จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาในประเทศไทย ตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงปัจจุบัน มีแนวโน้มของที่ดีขึ้นเป็นลำดับ เห็นได้จากตัวเลขการรายงานพบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ลดลง ผู้ป่วยหลายราย สามารถรักษาหายและกลับบ้านได้เป็นจำนวนมาก และคาดว่าด้วยความร่วมมือร่วมใจจากทุกฝ่ายวิกฤติครั้งนี้จะคลี่คลายในที่สุด
และในส่วนของทันตกรรม ที่ได้รับผลกระทบไม่น้อย จากสถานการณ์นี้ เนื่องจากความกังวลจะเกิดการติดเชื้อและการแพร่กระจายของเชื้อได้ง่าย ทำให้คนไข้ต่างประสบปัญหาสุขภาพช่องปากและฟัน จำนวนมาก ที่ไม่สามารถจะเข้าถึงการรักษาในช่วงเวลาที่ผ่านมา ยกเว้นกรณีเร่งด่วน ฉุกเฉิน เท่านั้น ดังนั้นเมื่อสถานการณ์การระบาดCOVID-19 ถูกควบคุมได้ระดับหนึ่งจึงน่าจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่ทันตแพทย์จะได้เตรียมความพร้อมรับมือเพื่อความปลอดภัยทั้งแพทย์และคนไข้นั่นเอง
ทันตแพทย์ พิทักษ์ ไชยเจริญ สมาชิกวุฒิสภาและกรรมาธิการสาธารณสุขวุฒิสภา กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมหลัง COVID-19 คลี่คลาย ว่าที่ผ่านมาในส่วนของการรักษาด้านทันตกรรมของประชาชน ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง จากการระบาดของโคโรนาไวรัส COVID-19ทำให้มีการแนะนำเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อโดยพยายามจำกัดการรักษาเฉพาะในกรณีเร่งด่วนฉุกเฉิน ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากความกังวลถึงความสามารถการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโคโรนา ที่เกิดการติดเชื้อและการแพร่กระจายได้ง่าย เมื่อเทียบกับการติดเชื้อโรค SARS ซึ่งเป็นไวรัสสายพันธุ์เดียวกัน ตระกูลไวรัสโคโรนาเช่นกัน แต่ COVID-19ทำให้มีผู้ติดเชื้อทั่วโลกปัจจุบันถึงสามล้านเศษ มากกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโรค SARS(โรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง ซาร์ส) ซึ่งการระบาดเกิดขึ้นช่วงปี 2545-46 การระบาดดำเนินไปประมาณ 6 เดือน ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อมากกว่า 8,000 คนเสียชีวิต 774 ราย แต่ด้วยความสามารถ ความเสียสละ และความมุ่งมั่นของบุคลากรทางการแพทย์ทุกท่าน ในระบบสาธารณสุขไทย ก็ทำให้สถานการณ์การระบาดที่รุนแรงครั้งนี้ ดีขึ้นเป็นลำดับ
ดังนั้น เมื่อสถานการณ์การระบาด COVID-19 ถูกควบคุมได้ระดับหนึ่ง จึงน่าจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่ทันตแพทย์ในทุกๆหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียน
ทันตแพทย์ คณะทันตแพทยศาสตร์ในมหาวิทยาลัยต่างๆ กลุ่มงานฝ่ายทันตกรรมในโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทุกๆ ขนาดโดยเฉพาะในกระทรวงสาธารณสุขที่รับภาระหนัก ในภารกิจแก้ไขวิกฤติครั้งนี้จะต้องใช้เวลาอันมีค่าในช่วงจากนี้ในการมาร่วมกัน ประชุมหารือจัดระบบ กำหนดแนวทางปฏิบัติต่างๆ ที่จำเป็นในการเตรียมพร้อมที่จะรองรับการเข้ารับการรักษาด้านทันตกรรมเพื่อรักษาโรคฟันและช่องปากของประชาชน ที่ได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างในการจะเข้าถึงการรักษาด้านทันตกรรมในช่วงเวลาที่ผ่านมา
ความสำคัญอย่างที่สุดเรื่องหนึ่งที่จะทำให้ การกลับมาของการรักษาทางทันตกรรมให้มีความมั่นใจ ลดความกังวลจากปัญหาCOVID-19 คือ “การคัดกรองอย่างเข้มข้นและมีประสิทธิภาพ” ก่อนคนไข้จะเข้าการรักษาทุกครั้งในการที่จะสามารถคัดกรองผู้ป่วยที่สงสัยติดเชื้อ COVID-19 ได้อย่างถูกต้อง ซึ่งจำเป็นต้องแยกแผนการรักษาออกมาจากแผนการรักษาทั่วไป
ซึ่งหากพบคนไข้ทันตกรรม ที่เป็นผู้สงสัยติดเชื้อ COVID-19มีความจำเป็นที่จะแยกผู้ป่วย เข้าสู่ระบบขั้นตอนการรักษาโรคติดเชื้อจาก COVID-19 ของกระทรวงสาธารณสุขก่อน ด้วยเหตุของการประกาศของกระทรวงสาธารณสุขให้ COVID-19 เป็นโรคติดต่ออันตราย ลำดับที่ 14 ซึ่งหากมีความจำเป็นฉุกเฉินด้านทันตกรรมทันตแพทย์ก็จะต้องเข้าไปร่วมเป็นส่วนหนึ่งของทีมแพทย์ ในการรักษาในกรณีคนไข้ที่สงสัยติดเชื้อ COVID-19 ในคนไข้คนนั้นๆซึ่งหากมีการคัดกรองอย่างเข้มข้น และมีประสิทธิภาพ การรักษาคนไข้ทันตกรรมที่ไม่มีความเสี่ยงติดเชื้อ COVID-19 ก็จะสามารถดำเนินได้ตามมาตรฐานปกติ ภายใต้การป้องกันติดเชื้อและการรักษาตามมาตรฐานและปลอดภัย
นอกจากนี้ ทันตแพทย์ พิทักษ์ ไชยเจริญ กล่าวว่า จากการพูดคุยกับทันตแพทย์หลายๆ ท่านได้แนะนำประเด็นที่น่าพิจารณา เช่น
1.การวางแผนเรื่องการจัดการด้าน สถานที่ใหม่ อาทิ การจัดสถานที่ให้มีจุดคัดกรองขั้นต้นบริเวณที่กำหนดให้เป็นทางเข้าตามมาตรฐาน ทั้งตรวจอุณหภูมิ ซักประวัติตามแบบ ซักประวัติผู้เสี่ยงสงสัยติดเชื้อ COVID-19,ตรวจหาอาการที่อาจเกี่ยวข้องซึ่งต้องจัดเตรียมบุคลากรและวัสดุอุปกรณ์ให้พร้อม-การจัดที่รับคิว การจัดที่นั่งรอใหม่มีระยะที่เหมาะสม ฯลฯ
2.การเพิ่มการคัดกรองซ้ำและตรวจเช็คอุณหภูมิร่างกาย อีกครั้งโดยทันตแพทย์ที่เก้าอี้ทันตกรรมก่อนการรักษา(Double Check)
3.เคร่งครัดเรื่องการเตรียมคนไข้ ทุกคนทั้งก่อนและหลังรักษา เช่น ต้องป้วนน้ำยาป้วนปากฆ่าเชื้อก่อนและหลังทำการรักษา
4.เคร่งครัดเรื่องการเตรียมเก้าอี้ทำฟันทุกครั้งก่อนการรักษา-หลังรักษาต้องมีการทำความสะอาด ฆ่าเชื้ออย่างเหมาะสมและ มีประสิทธิภาพ ซึ่งอาจทำให้ต้องมีระยะเวลาทิ้งห่าง ที่จะต้องให้คนไข้รอนานขึ้น ระหว่างการเตรียมเก้าอี้ฟันสำหรับคนไข้คนต่อๆ ไปรวมถึงพื้นที่ทำงานส่วนอื่นๆ กำหนดมีการทำความสะอาดเป็นระยะ
5.ทันตแพทย์ บุคลากรทางทันตกรรม ต้องมีและใส่อุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้ออย่างพอเพียงและเหมาะสมตามมาตรฐานทุกครั้งที่ปฏิบัติงาน
6.พิจารณา ในการจัดหาชุด PPE, อุปกรณ์ป้องกันติดเชื้อไว้ภายในหน่วยบริการ กรณีสงสัยพบผู้ป่วยสงสัยติดเชื้อ COVID-19 ณ จุดคัดกรอง
7.ซักซ้อมการใช้งานอย่างถูกต้อง มีประสิทธิภาพ
8.หน่วยงานทันตกรรมต่างๆ โดยเฉพาะที่มีผู้เชี่ยวชาญทางวิชาการ เช่น คณะทันตแพทย์ศาสตร์ในมหาวิทยาลัย กระทรวงสาธารณสุขร่วมกันตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษา ผลกระทบของฝอยละอองที่เกิดจากการใช้เครื่องมือทันตกรรมทุกประเภท เช่น ฝอยละอองจากการอุดฟัน ขูดหินปูน และหัตถการอื่นๆ ในทุกมิติ และศึกษาวิจัยอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ อิงหลักวิชาการ ถึงประโยชน์ กับผลกระทบอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้เครื่องดูดฝอยละอองแรงสูงในห้องรักษาทันตกรรม จากกรวยดูดที่มีลักษณะ ทิศทางการใช้งานที่แตกต่างกันในทุกมิติ เพื่อหาข้อสรุปที่เกิดประโยชน์สูงสุดทางวิชาการ ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์ และสามารถนำมาเพื่อพิจารณาใช้ในการทำงานหรือไม่อย่างเหมาะสมต่อไป
ทั้งนี้ทั้งนั้น เพื่อเป็นการพัฒนาการรักษาการจัดการด้านทันตกรรมโดยเฉพาะ การป้องกันการติดเชื้อจากโรคต่างๆ และเป็นการสร้างความมั่นใจและความพร้อมของบุคลากรทุกคนหากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา COVID-19 ยังไม่ยุติโดยง่ายเนื่องจากเป็นการระบาดทั่วโลก และเตรียมความพร้อมรับมือหากมีอุบัติการณ์โรคระบาดอื่นๆ ขึ้นมา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี