เกาะสีชัง เกาะในเขตจังหวัดชลบุรี นับได้ว่าเป็นเกาะกลางทะเลเพียงแห่งเดียวของประเทศไทยที่มีพระราชวังประดิษฐานอยู่ พระราชวังนั้นมีนามว่า พระจุฑาธุชราชฐาน ซึ่งเป็นพระราชวังที่ล้นเกล้าล้นกระหม่อม รัชกาลที่ 5 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเคยใช้พระราชวังแห่งนี้เป็นที่ประทับในช่วงฤดูร้อน
มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ระบุชัดว่าเมื่อ พ.ศ. 2431 สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรีพระวรราชเทวี และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ ทรงพระประชวร ดังนั้นแพทย์หลวงจึงถวายคำแนะนำให้เสด็จไปประทับรักษาพระวรกาย ณ เกาะสีชัง เพราะเป็นสถานที่ซึ่งมีบรรยากาศดี เหมาะแก่การพักผ่อนพระวรกายเพื่อให้ทรงฟื้นจากพระอาการประชวร และมีหลักฐานระบุด้วยว่าสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ ก็ทรงไปประทับรักษาพระอาการประชวร ณ เกาะสีชังด้วย ดังนั้น พระจุฑาธุชราชฐาน จึงเป็นสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ดังปรากฏว่าในปี พ.ศ. 2432 รัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างอาคารอาไศรยสฐาน ขึ้นทั้งหมดสามหลัง ดังมีพระนามว่า เรือนวัฒนา(พระนามของสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า) เรือนผ่องศรี (พระนามสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง) และเรือนอภิรมย์(พระนามพระอัครชายา พระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา)
และที่สำคัญที่สุดคือ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จแปรพระราชฐานไปประทับ ณ เกาะสีชัง เมื่อ พ.ศ. 2435 ซึ่งในปีนั้นสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี ทรงพระครรภ์ใกล้มีพระประสูติกาล ดังนั้น ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชฐาน แล้วพระราชทานพระนามว่า พระจุฑาธุชราชฐาน อันเป็นพระนามของสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก ทั้งนี้ในการก่อสร้างนั้นทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระภาณุพันธุวงศ์วรเดช ทรงเป็นแม่กอง และพระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นสรรพสาตรศุภกิจ ทรงเป็นนายช่างผู้ออกแบบพระที่นั่งทั้ง 4 องค์ คือ พระที่นั่งโกสีย์วสุภัณฑ์ พระที่นั่งมันธาตุรัตน์โรจน์ พระที่นั่งโชติรสประภาต์ พระที่นั่งเมขลามณี และพระตำหนักอีก 14 ตำหนัก คือ ตำหนักวาสุกรีก่องเก็จ ตำหนักเพชร์ระยับ ตำหนักทับทิมสด ตำหนักมรกฎสุทธ์ตำหนักบุศราคำ ตำหนักก่ำโกมิน ตำหนักนิลแสงสุกตำหนักมุกดาพราย ตำหนักเพทายใส ตำหนักไพฑูรย์กลอก ตำหนักดอกตะแบกลออ ตำหนักโอปอล์จรูญ ตำหนักมูลการะเวก ตำหนักเอกฟองมุก
จวบจนได้เกิดเหตุการณ์ ร.ศ. 112 ตรงกับพ.ศ. 2436 ซึ่งสยามประเทศมีปัญหากับฝรั่งเศส จึงทำให้การก่อสร้างพระที่นั่งและพระตำหนักต้องหยุดชะงักลง ขณะเดียวกันก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รื้อถอนพระที่นั่งและพระตำหนักบางองค์ไปประดิษฐาน ณ ที่อื่น เช่น พระที่นั่งมันธาตุรัตน์โรจน์ ซึ่งเป็นพระที่นั่งสูงสามชั้น สร้างด้วยไม้สักทอง โดยทรงให้เชิญพระที่นั่งองค์นี้ไปประดิษฐานในเขตพระราชวังดุสิต เมื่อปี พ.ศ.2443 แล้วพระราชทานนามใหม่ว่า พระที่นั่งวิมานเมฆ และหลังจากเหตุการณ์ร.ศ. 112 ก็มิได้เสด็จแปรพระราชฐานไปประทับยังพระจุฑาธุชราชฐานอีกต่อไป
ปัจจุบันพระจุฑาธุชราชฐานอยู่ในความดูแลของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ส่วนพระที่นั่งและพระตำหนักต่างๆ นั้นคงเหลืออยู่เพียงบางองค์เท่านั้น เช่น เรือนวัฒนา เรือนผ่องศรี เรือนอภิรมย์เรือนไม้สีเขียว และอาคารพิพิธภัณฑ์ ส่วนฐานของพระที่นั่งมันธาตุรัตน์โรจน์ยังคงปรากฏอยู่อย่างชัดเจน และยังมีสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งที่ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นคือวัดอัษฎางคนิมิตร วัดนี้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2435 และจุดเด่นของพระราชฐานแห่งนี้ที่ต้องกล่าวถึงคือต้นลั่นทมอายุกว่าร้อยปี ซึ่งมีฟอร์มของต้นสวยงามมาก และในบริเวณพระราชฐานจะมีต้นลั่นทมอยู่มากมายหลายร้อยต้น ดังนั้นหากไปในยามที่ลั่นทมออกดอกบานสะพรั่ง ก็จะได้ชมความงามของดอก และได้สูดกลิ่นหอมไปด้วยพร้อมๆ กัน
Mr. Flower ตั้งใจจะพาคุณๆ เพียงกลุ่มเล็กๆ ไปเที่ยวเกาะสีชังด้วยกัน กำหนดการเดินทางคือช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ เราจะไปนอนบนเกาะสีชังกันสักสองคืน หากคุณสนใจร่วมทริปสุดพิเศษไปกับ Mr. Flower และสมาชิกแสนน่ารักกลุ่มเล็กๆ โปรดติดต่อ091-7233615
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี