เป็นอีกหนึ่ง “ดอกไม้เหล็ก” บนถนนสายการเมืองสำหรับ ร.อ.ดร.เดือนเต็มดวง ณ เชียงใหม่ นักการเมืองหญิงจากจังหวัดเชียงใหม่ ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวบนเส้นทางสายนี้ เรียกว่าแทบจะตลอดชีวิตของเธอก็ว่าได้ล่าสุดเธอได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง “ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร” ของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ สมัยที่ 2 เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2556 ที่ผ่านมา และได้ให้เกียรติมาเยือนแนวหน้า เราจึงขอเวลาให้เธอมาเป็นแขกรับเชิญ บี มาย เกสท์ ในสัปดาห์นี้

การเมืองอยู่ในสายเลือด

“ดิฉันเกิดมาในครอบครัวนักการเมือง ทั้งคุณพ่อ (ธวัชวงศ์ ณ เชียงใหม่) ก็เป็น สส.เชียงใหม่ 5 สมัย เป็นรัฐมนตรีช่วยหลายกระทรวง คุณแม่ (กิ่งกาญจน์ ณ เชียงใหม่) ก็เป็น สส.เชียงใหม่ 2 สมัย ตั้งแต่เด็กๆ เห็นทั้งคุณพ่อ-คุณแม่ทำงานการเมือง เราเป็นลูกก็ซึมซับกับการทำงานของท่านมาโดยตลอด จนทำให้มองว่างานการเมืองจริงๆ ไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่คนที่ทำงานการเมืองคือ คนที่ต้องเสียสละ เหมือนกับเป็นนักสังคมสงเคราะห์ เพราะพี่น้องประชาชน ชาวบ้าน เวลาเขามีเรื่องทุกข์ร้อน มันเป็นหน้าที่ของเราที่ต้องเข้าไปดูแลช่วยเหลือ ซึ่งดิฉันก็เห็นทั้งคุณพ่อ-คุณแม่ ทำงานแบบนั้นมาตลอด ไม่ว่าจะดึกดื่น นอนหลับไปแล้ว แต่ถ้ามีชาวบ้านมาขอความช่วยเหลือ หรือมีเรื่องทุกข์ร้อนท่านก็ไม่เคยเกี่ยงที่จะออกไปบรรเทาทุกข์ให้พี่น้องประชาชน แม้ทุกวันนี้ท่านจะอยู่ในช่วงที่ควรจะพักผ่อน แต่ท่านก็ยังดูแลทุกข์สุขของชาวเชียงใหม่ ขนาดคุณแม่ก็ลงสมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขต 3 เชียงใหม่ พ.ศ. 2556 ซึ่งมีกำหนดเลือกตั้งในวันที่ 21 เมษายน นี้ด้วย เรียกว่าคุณพ่อ-คุณแม่เป็นไอดอลทางการเมืองของตัวเอง

การเมืองไม่ใช่เรื่องการแพ้ชนะ

“เราอาจจะเลือกยืนในพรรคที่ตรงกันข้ามกับพรรคการเมืองที่ได้รับความนิยมในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ แต่ทุกครั้งที่ตนเองลงรับสมัครเลือกตั้ง คะแนนก็ไม่ได้ทิ้งห่างจากผู้สมัครที่ได้รับเลือก เพราะดิฉันก็ลงพื้นที่ทำงานกับพี่น้องประชาชนตลอด แต่ครั้งที่ชนะการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ปี 2550 รู้ว่าก็มีคนที่เขารักเรา เชื่อมั่นในตัวเราอยู่จำนวนไม่น้อย แม้หลังจากนั้นจะไม่ชนะการเลือกตั้งก็ตาม แต่ดิฉันคิดเสมอว่าการเมืองสามารถทำสิ่งที่เป็นประโยชน์กับคนในประเทศได้เยอะ เสียงของประชาชนที่ลงคะแนนให้เรามีค่า มีความสำคัญ ประเทศชาติไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง ไม่ใช่ของผู้บริหารประเทศหยิบมือเดียว แต่ประเทศชาติเป็นของเราทุกคน และเราทุกคนรวมกันจะเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สามารถเปลี่ยนแปลงประเทศไปในทางที่ดีได้ นี่เป็นจุดที่ยึดเป็นหลักในการทำงาน ดิฉันจึงไม่เคยท้อหรือเสียกำลังใจที่ลงเลือกตั้งแล้วไม่ได้รับเลือกตั้ง แต่ดิฉันมีความมั่นคงในอุดมการณ์และเชื่อว่าตัวเองเลือกที่ยืนของตัวเองที่ถูกต้องแล้ว หลายครั้งที่มีคนถามว่า เป็นคนเชียงใหม่แท้ๆ ทำไมไม่ข้ามถนนไปยืนอีกฝั่งล่ะ จะได้ชนะการเลือกตั้ง มีคนเขาข้ามกันไปเยอะแยะ แต่ดิฉันมั่นใจในพื้นที่ที่ตัวเองยืนอยู่ว่าดีอยู่แล้ว มั่นคงอยู่แล้ว และตั้งใจที่จะทำงานใกล้ชิดกับพี่น้องประชาชน เพราะดิฉันเชื่อว่าถึงเราไม่มีตำแหน่งทางการเมือง เราก็ยังทำงานการเมืองเพื่อพี่น้องประชาชนได้ และดิฉันก็ได้รับโอกาสจากพรรคในการทำงานการเมืองอย่างเต็มที่”

ครอบครัวกำลังใจสำคัญ

“นอกจากคุณพ่อ-คุณแม่ ก็มี พี่ต้อง-พันเอกจิตนาถ ปุณโณทก สามีของดิฉันซึ่งเขาเป็นข้าราชการทหาร แต่เขาเข้าใจในสิ่งที่เราเลือกจะทำ เขาก็คอยให้กำลังใจและเป็นฝ่ายปรับตัวเข้าหาเรา เพราะตัวเองก็ต้องขึ้นลงกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ตลอดเวลา ในขณะที่สามีอยู่กรุงเทพฯ ดิฉันอาจจะไม่ใช่แม่บ้านที่สมบูรณ์แบบมากนัก ที่จะอยู่บ้านเลี้ยงลูก ทำกับข้าวให้สามีทานอะไรแบบนั้น แต่พี่ต้องเป็นฝ่ายที่ดูแลเราเสียมากกว่า ถ้าเป็นวันหยุด แล้วดิฉันอยู่เชียงใหม่ เขาก็จะเป็นฝ่ายขึ้นไปหา เพราะลูกสาวตอนนี้อายุสองขวบครึ่งก็อยู่เชียงใหม่ด้วยกัน เสาร์-อาทิตย์ ถ้าดิฉันไม่มีงาน ก็จะเป็นวันครอบครัว เวลาที่เราเหนื่อยจากงาน มันมีท้อแท้บางแต่ไม่ท้อถอย ดิฉันมีวิกฤติในชีวิตมากมาย แต่ก็ไม่มีครั้งไหนที่จะทำให้ดิฉันรู้สึกว่าเราจะหยุดงานการเมือง นั่นแสดงว่ามันยังหนักไม่พอ ที่สำคัญก็คือครอบครัวเล็กๆ ของตัวเอง ที่เป็นกำลังใจ และเขาเชื่อมั่นว่าเราเป็นคนดี ดังนั้น ต่อให้เราเจออะไรมาแค่ไหนแต่พอกลับถึงบ้าน เจอหน้าคนในครอบครัวทุกอย่างมันหายไปหมด และทำให้เรามีกำลังที่จะออกไปทำงาน

บทบาทล่าสุดบนถนนการเมือง

“ดีใจและเป็นเกียรติอย่างมากค่ะ ที่ท่านผู้ว่าฯ สุขุมพันธุ์ รวมทั้งพรรคประชาธิปัตย์ ให้โอกาสได้มาเป็นหนึ่งในทีมผู้บริหารกรุงเทพมหานคร โดยท่านผู้ว่าฯ สุขุมพันธุ์ แต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาฯ ต้องขอบคุณอย่างสูงที่ให้โอกาสมาทำงานให้กับคนเมืองหลวง ไม่ได้มองว่าเราเป็นคนภูธร และเห็นความสามารถ เห็นถึงประสบการณ์การทำงานท้องถิ่นที่จะมาช่วยงานของท่านได้ ซึ่งดิฉันขอให้คำมั่นว่า เมื่อได้รับโอกาสนี้แล้ว ก็จะตั้งใจทำงานอย่างเต็มกำลังความสามารถ

พรรคประชาธิปัตย์ ภายใต้การนำของท่านหัวหน้าพรรค อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และท่านผู้ว่าฯ สุขุมพันธุ์ จากการได้ร่วมงานกับท่านทั้งสองดิฉันขอบอกว่าท่านเป็นผู้นำที่ส่งเสริมความเสมอภาค ความเท่าเทียมระหว่างชาย-หญิง ให้เป็นผู้ที่ให้เกียรติผู้หญิง เชื่อมั่นในความสามารถของผู้หญิงว่าสามารถทำงานได้อย่างเท่าเทียมกับผู้ชาย จะเห็นว่าพรรคแต่งตั้งผู้หญิงให้มามีบทบาทมีตำแหน่งสำคัญๆ ในการทำงานการเมือง อย่างเช่นในการแต่งตั้งคณะผู้บริหารกรุงเทพฯ ก็มีรองผู้ว่าฯเป็นผู้หญิงหนึ่งท่าน ในคณะที่ปรึกษาผู้ว่าฯ ก็มีผู้หญิงถึง 3 คน

เตรียมพร้อมทำงานเพื่อคนกรุงเทพฯ

“การได้รับแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาฯ ท่านผู้ว่าฯ สุขุมพันธุ์ ดิฉันจะใช้ประสบการณ์งานการเมืองท้องถิ่นมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ที่จะมีส่วนช่วยงานของท่านผู้ว่าฯ และเพื่อพี่น้องชาวกรุงเทพฯ ถึงแม้จะยังไม่ได้รับมอบหมายงานที่จะให้ดูแลเรื่องใดเป็นพิเศษ ด้วยหน้าที่ของที่ปรึกษา ก็ต้องให้คำปรึกษาที่ดีและเป็นประโยชน์ต่อชาวกรุงเทพฯ อย่างที่หลายคนชอบพูดว่า กรุงเทพฯ ไม่ได้เป็นแค่เมืองหลวงของประเทศไทย แต่กรุงเทพฯ คือประเทศไทย ดังนั้น การที่เรามาทำงานให้กับคนกรุงเทพฯ นั่นก็หมายรวมถึงว่าเราได้ทำงานเพื่อคนทั้งประเทศด้วย ก็อยากขอโอกาสจากชาวกรุงเทพฯ ให้ดิฉันได้ทำงานเพื่อทุกท่านด้วยนะคะ”