การแพร่กระจายของการติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่โคโรนา 2019 หรือ COVID-19 ซึ่งถือกำเนิดจากประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนและแพร่กระจายไปทั่วโลกในตอนนี้ ส่งผลถึงสุขอนามัย มีผู้ติดเชื้อหลักล้านคน และเสียชีวิตหลักแสนคนของจำนวนประชากรทั่วโลก โดยผู้ติดเชื้อที่แสดงอาการส่วนใหญ่เป็นอาการของระบบทางเดินหายใจ เช่น ไข้ ไอ น้ำมูก เจ็บคอหายใจลำบาก และไม่ได้กลิ่น ซึ่งเกิดมาจากไวรัสได้เข้าไปทำลายเส้นใยประสาทรับกลิ่น และมีผู้ติดเชื้อบางส่วนมีการรับรสผิดปกติด้วยเช่นกัน
การติดเชื้อไวรัสหลากหลายสายพันธุ์เป็นสาเหตุทำให้สูญเสียการได้ยินได้เช่นกัน ซึ่งมีอาการมาแต่กำเนิด และเกิดภายหลัง อาจสูญเสียการได้ยินแค่เพียงข้างเดียว หรือสองข้าง ความรุนแรงของการสูญเสียการได้ยินเป็นได้ตั้งแต่ระดับเล็กน้อย หรือรุนแรงจนทำให้หูหนวก ชนิดของการสูญเสียการได้ยินส่วนใหญ่เป็นชนิดประสาทรับฟังเสียงบกพร่อง พบมีส่วนน้อยเป็นจากการนำเสียงบกพร่อง
การติดเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดการสูญเสียการได้ยินแต่กำเนิด มากกว่าร้อยละ 40 มีสาเหตุมาจากซัยโตเมกาโลไวรัส (Cytomegalovirus, CMV) การติดเชื้อเกิดในระหว่างการตั้งครรภ์ของมารดา ซึ่งส่วนใหญ่มารดาเกิดการติดเชื้อใหม่ และส่งต่อสู่ทารกในครรภ์ ร้อยละ 5-10 แสดงอาการตั้งแต่แรกเกิด เช่น การสูญเสียการได้ยิน, ชักเกร็ง, การมองเห็นผิดปกติ ส่วนใหญ่จะยังไม่แสดงอาการ สามารถตรวจพบว่ามีประสาทการรับฟังเสียงบกพร่องเมื่ออายุมากกว่า 1 ปีแล้ว ดังนั้นการเฝ้าสังเกตพฤติกรรมทางภาษา ทั้งการพูด การฟัง เป็นระยะของผู้ตรวจรักษาและผู้ปกครองจึงเป็นส่วนสำคัญ เชื้อไวรัสตัวอื่นที่ทำให้เกิดอาการบกพร่องการได้ยินเช่นกัน ได้แก่ เชื้อไวรัสหัดเยอรมัน (Rubella) ส่วนใหญ่เกิดการติดเชื้อในระหว่างตั้งครรภ์ ทำให้เกิดเส้นประสาทการรับฟังเสียงบกพร่องของทารกแรกเกิดสูญเสียระดับรุนแรง เกิดขึ้นในหูทั้ง 2 ข้าง เชื้อไวรัสตัวอื่นได้แก่ ท็อกโซพลาสโมซิส(toxoplasmosis),ไวรัสเริม(herpes simplex) และเชื้อซิฟิลิสในมารดาที่ติดเชื้อกลุ่มนี้ในระหว่างตั้งครรภ์ทารกแรกเกิดทุกคนถือว่ามีความเสี่ยงต่อการสูญเสียการได้ยินมากกว่าปกติ จำเป็นต้องได้รับการคัดกรองตรวจการได้ยินตั้งแต่แรกเกิดเพื่อถ้าพบความผิดปกติจะได้รับการฟื้นฟูการได้ยินอย่างรวดเร็ว
การติดเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดการสูญเสียการได้ยินภายหลัง ได้แก่ เชื้อไวรัสภูมิคุ้มกันบกพร่อง (HIV) แสดงการสูญเสียการได้ยินไม่เกินร้อยละ 30 ของผู้ติดเชื้อ พบได้ทั้งชนิดประสาทรับฟังเสียงบกพร่อง และการนำเสียงบกพร่องจากการติดเชื้อในหูชั้นกลางเรื้อรัง ส่วนใหญ่ในรายที่มีประสาทรับฟังเสียงบกพร่องสูญเสียระดับเล็กน้อย ถึงปานกลาง สามารถฟื้นฟูการได้ยินได้โดยการใส่เครื่องช่วยฟัง เชื้อไวรัสอื่นที่สำคัญ ได้แก่ เชื้อไวรัสหัด, งูสวัด, คางทูม เป็นต้นในกลุ่มไวรัสหัด, หัดเยอรมัน, คางทูม สามารถป้องกันได้โดยการรับวัคซีนส่วนเชื้อไวรัสเริมสามารถป้องกันการติดเชื้อสู่ทารกโดยการลดการนำเชื้อผ่านการคลอด โดยบางรายมารดาได้ยาต้านไวรัสก่อนคลอด รวมถึงการผ่าตัดคลอดในรายที่มารดาติดเชื้อแบบแสดงอาการ การได้ยาต้านไวรัสได้ผลในไวรัสบางชนิด เช่น CMV, HIV, ไวรัสเริม, ไวรัสงูสวัด เป็นต้น
พบหลักฐานยืนยันของผลกระทบจากการสูญเสียการรับกลิ่น และรับรสในผู้ป่วยติดเชื้อ COVID-19 จากการทำลายเส้นประสาท ทำให้เกิดข้อสงสัยถึงผลกระทบต่อการทำลายประสาทการรับเสียง Mustafa MWM. ได้ลงตีพิมพ์วารสารในเดือนเมษายน 2020 พบว่า COVID-19 ได้ทำลายประสาทรับเสียงบางส่วนในผู้ป่วยติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ แต่อย่างไรก็ตามยังขาดการศึกษาในผู้ป่วยที่มีอาการ ต้องการการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อเป็นหลักฐานยืนยันต่อไป
ผศ.พญ.ศิรินันท์ จั่นทอง
ภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา
คณะแพทยศาสตร์
วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี