นางสาวแสงระวี สิงหวิบูลย์ กับ “ครูศิลป์ของแผ่นดิน”
ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ ศ.ศ.ป. หรือ SACICT คัดสรรบุคคลแห่งปี ภายใต้ “โครงการเชิดชูผู้ทำงานศิลปหัตถกรรม ประจำปี 2563” ที่เป็นที่สุดในการอนุรักษ์ และสร้างสรรค์ผลงานเปี่ยมด้วยองค์ความรู้ ภูมิปัญญาที่สะท้อนผ่านผลงานอันทรงคุณค่า เป็นที่สุดของงานแขนงนั้นๆ เพื่อเชิดชูเป็น “ครูศิลป์ของแผ่นดิน”“ครูช่างศิลปหัตถกรรม” และ “ทายาทช่างศิลปหัตถกรรม” พร้อมนำผลงานจัดแสดงภายใน “งานอัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ 11”ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค บางนา ที่ผ่านมา
นางสาวแสงระวี สิงหวิบูลย์ รองผู้อำนวยการรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ กล่าวว่า “โครงการเชิดชูผู้ทำงานศิลปหัตถกรรม ประจำปี 2563” เป็นอีกหนึ่งภารกิจที่ ศ.ศ.ป. หรือ SACICT ได้สานต่อเพื่อคัดสรรบุคคลที่เป็นที่สุดในการอนุรักษ์และสร้างสรรค์ผลงานแห่งปี เพื่อเชิดชูเป็น “ครูศิลป์ของแผ่นดิน” “ครูช่างศิลปหัตถกรรม” และ “ทายาทช่างศิลปหัตถกรรม” ซึ่งได้พิจารณาโดยคณะกรรมการที่มีการแต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิ และมีความรู้ ความเชี่ยวชาญในงานศิลปหัตถกรรม มาร่วมพิจารณาคัดสรรบุคคลผู้ถือเป็นที่สุดแห่งทักษะฝีมือ เปี่ยมด้วยองค์ความรู้ภูมิปัญญาที่สะท้อนผ่านผลงานอันทรงคุณค่า งดงาม น่าประทับใจ อีกทั้งยังพิจารณาถึงการเป็นผู้ทำงานศิลปหัตถกรรมในประเภทที่มีแนวโน้มขาดแคลนหรือสูญหาย ด้วยทักษะฝีมือและองค์ความรู้เชิงช่างที่อยู่ในตัว ไม่ให้สูญหายไปตามกาลเวลา และส่งต่อไปถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน ซึ่งผู้ที่ได้รับการเชิดชูเหล่านี้ จะได้รับโอกาสการส่งเสริม สนับสนุนในกิจกรรมที่จัดโดย SACICT ในช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อไป
นางสาวนิธิมา ธิมากูล ครูศิลป์ของแผ่นดิน
สำหรับในปีนี้มีบุคคลที่ SACICT เชิดชูเป็น“ครูศิลป์ของแผ่นดิน” “ครูช่างศิลปหัตถกรรม” และ “ทายาทช่างศิลปหัตถกรรม” โดยมีบุคคลที่ส่งผลงานมากกว่า 300 ท่าน และได้รับการพิจารณาคัดสรรเชิดชู ภายใต้ “โครงการเชิดชูผู้ทำงานศิลปหัตถกรรม ประจำปี 2563” เชิดชูเป็น “ครูศิลป์ของแผ่นดิน” จำนวน 6 ท่าน “ครูช่างศิลปหัตถกรรม” จำนวน 14 ท่านและ “ทายาทช่างศิลปหัตถกรรม” จำนวน 9 ท่าน
นางสาวนิธิมา ธิมากูล หนึ่งในผู้ที่ได้รับการเชิดชูเป็น “ครูศิลป์ของแผ่นดิน”ประจำปี 2563 ประเภทเครื่องทอ “ปักสะดึงกลึงไหม”จ.นนทบุรี บอกว่า จากความรักและชื่นชอบในศิลปะสู่การเริ่มต้นศึกษาเรียนรู้งานปักสะดึงกลึงไหม ทั้งการปักดิ้นการปักซอย ปักไหมสีและการปักหนุน จากวิทยาลัยในวังหญิง(รุ่นที่ 5) ได้เรียนรู้เทคนิคการปักผ้าจากอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญหลายท่าน ซึ่งการปักแต่ละแบบนี้ล้วนเป็นเทคนิคเชิงช่างชั้นสูงตามจารีตประเพณีโบราณ ที่ไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะสามารถจบการศึกษาวิชาแขนงนี้ได้ เนื่องจากเป็นงานที่ต้องใช้ทักษะฝีมือ ประกอบกับความวิริยะ อุตสาหะจึงจะสามารถทำงานแขนงนี้ได้สำเร็จด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน เป็นเวลามากกว่า 25 ปี
นางสาวเยาวภาค์ พรมหาญ ครูช่างศิลปหัตถกรรม
“รู้สึกภาคภูมิใจและดีใจมาก กับการได้รับการเชิดชูเกียรติเป็น “ครูศิลป์ของแผ่นดิน” ในปีนี้ เพราะว่าเป็นผลตอบแทนจากความตั้งใจ ความมุ่งมั่นของเรา เพราะการทำงานแต่ละชิ้นงานจะมีความยากง่ายไม่เหมือนกัน ต้องใช้สมาธิ ความละเอียด ความอดทน และเทคนิคต่างกันไป เช่นงานปักไหม อย่างแรกต้องอ่านลายก่อนจะต้องแยกสีให้ จะใช้สีอะไร ถึงจะสื่ออย่างที่ภาพเป็นบางทีสีที่เราอยากได้ ความละเอียดที่เราอยากได้ อย่างบัวดอกหนึ่งใช้เป็น 100 สีเลยก็มี เทคนิคการปักดิ้น ที่มีความเล็กละเอียดจะเริ่มจากการปักขอบลายด้วยดิ้นข้อก่อน เสร็จแล้วจึงปักด้านในของลายด้วยดิ้นโปร่ง หรือวัสดุอันมีค่า เช่น ดิ้น แล่ง ลูกปัด ปีกแมลงทับ เป็นต้น นำมาปักถมให้เต็มลวดลาย ด้วยการนำเส้นฝ้ายมาหนุนให้เต็มลายที่จะช่วยให้งานปักทุกชิ้นดูมีมิติมากขึ้น เลือกใช้เข็มเบอร์เล็ก ในการปักผ้าเพื่อให้ลวดลายมีความเล็กละเอียด โดยเริ่มจากการร่างแบบลวดลายลงที่ต้องการลงบนกระดาษไข จากนั้นนำไปขึงสะดึงกับผ้ารองลายให้ตึง และเริ่มทำการปักตามลวดลายที่เขียนไว้”
นางสาวเยาวภาค์ พรมหาญ ผู้ได้รับการเชิดชูเป็น “ครูช่างศิลปหัตถกรรม” ประจำปี พ.ศ.2563 ประเภทเครื่องอื่นฯ “มาลัยข้าวตอก” จ.ยโสธร กล่าวว่า “เกิดและเติบโตมาในชุมชนบ้านฟ้าหยาด อ.มหาชนะชัย จ.ยโสธร ซึ่งมีการสืบทอดงานหัตถกรรมสำคัญของชุมชนอย่างการทำมาลัยข้าวตอกและประเพณีแห่มาลัย เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระปัญญาธิคุณ พระกรุณาธิคุณ และบริสุทธิคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาตั้งแต่โบราณกาล โดยเริ่มเรียนรู้จากการช่วยงานผู้ใหญ่ในชุมชนเล็กๆ น้อยๆ อยู่เสมอ เช่น คั่วข้าวตอก นำข้าวตอกมาร้อยใส่เส้นทีละเม็ดเตรียมไว้ให้ผู้ใหญ่ทำเป็นมาลัยข้อมือ หรือมาลัยสายฝน ซึ่งงาน “บุญมาลัยข้าวตอก” จะจัดขึ้นในวันมาฆบูชาของทุกปี หลังจากนั้นจึงสร้างสรรค์งานข้าวตอกได้ โดยเริ่มทำผลงานชิ้นเล็กๆ ไว้สำหรับบูชาพระที่บ้าน หรือไว้ไหว้ผู้ใหญ่แทนมาลัยดอกมะลิ กระทั่งมีนักท่องเที่ยวมาพบเห็นจึงเกิดเป็นความสนใจและเป็นที่นิยมมากขึ้น เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งมีช่างที่ยังคงสืบสานงานหัตถกรรมแขนงนี้อยู่เพียง 10 รายเท่านั้น เราอยากอนุรักษ์ มรดกทางภูมิปัญญาที่บรรพบุรุษของเรามีไว้ให้ แล้วก็อยากให้เด็กรุ่นหลัง สำนึกรักในมรดกทางภูมิปัญญาที่บรรพบุรุษมีไว้ให้เราไม่อยากให้สูญหาย
นางสาวอังคณา นักรบไพร ทายาทช่างศิลปหัตถกรรม
ด้าน นางสาวอังคณา นักรบไพร “ทายาทช่างศิลปหัตถกรรม” ประจำปี 2563 ประเภทเครื่องทอ “ผ้าทอขนแกะ” จ.แม่ฮ่องสอน กล่าวว่า “แรงบันดาลใจของตนเอง คืออยากรักษาวัฒนธรรมเอาไว้เพราะเกิดและเติบโตมาในชุมชนบ้านห้วยห้อม หมู่บ้านขนาดเล็กที่ตั้งอยู่หุบเขา อ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน เป็นหมู่บ้านหนึ่งที่อยู่ในเขตรับผิดชอบของศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่ลาน้อย เดิมชาวบ้านมีอาชีพทำการเกษตรเพียงอย่างเดียว แต่หลังจากที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จเยี่ยมเยือนประชาชนได้เห็นผลงานผ้าที่ชาวบ้านทอถวาย จึงทรงมีพระราชดำริส่งเสริมให้ชาวบ้านทอผ้าทอขนแกะเป็นอาชีพเสริม โดยเมื่อประมาณปี 2500 ทรงโปรดฯ ให้เจ้าหน้าที่นำพันธุ์แกะจากต่างประเทศ มาทำการผสมพันธุ์แกะพื้นเมือง จนได้แกะลูกพันธุ์ตัดขนที่ชอบอากาศหนาวเย็น และให้ครูที่เชี่ยวชาญเรื่องการทอผ้าขนแกะมาสอนให้กับชาวบ้านซึ่งคุณแม่ได้เข้าร่วมในโครงการนี้และนำความรู้มาประกอบเป็นอาชีพทอผ้าขนแกะจำหน่าย ตนเองจึงได้เรียนรู้และฝึกฝนฝีมืออยู่เสมอจากการช่วยงานคุณแม่ตั้งแต่อายุ 6 ขวบ จนปัจจุบันสามารถทำงานทุกขั้นตอนได้ด้วยตนเอง มาเป็นเวลากว่า 16 ปี
การทอผ้าขนแกะ ยังคงใช้กี่ทอแบบใช้เอวโบราณดั้งเดิม ซึ่งเป็นภูมิปัญญาที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งกี่เอวโบราณนี้ใช้การเดินด้ายยืน โดยให้มีความกว้างตามที่แบบกำหนด วนด้ายไปตามเครื่องที่ตั้ง นำด้ายที่เดินเรียบร้อยแล้วมาตั้งเพื่อเตรียมพร้อมในการทอผ้าขนแกะ เริ่มทอผ้าขนแกะ โดยนำด้ายพู่มาสอดกลับตามลวดลายที่ออกแบบ เน้นสร้างสรรค์ผลงานที่เป็นเอกลักษณ์ตามลวดลายดั้งเดิม เช่น ลายข้าวโพด ลายดอกเข็ม มีพัฒนาลวดลายขึ้นใหม่บ้าง เช่น ลายเจดีย์ และ ลายดอกบัวตองซึ่งลวดลายผ้าทั้งหมดสามารถแสดงถึงเอกลักษณ์ของจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้เป็นอย่างดี
“การได้รับคัดเลือก ให้เราได้เป็นหนึ่งใน “ทายาทช่างศิลปหัตถกรรม” ถือเป็นความภาคภูมิใจของตนเองและชุมชนเป็นอย่างมาก ภูมิใจกับสิ่งที่เราทำมาตั้งแต่เด็กๆ ได้รางวัลก็จะมีคนรู้จักเรามากขึ้น จะได้มาช่วยชุมชนและก็เราด้วย ที่สำคัญยังได้มีส่วนในการอนุรักษ์และสืบสานงานศิลปหัตถกรรม ผ้าทอขนแกะ ที่ทรงคุณค่า ได้ร่วมอนุรักษ์ไว้ให้ลูกหลานให้คงอยู่ตลอดไป”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี