เพื่อเป็นการรับมือกับวิกฤติโควิด-19 การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่แพร่กระจายไปทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย รวมถึงความพร้อมรับกับวิกฤติต่างๆ ที่จะตามมาทั้งเศรษฐกิจ และภัยแล้ง ฯลฯ โครงการ “พลังคนสร้างสรรค์โลก รวมพลังตามรอยพ่อของแผ่นดิน” (ตามรอยพ่อฯ)โดยความร่วมมือของบริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด สถาบันเศรษฐกิจพอเพียง มูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) จึงได้จัดกิจกรรมพิเศษการสนทนาสดออนไลน์ผ่านทางเฟซบุ๊คโครงการ www.facebook.com/ajourneyinspiredbytheking ในหัวข้อ“ตามรอยพ่อฯ สู้วิกฤติโควิด-19 รอดพอดีด้วยศาสตร์พระราชา” เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจว่าศาสตร์พระราชาคือแนวปฏิบัติที่เป็นทางรอดในทุกวิกฤติ พร้อมเดินหน้าถ่ายทอดองค์ความรู้เพื่อสร้างแรงบันดาลใจอย่างต่อเนื่อง
นายอาทิตย์ กริชพิพรรธ ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายสนับสนุนธุรกิจ บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด กล่าวถึง การจัดกิจกรรมครั้งนี้ว่า “สิ่งที่โครงการตามรอยพ่อฯ ดำเนินการมาโดยตลอดจนเข้าสู่ปีที่ 8 ในปีนี้ คือการสื่อสารเพื่อสืบสานพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และน้อมนำศาสตร์พระราชาด้านการบริหารจัดการ ดิน น้ำ ป่า และพัฒนาคน มาเผยแพร่ให้ประชาชนทั่วไปได้รับรู้เกิดความตระหนัก และนำไปสู่การปฏิบัติที่เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมรวมแล้วกว่า 20,000 คน ทั้งนี้ การระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้น เป็นสิ่งที่เตือนเราทุกคนว่าต้องลงมือทำตามศาสตร์พระราชาอย่างจริงจัง เพราะเป็นทางรอดจากทุกวิกฤติ รวมถึงโควิด-19
วิกฤติโควิด-19 เป็นวาระเร่งด่วนที่ทุกฝ่ายต้องร่วมแรงร่วมใจกันเพื่อให้ประเทศไทยของเราฟันฝ่าสถานการณ์นี้ไปได้ ในช่วง 3 เดือน เมษายน พฤษภาคม มิถุนายน โครงการตามรอยพ่อฯ จะมุ่งเน้นผลิตสื่อต่างๆที่เป็นองค์ความรู้ เป็นแรงบันดาลใจเพื่อให้สามารถพึ่งพาตัวเองได้ เอาตัวรอดได้ในภาวะวิกฤติ COVID-19 นี้ และพร้อมรับมือกับวิกฤติอื่นๆ ที่จะตามมาทั้งปัญหาทางเศรษฐกิจ ภาวะความยากจน การขาดแคลนอาหารภัยแล้ง และน้ำท่วม โดยเผยแพร่ทางช่องทางออนไลน์และโซเชียลมีเดียของโครงการ ได้แก่ เว็บไซต์ เฟซบุ๊ค ไลน์ ยูทูบ และอินสตาแกรม ทั้งนี้ โครงการยินดีที่ ฌอน บูรณะหิรัญจะมาร่วมกิจกรรมกับโครงการ ตลอดทั้งปีนี้โดยฌอนได้มาเรียนรู้การใช้ศาสตร์พระราชาเพื่อแก้ปัญหาดิน น้ำ ป่า กับทางโครงการตั้งแต่ปีที่แล้ว และอยากมีส่วนร่วมในการสื่อสารองค์ความรู้นี้ ซึ่งโซเชียลมีเดียของฌอน ทั้งเฟซบุ๊ค ยูทูบ และอินสตาแกรมมีผู้ติดตามรวมสูงถึง 6 ล้านคน จะเป็นช่องทางสำคัญในการเผยแพร่ศาสตร์พระราชาให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้มากขึ้น”
ด้าน นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร นายกสมาคมดินโลก และที่ปรึกษามูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ กล่าวแนะทางรอดจากวิกฤติโควิด-19ด้วยศาสตร์พระราชาว่า “ขณะนี้ประเทศกำลังเผชิญวิกฤติ 4 ด้าน ทั้งวิกฤติด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งโรคระบาด ภัยแล้ง หมอกควัน วิกฤติด้านเศรษฐกิจ วิกฤติด้านความเหลื่อมล้ำทางสังคม และวิกฤติด้านการเมือง ซึ่งปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงคือเสาหลักในการกู้วิกฤติทั้ง 4 ด้านนี้ โดยต้องปรับแนวความคิดการดำเนินชีวิตใหม่ จากการมุ่งเน้นหาเงินทองเป็นการสร้างพื้นฐานปัจจัย 4 ได้แก่ อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค ให้พอกินพอใช้ พออยู่ และพอร่มเย็น สำหรับข้อแนะนำในการปฏิบัติตัวในภาวะวิกฤติโควิด-19 คือการอยู่ในฐานที่มั่นของตัวเอง พึ่งพาตัวเองให้ได้มากที่สุด สร้างภูมิต้านทานให้ตัวเอง ทำให้ร่างกายแข็งแรงด้วยการออกกำลังกาย กินอาหารที่ดีมีประโยชน์ อาหารที่เราปลูกเองโดยไม่ใช้สารเคมี สร้างแหล่งน้ำของตัวเอง หายใจอากาศบริสุทธิ์ เพียงเท่านี้ไม่เพียงตัวเองรอด สังคมก็อยู่รอด ประเทศชาติก็จะอยู่รอดด้วย
คนเมืองและชนบทสามารถนำศาสตร์พระราชามาปฏิบัติได้ทั้งคู่ โดยคนเมือง ไม่ว่าจะเป็นคนที่อยู่คอนโดมิเนียมอยู่หอพัก หรือคนมีที่ดิน 50 ตารางวา อาจเริ่มด้วยการพึ่งพาตัวเอง เช่น การปลูกพืชผักสวนครัวรั้วกินได้ หรือการทำน้ำยาต่างๆ ใช้เอง เป็นต้น ส่วนคนที่อยู่ในชนบทก็ปรับพื้นที่ทำการเกษตรตามแนวทาง “โคก หนอง นา” โมเดล เพื่อให้มีน้ำกินน้ำใช้เพียงพอตลอดทั้งปี มีอาหารการกินไม่ต้องไปซื้อไปหา ซึ่งหากลงมือทำได้จะมีกินมีใช้ไม่อดอยาก สามารถผ่านทุกวิกฤติได้แน่นอน”
ส่วน ฌอน บูรณะหิรัญ นักคิด นักเขียนและตัวแทนคนรุ่นใหม่ กล่าวว่า “ผมมีเป้าหมายอยู่แล้วว่าอยากอุทิศตนทำงานเพื่อสิ่งแวดล้อมเพื่อให้โลกใบนี้ดีขึ้น เพราะปัจจุบันวิกฤติมากไม่ว่าจะเป็นฝุ่น PM2.5 น้ำท่วมภัยแล้ง โดยผมได้ไปเรียนรู้กับโครงการเมื่อปลายปีที่แล้ว ที่บ้านใหม่ภูคา จ.น่าน ไปเห็นเขาหัวโล้นด้วยตาของตนเอง ได้รู้ต้นเหตุของปัญหาว่าการรุกทำลายป่าเพื่อปลูกพืชเชิงเดี่ยว เมื่อป่าถูกทำลายไม่มีต้นไม้มาซับน้ำให้ภูเขา เกิดดินถล่ม ดินตะกอนไหลไปทับถมในแม่น้ำและในเขื่อนทำให้ตื้นเขิน เก็บน้ำไม่ได้ หน้าแล้งก็ไม่มีน้ำใช้ พอฝนตกมากก็ท่วมไปถึงกรุงเทพฯ เพราะไม่มีที่เก็บน้ำ และเมื่อช่วงต้นปีผมได้ไปที่ อ.กัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่ ไปช่วยขุดคลองไส้ไก่ สร้างหลุมขนมครกให้เป็นที่เก็บน้ำบนภูเขาสูง พอขุดเสร็จเขาก็ปล่อยน้ำเข้ามาและไหลไปตามพื้นที่ที่เราขุดไว้ เราสามารถเก็บน้ำได้ ทำให้เห็นว่าไม่ว่าพื้นที่แบบไหนถ้าเรามีความรู้ และลงมือทำจริงๆ เราก็สามารถเปลี่ยนพื้นที่แห้งแล้งให้ปลูกพืชได้ สร้างความอุดมสมบูรณ์ได้ และที่สำคัญก็จะมีกิน มีใช้ พึ่งพาตัวเองได้ โดยไม่ต้องไปรุกทำลายป่าและเผาป่า”
ผู้ที่สนใจติดตามกิจกรรมในโครงการได้ทาง www.facebook.com/ajourneyinspiredbytheking หรือรับชมการสนทนาผ่านออนไลน์ย้อนหลัง ได้ที่ลิงค์ https://www.facebook.com/ajourneyinspiredbytheking/videos/593689547906269/ และดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://ajourneyinspiredbytheking.org
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี