโก้ประเทศไทยเผยว่า ผลสำรวจอาชีพในฝันของอเด็คโก้ที่เราทำจะสำรวจในกลุ่ม เด็กอายุ 7-14 ปี ซึ่งก็แบ่งได้เป็นสองเจนเนอเรชั่น คือ GEN Zและ Gen Alpha ซึ่งเป็นกลุ่มที่เติบโตมากับเทคโนโลยี คุ้นชินกับการใช้สมาร์ทโฟน แท็บเลตคอมพิวเตอร์ อินเตอร์เนต มาตั้งแต่เด็ก จึงไม่น่าแปลกใจว่าภาพรวมของคำตอบในปีนี้จะเห็นความเป็นดิจิทัลมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นอาชีพยูทูปเบอร์ที่มาแรงขึ้นมาเป็นอันดับสามและมีแนวโน้มที่สูงขึ้นทุกปี หรือการที่เด็กเกือบครึ่งโพลล์เลือกยูทูปเบอร์เป็นไอดอลในดวงใจ รวมถึงพฤติกรรมของเด็กในยุคนี้ที่ชอบเล่นเกมสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดีย ค้นหาความรู้ทางอินเตอร์เนต ล้วนสะท้อนให้เห็นถึงความเป็น Digital native ของเด็กไทยในปัจจุบัน
“การที่พวกเขาเกิดมาพร้อมกับโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยีและข้อมูลข่าวสารMark McCrindle นักประชากรศาสตร์และนักวิจัยทางสังคม มีการพยากรณ์ว่า Gen Alphaหรือเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 10 ปี จะเป็นเจอเนอเรชันที่ได้รับการศึกษาที่ดีที่สุด และเป็น Genที่ฉลาดที่สุด และใช้เทคโนโลยีเก่งที่สุด เมื่อเทียบกับ Gen อื่นๆ ตอนมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ขณะที่ Gen Z หรือผู้ที่ปัจจุบันมีอายุตั้งแต่ 26 ปีลงไป งานวิจัยจากต่างประเทศรายงานว่า Gen Z ก็จะก้าวเข้ามาเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญขององค์กร โดยจะมีสัดส่วนเป็นร้อยละ 27 ของแรงงานทั้งหมดภายในอีก 5 ปีข้างหน้า Gen Z มีแนวโน้มที่จะเลือกอาชีพที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนและเปลี่ยนแปลงสังคมโลก ทั้งการพัฒนาเทคโนโลยีและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงสนใจการเป็นผู้ประกอบการและทำอาชีพอิสระ ซึ่งเป็นมุมมองการเลือกอาชีพที่แตกต่างไปจากคนรุ่นก่อน”
อีกทั้ง เด็กในรุ่นนี้จะโตมากับอนาคตของโลกการทำงานที่เปลี่ยนไป หลายอาชีพจะถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ แต่ก็จะมีอีกหลายอาชีพเกิดขึ้นใหม่เช่นเดียวกันมีการคาดการณ์ว่าภายในปี 2025 ร้อยละ 60ของแรงงานจะทำงานในอาชีพที่ไม่มีอยู่ในปัจจุบัน จึงเป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่ที่จะช่วยกันพัฒนาศักยภาพเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งทักษะการใช้ชีวิตและทักษะทางสังคม ซึ่งเป็นทักษะที่หุ่นยนต์ไม่สามารถทดแทนได้ รวมทั้งปลูกฝังค่านิยมการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อให้พวกเขาสามารถที่จะเรียนรู้และต่อยอดองค์ความรู้เดิมที่มีอยู่ เพราะในอนาคตความรู้ใหม่ๆ จะมีความสำคัญมากกว่าใบปริญญา
“การเรียนรู้ตลอดชีวิตและปรับตัวให้ทันกับความเปลี่ยนแปลง จะกลายเป็นคำขวัญสำคัญของเด็กยุคใหม่ที่จะช่วยให้พวกเขาเติบโตอย่างมั่นคงในโลกที่มีการ
Disruption ตลอดเวลา” ธิดารัตน์ กล่าวในที่สุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี