วันอาทิตย์ ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
อากาศร้อนจัดในเดือนเมษายนช่วงเทศกาลวันสงกรานต์นั้น ทำให้หลายคนหลบร้อน ไปไม่พ้นน้ำกับแอร์เย็นไปได้ อาทิตย์นี้ขอหลบร้อนไปตามรอยโครงการ “พระบารมีแผ่ไพศาล” ของสำนักพัฒนาประชาสัมพันธ์ กรมประชาสัมพันธ์ ไปยังดอยสูงที่มีชื่อว่า
ภูพยัคฆ์ ในจังหวัดน่าน เดิมพื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่สีแดงที่มีประวัติการต่อสู้เมื่อ พ.ศ.2510-2526 อย่างที่รู้กันอยู่ บนภูพยัคฆ์นี้มีอาคารชั้นเดียวตั้งอยู่บนเนินเขาเหนือบ้านน้ำรีพัฒนา คืออาคารอนุสรณ์สถานภูพยัคฆ์ ทำพิธีเปิดเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ.2548 และอาคารพิพิธภัณฑ์ชนชาติ ลัวะ-ม้ง ซึ่งเป็นอาคารสองชั้นจัดแสดงประวัติศาสตร์ วิถีชีวิต และวัฒนธรรมของชนชาติทั้งสอง ที่เป็นกลุ่มประชากรหลักของฐานที่มั่นในอดีต โดยจัดแสดงรูปแบบบ้านจำลอง มีรูปปั้นแต่งชุดประจำชนชาติ และคำอธิบายให้ความรู้และมุมหนึ่งนั้นจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ และยุทธปัจจัยในช่วงสงครามดังกล่าวไว้ด้วย ภายในอาคารอนุสรณ์สถานนั้นมีกำแพงอนุสาวรีย์ทรงโค้งบรรจุรายนามทหารประชาชน และประชาชนในพื้นที่ที่เสียชีวิตจากสงครามในช่วงดังกล่าวโดยมีการจัดงานรำลึกวีรชนประมาณวันที่ 10 ธันวาคมของทุกปี ผนังทั้งสี่ด้านภายในตัวอาคารจัดแสดงข้อมูล และภาพการสู้รบในพื้นที่ และการตั้งฐานที่มั่นจังหวัดน่าน
.jpg)
ผลหม่อนที่เก็บ ต่อหนึ่งเวลา
ประวัติบุคคลสำคัญที่เคยอยู่บนภูแห่งนี้ เช่นอัสนี พลจันทร์ หรือนายผี ผู้แต่งเพลงเดือนเพ็ญ ลุงคำตัน หรือ พ.ท.พโยม จุลานนท์ เสนาธิการกองทัพประชาชน ลุงจำรัส หรือลุงเปลื้อง วรรณศรี อดีตผู้แทนราษฎรจังหวัดสุรินทร์ เป็นต้นซึ่งเป็นภาพข้อเท็จจริงในการเรียนรู้ถึงความอยุติธรรมอย่างรุนแรงในพื้นที่ที่เกิดขึ้นในอดีต เช่น การบังคับเก็บภาษีที่ไม่เป็นธรรมหลายอย่าง กระทั่งการเก็บภาษีน้ำนมจากหญิงแม่ลูกอ่อน ที่สร้างความคับแค้นใจให้เกิดขึ้น จนสถานการณ์ต่อสู้และพัฒนาไปสู่การสู้รบสงครามได้อย่างไร ซึ่งเป็นการเรียนรู้เพื่อสร้างความสมานฉันท์ร่วมกัน
.jpg)
พื้นที่บนภูพยัคฆ์กลายเป็นไร่หม่อน
วันนี้พื้นที่ภูสูงที่มีขุนเขาดุจยักษาจนหลายคนหวาดกลัวทั้งสัตว์ป่าและอันตรายของการสู้รบนานาประการนั้นได้กลายเป็นสถานที่สร้างความสมานฉันท์และปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงพื้นที่เป็นสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงตามพระราชดำริของสมเด็จ
พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทำให้เกิดผลิตผลสำคัญยืนยันถึงการใช้พื้นที่ป่าเขาที่ถูกทำลายนั้นมีคุณค่าด้วยวิสัยทัศน์ “ผลิตผลคนอยู่คู่กับป่า” ทำให้ทุกคนที่อยู่บนที่สูงต่างพากันไม่ทำลายป่าไม้และใช้พื้นที่นั้นทำการเกษตร ตลอดจนสร้างบทบาทสำคัญในการอนุรักษ์ธรรมชาติ เขตป่าต้นน้ำ และสร้างอาชีพให้กับราษฎรในพื้นที่โดยวิธีการเกษตรแผนใหม่ที่ยั่งยืนเกิดขึ้น
.jpg)
ผลหม่อนสีดำรอการเก็บเข้าโรงงาน
การจัดกลุ่มวิสาหกิจชุมชนนั้นได้ทำให้ภูพยัคฆ์มีผลิตภัณฑ์จากการเกษตรหลากหลายจนทำให้รู้จักกันอย่างดี เช่น กาแฟอาราบิก้าภูพยัคฆ์ น้ำดื่มภูพยัคฆ์ ผักไร้สารพิษตามฤดูกาล 100 เปอร์เซ็นต์ ได้แก่ ต้นหอมญี่ปุ่น ผักกาดหงส์ กะหล่ำหัวใจ เป็นต้น โดยเฉพาะการผลิตน้ำหม่อนพร้อมดื่มนั้น ได้ถูกจัดเป็นวิสาหกิจชุมชนจากการทำงานของชาวไร่บนที่สูง แม้ว่าการขนส่งจะไม่เอื้ออำนวยให้ได้รับประทานผลสดได้ ก็มีการจัดวิธีถนอมสภาพในถุงให้มีความสดเช่นเดียวกับเด็ดออกจากต้นและสกัดทำน้ำหม่อนพร้อมดื่มใส่ขวดส่งเข้าตลาดจนเป็นสินค้ายอดนิยม
.jpg)
น้ำหม่อนที่ควบคุมความหวาน
ภูพยัคฆ์เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดน่านไปแล้วโดยมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางเข้าเยี่ยมชมอนุสรณ์สถานภูพยัคฆ์ พิพิธภัณฑ์ชนชาติลัวะ และม้ง สถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงภูพยัคฆ์ และค่ายเก่า 708 ที่บัญชาการสู้รบ แม้ว่าเส้นทางจากตัวเมืองน่านขึ้นดอยสูงไปภูพยัคฆ์มีระยะทางไกล 180 กม.ก็ตาม ธรรมชาติของการใช้พื้นที่ทำการเกษตรที่สูงตลอดเส้นทางนั้นทำให้รู้สึกได้ว่า เป็นพื้นที่สร้างผลิตผลที่เข้ามาทดแทนการสูญเสียในอดีตได้อย่างดี ดังนั้นเมื่อผ่านหมู่บ้านหลายแห่งเช่น บ้านห้วยโก๋น บ้านกิ่วจันทร์ บ้านน้ำช้าง บ้านน้ำรีพัฒนาและภูพยัคฆ์ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นพื้นที่การเกษตรที่เป็นแหล่งผลิตสินค้าชั้นดีลงสู่ตลาดในพื้นที่ราบ ด้วยเหตุนี้ ภูพยัคฆ์ จึงเป็นภูมิวิสาหกิจชุมชนของคนอยู่กับป่าตามพระราชดำริที่สร้างความประทับใจให้กับคนเมืองอย่างมาก ด้วยไม่เคยแม้จะสัมผัสชีวิตอยู่บนที่สูง น่าจะลองไปพักค้างดูก็รู้ได้เอง
.jpg)
ผลหม่อนสดที่เก็บทำน้ำสกัด
.jpg)
ตำหนักทรงงานบนภูพยัคฆ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี