เริ่มย่างเข้าหน้าฝนแล้ว มีความสดชื่นจากสายฝนช่วยคลายร้อนได้บ้าง นอกจากยังต้องระวังการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แล้ว อากาศที่เย็นลงและความชื้นที่เพิ่มขึ้นเป็นสาเหตุทำให้เชื้อโรคหลายชนิดสามารถแพร่ระบาดได้ง่ายและรวดเร็ว ข้อมูลจาก รศ.นพ.ชัยวัฒน์ บำรุงกิจผู้อำนวยการ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ เปิดเผยว่าด้วยสภาพอากาศที่แปรปรวน เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวเย็น ไม่เพียงส่งผลต่อสุขภาพและภูมิคุ้มกันของร่างกายเท่านั้น แต่ยังอาจทำให้เจ็บป่วยไม่สบายกันได้ง่ายๆ เพราะฤดูฝนนำมาซึ่งโรคต่างๆ มากมาย ทั้งที่เกิดจากอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง การติดเชื้อ หรือโรคที่มียุงเป็นพาหะ จึงต้องคอยระวังตัวเองให้ดี มาดูกันว่ามีเชื้อโรคอะไรบ้างที่ก่อให้เกิดโรคในช่วงฤดูนี้กันได้บ้าง
เชื้อไวรัสทางเดินหายใจ ซึ่งมีหลากหลายสายพันธุ์ เช่น ไวรัสไข้หวัดใหญ่หรือไวรัสอินฟลูเอนซา (Influenza Virus) ไรโนไวรัส (Rhino Virus) พาราอินฟลูเอนซ่า อะดีโนไวรัส (Adeno Virus) ฯลฯ ทำให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจที่พบบ่อย ได้แก่ โรคหวัด ไข้หวัดใหญ่ คออักเสบ หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบและปอดบวม มักจะเกิดจากการที่ร่างกายอ่อนแอ เพราะสภาพอากาศที่ชื้นและเย็นลง จนติดเชื้อโรคที่อยู่ในอากาศ หรือในละอองเสมหะ น้ำมูก น้ำลาย โดยการไอจามของผู้ป่วย รวมถึงการสัมผัสสิ่งของสาธารณะที่เปื้อนเชื้อโรค เช่น ลูกบิดประตู ราวบันได ปุ่มกดลิฟต์ฯลฯ โดยเฉพาะเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ขวบ และผู้สูงอายุซึ่งมีโอกาสเสี่ยงที่จะเจ็บป่วยได้ง่ายและมีอาการรุนแรงมากกว่ากลุ่มอื่น จึงควรต้องระมัดระวังและดูแลเป็นพิเศษ
การป้องกัน สวมหน้ากากอนามัย หรือใช้ผ้าปิดปากและจมูกเมื่อไอ จาม หมั่นล้างมือบ่อยๆ เพื่อฆ่าเชื้อโรคที่อาจไปสัมผัสมา หลีกเลี่ยงการคลุกคลี หรือใกล้ชิดกับผู้ป่วยเพื่อป้องกันการรับเชื้อสู่ร่างกาย
เชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส หรือเชื้อปรสิต ในระบบทางเดินอาหาร ทำให้เกิดโรคต่างๆ ได้แก่ โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน บิด ไทฟอยด์ อาหารเป็นพิษ จากการรับประทานอาหาร หรือดื่มน้ำที่มีการปนเปื้อนของเชื้อโรคเข้าไป หรือจากการใช้ภาชนะที่ไม่สะอาด หรือผู้ปรุงอาหารไม่รักษาความสะอาด ทำให้มีอาการถ่ายเหลวกว่าปกติ เกิน 3 ครั้งต่อวัน หรือถ่ายเป็นน้ำ อาจมีไข้อาเจียน ปวดบิดในท้อง และหากติดเชื้อบิด อาจมีมูกหรือเลือดปนอุจจาระได้
การป้องกัน ระมัดระวังในเรื่องการรับประทานอาหารและดื่มน้ำให้ถูกหลักอนามัย บริโภคแต่อาหารที่ปรุงสุกใหม่ สะอาด ใช้ช้อนกลางแยกส่วนตัว และล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนรับประทานอาหาร
เชื้อไวรัสเดงกี (Dengue Virus) ทำให้เกิดโรคไข้เลือดออก ซึ่งมีด้วยกัน 4 สายพันธุ์และมียุงลายเป็นพาหะ ถือเป็นโรคระบาดหน้าฝนที่ต้องระวังให้ดี หลังจากถูกยุงลายที่มีเชื้อไวรัสเดงกีกัด ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูง (38.5-41 องศาเซลเซียส)แม้จะกินยาลดไข้แต่ไข้ก็มักจะไม่ลด รวมถึงมีอาการหน้าแดง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว เบื่ออาหาร ปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียน จากนั้นจะมีจุดแดงเล็กๆ ขึ้นตามลำตัว หรืออาจมีเลือดออกในกระเพาะอาหาร ถ่ายเป็นเลือด ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโดยด่วน
การป้องกัน อย่าปล่อยให้ยุงกัด และพยายามทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายให้หมดไป ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออก แต่ยังมีข้อโต้แย้งในเรื่องประสิทธิภาพและความปลอดภัย
เชื้อไวรัสในกลุ่มเอนเทอโรไวรัส (Entero Virus) และคอคซาคีไวรัส (Coxsackie Virus) ทำให้เกิดโรคมือ เท้า ปาก มักพบในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ซึ่งจะพบได้บ่อยในเด็กทารกและเด็กเล็ก ติดต่อด้วยการสัมผัสโดยตรงกับเชื้อไวรัสที่ออกมาทางน้ำลาย น้ำมูก การไอ จามรดกันหรืออุจจาระของผู้ป่วย โดยอาการเริ่มแรกเด็กจะมีไข้ อ่อนเพลีย เจ็บคอจากนั้นจะมีผื่นแดงอักเสบที่ลิ้น เหงือก และกระพุ้งแก้ม ต่อมาเกิดผื่นแดงที่ฝ่ามือและฝ่าเท้า ในบางรายอาจพบที่ก้นด้วย โดยผื่นที่เกิดขึ้นเหล่านี้จะกลายเป็นตุ่มพองใสและแตกออกเป็นแผลหลุมตื้นๆ บางครั้งเชื้อกลุ่มนี้อาจก่อโรครุนแรงภายในเช่นทำให้กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบได้
การป้องกัน ควรรักษาสุขอนามัยโดยการล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ หมั่นทำความสะอาดของเล่น และสิ่งแวดล้อมทุกวัน ควรระมัดระวังเรื่องความสะอาดของน้ำอาหาร และสิ่งของทุกๆ อย่างที่เด็กอาจนำเข้าปาก รวมถึงไม่ให้เด็กนำของเล่นที่อาจปนเปื้อนน้ำลายเข้าปาก หรือใช้อุปกรณ์การรับประทานอาหารร่วมกัน ที่สำคัญควรให้เด็กหลีกเลี่ยงการคลุกคลีหรือใกล้ชิดกับผู้ป่วย
เชื้อไวรัสกลุ่มอะดีโนไวรัส (Adeno Virus) เป็นเชื้อไวรัสที่เยื่อบุตาทำให้เกิดโรคตาแดง โดยเชื้อดังกล่าวจะที่อยู่ในน้ำสกปรกที่กระเด็นเข้าตา หรือจากมือที่ไปสัมผัสน้ำตา ขี้ตาของผู้ป่วยตาแดงที่อาจจะติดอยู่ตามสิ่งของต่างๆ แล้วนำมาขยี้ตา เชื้อโรคเหล่านี้ก็จะเข้าสู่ดวงตาทันที ทำให้เกิดอาการระคายเคืองในตา ตาจะเริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ จนแดงก่ำ หากมีเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย จะทำให้มีขี้ตาสีเหลือง หรือสีเขียวเกาะอยู่รอบๆ ดวงตาและขนตามากกว่าปกติ
การป้องกัน ควรหลีกเลี่ยงการใช้ของร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดหน้าและผ้าเช็ดตัว ควรล้างมือบ่อยๆ ถ้ามีน้ำสกปรกกระเด็นเข้าตา ควรล้างตาด้วยน้ำสะอาดทันที หากมีอาการผิดปกติควรรีบไปพบจักษุแพทย์
นอกจากนั้น ในช่วงนี้คงไม่ใครไม่รู้จัก “ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่” SARS-CoV-2 หรือ “ไวรัสโควิด-19” (COVID-19) ซึ่งระบาดหนักและเป็นปัญหาใหญ่ของหลายประเทศทั่วโลก ถึงแม้ว่าโรคนี้ส่วนใหญ่ ผู้ที่เป็นโรคประมาณ 80% จะไม่รุนแรงหรือมีอาการน้อยเหมือนไข้หวัดธรรมดา รักษาตามอาการก็หายได้ แต่ก็มีประมาณ 20% ที่โรคอาจมีความรุนแรง และประมาณ 3-5% อาจมีอาการปอดอักเสบรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ เชื้อไวรัสนี้สามารถแพร่กระจาย จากฝอยละอองการไอ จาม หรือสัมผัสกับสารคัดหลั่งของคนที่มีเชื้อ หรือตามพื้นผิวต่างๆ ที่มีการปนเปื้อนของเชื้อ ขณะนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคและถึงแม้ว่าจะมีข่าวดีว่ามีตัวยาที่ลดเชื้อไวรัสในผู้ป่วยที่ติดเชื้อได้ เช่น Favipiravir และ Remdesivir แต่ก็ยังไม่สรุปชัดเจนได้ว่ารักษาไวรัสโคโรนาได้ และไม่ได้มีใช้อย่างแพร่หลาย ดังนั้นคุณจึงควรป้องกันตัวเองเพื่อให้ห่างไกลจากไวรัสโคโรนานี้และป้องกันผู้อื่นในกรณีที่คุณไม่รู้ตัวเนื่องจากมีอาการน้อย โดยการสวมใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่ออยู่ในที่สาธารณะหมั่นล้างมืออย่างสม่ำเสมอ ด้วยสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจลที่มีความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ไม่ต่ำกว่า 70% รับประทานอาหารที่ปรุงสุก สะอาด งดอาหารดิบ รวมถึงงดเดินทางไปยังในพื้นที่เสี่ยงโรคระบาด เป็นต้น หากมีอาการแสดงว่าได้ติดเชื้อ เช่นไข้สูงมากกว่า 37.5 องศา ไอ เจ็บคออ่อนเพลีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ที่ไม่ดีขึ้นใน 3-5วัน หรือมีอาการไอหายใจหอบเหนื่อยขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์
แม้ทุกวันนี้คนเราจะต้องเผชิญกับมลภาวะเป็นพิษมากมาย และรอบๆ ตัวเรามีสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ ที่ตาเรามองไม่เห็นอย่างเชื้อโรคแพร่กระจายอยู่เต็มไปหมด แต่ถ้าเราหมั่นดูแลตัวเองและรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ มีสุขอนามัยใส่หน้ากาก ล้างมือ ก็จะช่วยให้เราห่างไกลจากโรคภัยและลดความเสี่ยง ในการติดเชื้อต่างๆ ได้ไม่ยากครับ
ผศ.(พิเศษ)ดร.อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์
ประธานกรรมการ มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี