โครงการไถ่ชีวิตโค-กระบือจากโรงฆ่าสัตว์ โดยหนังสือพิมพ์แนวหน้าและผู้อ่านหนังสือพิมพ์แนวหน้า แล้วนำไปมอบให้เกษตรกรเลี้ยงดูต่อจนกว่าสัตว์จะถึงแก่อายุขัย เป็นโครงการที่ได้รับความสนใจด้วยดี และได้รับความสนใจอย่างมากจากประชาชนทั่วไป เพราะนับจากเริ่มทำโครงการเมื่อปี 2557 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน โครงการสามารถไถ่ชีวิตโค-กระบือมาแล้วรวมทั้งสิ้น 88 ตัว และโค-กระบือเหล่านี้ได้ตกลูกออกมาแล้วทั้งหมดรวม 24 ตัว โดยทุกตัวได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีจากผู้รับไปเลี้ยง ซึ่งกระจายตัวอยู่ในเขตอำเภอศรีประจันต์ อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี อำเภอพล จังหวัดขอนแก่น รวมถึงล่าสุดในเขตอำเภอเมือง อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย และอำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา
โค-กระบือที่โครงการนี้มอบให้เกษตรกรนำไปเลี้ยงดูต่อทั้งหมดได้รับการติดตามดูแลจากทีมงานของหนังสือพิมพ์แนวหน้าอย่างใกล้ชิดเป็นระยะๆ และนำคณะผู้ร่วมบริจาคเงินไปเยี่ยมเยียนโค-กระบือ และคนที่รับโค-กระบือไปเลี้ยงดูต่อเป็นประจำ โดยเฉลี่ยทุกๆ 3 เดือน เพื่อให้ผู้รับไปเลี้ยงดูรับรู้ว่าโครงการนี้ไม่ได้มอบโค-กระบือแล้วทอดทิ้ง ไม่ไปดูแลสัตว์ ดังนั้นผู้รับเลี้ยงจึงต้องเลี้ยงดูสัตว์ที่ได้รับไปให้ดีที่สุด ขณะเดียวกันก็ทำให้ผู้ร่วมสมทบทุนในโครงการไถ่ชีวิตโค-กระบือกับแนวหน้ามั่นใจว่าสัตว์ที่พวกเราทุกคนได้ร่วมกันไถ่ชีวิตจากโรงฆ่าสัตว์ยังมีชีวิตอยู่ต่อไปโดยอยู่อย่างดีและมีความสุขด้วย
ในระยะเวลาประมาณ 1 เดือนเศษที่ผ่านมานี้ คอลัมน์ตะลอนเที่ยวได้นำเสนอภาพของโค-กระบือที่โครงการ ได้มอบให้เกษตรกรในจังหวัดเชียงราย และพะเยานำไปเลี้ยงดูต่อ เมื่อช่วงปลายเดือนมกราคม2563 โดยได้ส่งมอบสัตว์ทั้งหมด 33 ตัวให้เกษตรกรโรงเรียนชาวนา ของสำนักวิปัสสนาสากล ไร่เชิญตะวัน จังหวัดเชียงราย
ผู้รับสัตว์ไปเลี้ยงดูต่างให้ความรักความเมตตา ความเอ็นดูต่อสัตว์ที่ได้รับไปเลี้ยงดูเป็นอย่างดี ทำให้สัตว์มีความสุขและที่สำคัญโค-กระบือชุดล่าสุดนี้ได้ตกลูกมาแล้ว 6 ตัว สาเหตุที่โค-กระบือตกลงเร็วก็เพราะโครงการ เลือกไถ่ชีวิตสัตว์ที่ตั้งท้อง และสัตว์ที่เป็นแม่ลูกกันก่อนเป็นอันดับแรก เนื่องจากทราบว่าโรงฆ่าสัตว์ไม่ได้รอให้โค-กระบือตกลูกก่อนแล้วจึงนำสัตว์ไปฆ่า ส่วนโค-กระบือแม่ลูกนั้น ก็ทราบมาว่าแม่ของสัตว์ถูกฆ่าก่อน แล้วจากนั้นก็ถึงคราวของลูกสัตว์ ซึ่งเมื่อโครงการได้ทราบเช่นนี้จึงตัดสินใจไถ่ชีวิตสัตว์ท้อง และสัตว์ที่เป็นคู่แม่ลูกก่อน เพราะไม่ต้องการให้แม่ลูกอ่อนถูกพรากจากกัน
ต้องยอมรับว่า โครงการนี้ประสบความสำเร็จในการทำงานอย่างมาก เพราะได้รับความร่วมมืออย่างดีทั้งจากผู้ร่วมบริจาค และจากผู้รับสัตว์ไปเลี้ยงดูต่อเพราะทุกครั้งเมื่อโครงการประชาสัมพันธ์เรื่องการไถ่ชีวิตโค-กระบือก็มีผู้ร่วมบริจาคเป็นจำนวนมาก แล้วที่สำคัญคือผู้รับสัตว์ไปเลี้ยงทุกรายต่างรักษาสัญญาที่ทำกับโครงการเป็นอย่างดี โดยสาระสำคัญของสัญญาคือ ผู้รับสัตว์ไปเลี้ยงดูต่อไม่สามารถฆ่า ขาย หรือมอบสัตว์ต่อให้ผู้อื่นได้ด้วยประการทั้งปวง หากทำผิดสัญญาจะถูกฟ้องร้องดำเนินคดีจนถึงที่สุด แล้วเมื่อสัตว์ตกลูกออกมาจะต้องแจ้งให้โครงการฯ ทราบโดยทันที และไม่สามารถขายลูกสัตว์ต่อไปได้ ไม่ว่าจะขายเพื่อเป็นแรงงานหรือเพื่อเป็นอาหาร
สำหรับคุณๆ ที่ติดตามโครงการนี้จากคอลัมน์ตะลอนเที่ยวมาโดยตลอดคงได้รับทราบความเคลื่อนไหวของโครงการ เป็นอย่างดี และทุกครั้งที่คุณได้อ่านคอลัมน์ตะลอนเที่ยวที่นำเสนอเรื่องความคืบหน้าของสัตว์ที่โครงการ มอบให้กับเกษตรกรแล้ว Mr.Flower มั่นใจว่าคุณต้องยิ้มจนหน้าบานและมีความสุขใจมากเมื่อเห็นสัตว์ที่เราทุกคนร่วมกันไถ่ชีวิตพวกเขาออกมาจากโรงฆ่าสัตว์มีชีวิตยืนยาวต่อมาอย่างมีความสุข
Mr.Flower เชื่อว่าเมื่อคุณเห็นโคได้กินหญ้า กินฟาง กินผลไม้ และมีคอกอาศัยที่อบอุ่น และได้เห็นกระบือนอนแช่น้ำในหนองน้ำ และนอนแช่ในปลักโคลนรวมถึงได้เห็นภาพโค-กระบือมีชีวิตที่มีความสุข ภาพเหล่านี้ก็ย่อมจะทำให้คุณมีความสุขไปด้วย เป็นความสุขใจที่เกิดจากความเมตตา และเป็นความสุขใจที่เกิดจากการให้ชีวิตใหม่กับพวกเขาหลังจากเขาพ้นออกมาจากโรงฆ่าสัตว์
สำหรับคุณๆ ที่ต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมของโครงการนี้ หรือต้องการร่วมบริจาคเงินกับโครงการโปรดติดต่อ 091-7233615
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี