วิชระวิชญ์ อัครสันติสุข และผลงานการออกแบบคอลเลคชั่น Post-Wore Delicacies
กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับ ศูนย์บริการวิชาการ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และนายวิชระวิชญ์ อัครสันติสุข ดีไซเนอร์ และเจ้าของแบรนด์ WISHARAWISH (วิชระวิชญ์) จัดแถลงข่าวการแสดงผลงานเครื่องแต่งกายผ้าไทยต้นแบบในรูปแบบแฟชั่นโชว์ คอลเลคชั่น Post-Wore Delicacies (โพสต์ วอร์ เดลิเคซี่) พร้อมกิจกรรมเสวนา และนิทรรศการ ต่อยอดโครงการพัฒนามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมผ้าไทยสู่สากล ประจำปี 2563 เป็นปีที่สอง เพื่อเผยแพร่และถ่ายทอดองค์ความรู้ภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมผ้าไทย รวมทั้งการสร้างสรรค์ผลงานเครื่องแต่งกายที่ตัดเย็บด้วยผ้าไทยต้นแบบ อีกทั้ง ยังเป็นการสร้างเครือข่ายทางศิลปวัฒนธรรมผ่านผ้าไทยไปสู่ชุมชนต้นแบบ โดยจากเดิม 7 ชุมชน เพิ่มเป็น14 ชุมชน ณ Art Space ชั้น 8 (River Museum) ไอคอนสยาม
ชาย นครชัย อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม
นายชาย นครชัย อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ประธานการแถลงข่าวกล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เล็งเห็นความสำคัญของผ้าไทย ซึ่งเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมในงานช่างฝีมือที่สืบทอดกันมาจึงได้ดำเนินงานโครงการพัฒนามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมผ้าไทยสู่สากล ประจำปี 2563 ซึ่งดำเนินงานเป็นปีที่สอง โดยเป็นการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ของกระทรวงวัฒนธรรม คือการต่อยอดวัฒนธรรมด้วยการนำคุณค่าของวัฒนธรรม มาสร้างสรรค์สินค้าและบริการ (Creative Culture) เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวและบริการทางวัฒนธรรม สนับสนุนการส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ที่มีศักยภาพ 5 F (Film, Food, Festival, Fashion, Fighting) ในเรื่อง Fashion : การออกแบบและแฟชั่น โดยการบูรณาการและร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน
ผู้ประกอบการ ตัวแทนจาก 14 ชุมชน และผลงาน
ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการทั้ง 7 ชุมชน ประสบความสำเร็จในการนำองค์ความรู้ที่ได้รับจากการเข้าร่วมโครงการไปต่อยอดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของชุมชนตนเอง ได้แก่ 1.การขยายฐานลูกค้าออกไปสู่ต่างประเทศ2.มียอดสั่งผลิตสินค้าเพิ่มมากขึ้น3.การพัฒนาลวดลายบนผืนผ้าใหม่ๆ การวางลายผ้าให้มีความทันสมัย ไม่ดูเชยมีความโดดเด่น เพิ่มมูลค่าให้กับผลงาน 4.ได้รับเชิญเข้าร่วมงานแสดงเครื่องแต่งกายในงานแฟชั่นที่ต่างประเทศ อาทิ ประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐอินโดนีเซีย มาเลเซีย และสาธารณรัฐออสเตรีย 5.ต่อยอดกับเทคโนโลยี เกิดเป็นนวัตกรรมเส้นใยผ้า ส่งผลให้ผ้ามีคุณสมบัติพิเศษต่างๆ อาทิ กำจัดและปกป้องกลิ่นกายป้องกันรังสียูวี เนื้อผ้าไม่ยับง่าย ดูแลรักษาง่าย และสวมใส่สบาย 6.มีรายได้ทั้งจากงานหัตถกรรมและนำไปสู่การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมผ้ามิติผ้าไทย
นอกจากนี้ ยังมีส่วนร่วมในการพัฒนาและช่วยเหลือเป็นที่ปรึกษา เพื่อสร้างความเข้มแข็งและสร้างความมั่นคงผ่านแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรมภายในชุมชน/กลุ่มที่ทอผ้า/ผู้ประกอบการ ทั้ง 14 ชุมชน ได้แก่ ผ้าฝ้ายทอมือย้อมสีธรรมชาติ จุฑาทิพ จังหวัดขอนแก่น, ผ้าไหมมัดหมี่ย้อมสีธรรมชาติ กลุ่มหัตถกรรมคุ้มสุขโข จังหวัดขอนแก่น, ไหมแต้มหมี่ กลุ่มสตรีทอผ้าไหมมัดหมี่บ้านหัวฝาย จังหวัดขอนแก่น,ผ้าขาวม้า อิมปานิ จังหวัดราชบุรี, ผ้าฝ้ายทอมือ คอตตอนฟาร์ม จังหวัดเชียงใหม่, เรือนไหมใบหม่อน จังหวัดสุรินทร์, บาติกเดอนารา จังหวัดปัตตานี, ชาคราฟท์ จังหวัดแพร่, ผ้าซาโลมา ปาเต๊ะ จังหวัดนราธิวาส, ไฑบาติก จังหวัดกระบี่, ร้านฝ้ายเข็นจังหวัดอุบลราชธานี, บ้านหนองอีบุตรจังหวัดกาฬสินธุ์, ฉัตรทองไหมไทย จังหวัดนครราชสีมา และฅญา บาติก นครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ให้สามารถดำเนินการทอผ้าและสร้างสรรค์ผ้าไทยให้มีความแปลกใหม่ไปตามกระแสของวงการแฟชั่นที่ไม่เคยหยุดนิ่ง รวมไปถึงยังเป็นการสืบสาน และส่งเสริมวัฒนธรรมประเพณี นำไปสู่การส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านมิติผ้าไทย ซึ่งเป็นการนำทุนทางวัฒนธรรมที่มีอยู่มาสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจบนรากฐานของวิถีชีวิต ประเพณี วัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่นในชุมชนให้อยู่คู่สังคมไทยอย่างยั่งยืน
แบรนด์ ฉัตรทองไหมไทย
ด้าน นายวิชระวิชญ์ อัครสันติสุข ดีไซเนอร์ และเจ้าของแบรนด์ WISHARAWISHกล่าวเสริมว่า ในคอลเลคชั่น Post-Wore Delicacies (โพสต์ วอร์ เดลิเคซี่) ที่จะจัดแสดงแฟชั่นโชว์ในวันที่ 9 มีนาคม 2563ณ อุทยาน 100 ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นการนำของในชีวิตประจำวันกลับมาทำให้มีชีวิตอีกครั้ง ซึ่งเหมือนกับสิ่งที่เราพยายามทำอยู่ในตอนนี้นั่นคือนำผ้าไทยกลับมาใช้อย่างไรให้ดูตื่นเต้นโดยที่ไม่เชย หรือซ้ำซาก สามารถสวมใส่ในชีวิตประจำวันได้ ดูแลรักษาได้ง่าย และราคาสามารถสัมผัสได้ ส่วนดีไซน์ของเสื้อผ้าจะค่อนข้างเบสิก เน้นไปที่แมททีเรียลและที่สำคัญเราโดดเด่นด้วยนวัตกรรมเส้นใยที่เรียกว่า FILAGEN (ฟิลาเจน) และ Nanozinc (นาโนซิงค์) โดยครั้งนี้เราได้ทำงานกับชุมชนถึง 14 ชุมชนทั่วประเทศไทย เราพยายามจะดึงจุดเด่นของแต่ละชุมชนออกมา ทำให้งานมีความน่าสนใจมากขึ้น และตรงตามความต้องการของตลาด ซึ่งผลตอบรับจากปีที่แล้วก็ถือว่าดีมาก ออเดอร์ผ้าจากประเทศญี่ปุ่นเข้ามามากมาย ทำให้เห็นว่าผ้าไทยของเรายังเป็นที่ต้องการของตลาดอีกมากและสำหรับปีนี้ 70 ลุค ที่เราพยายามสร้างสรรค์ขึ้นมา ก็น่าจะสร้างความประทับใจให้กับทุกคน
ทั้งนี้ โครงการพัฒนามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมผ้าไทยสู่สากล ประจำปี 2563 ยังมีกิจกรรมอีกมากมายให้ได้ติดตามกัน เริ่มที่การแสดงผลงานเครื่องแต่งกายผ้าไทยต้นแบบในรูปแบบแฟชั่นโชว์ จะมีขึ้นในวันที่ 9 มีนาคม 2563 ณ อุทยาน 100 ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, การเสวนาวิชาการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมผ้าไทยสู่สากล ระหว่างวันที่ 11-12 มีนาคม 2563 ณ โรงแรมโฟร์วิงส์ สุขุมวิท 26 กรุงเทพฯ นิทรรศการเผยแพร่และถ่ายทอดองค์ความรู้ที่ได้จากชุมชน/กลุ่มที่ทอผ้า/ผู้ประกอบการ และการจัดแสดงผลงานเครื่องแต่งกายจากผ้าไทยต้นแบบ ระหว่างวันที่ 19-22 มีนาคม 2563 บริเวณArt Space ชั้น 8 (River Museum) ไอคอนสยาม
แบรนด์ คอตตอนฟาร์ม
แบรนด์ ไฑบาติก
แบรนด์ ฝ้ายเข็น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี