ต้องยอมรับว่า วิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สร้างผลกระทบกับชีวิต รวมถึงเศรษฐกิจของผู้คนหลากหลายอาชีพในวงกว้าง รวมถึงภาคอุตสาหกรรมแฟชั่น การค้าขาย เปิดตัวคอลเล็คชั่นใหม่ อีเว้นท์ทั้งหมด ล้วนต้องหยุดชะงัก ทุกคนต้องหยุดเชื้อ เพื่อชาติ และอยู่กับบ้าน ดังนั้นจึงเป็นความจำเป็นที่ทุกคนต้องปรับตัว และหากลยุทธ์ใหม่ๆเพื่อรอเวลาจนกว่าโควิด -19 จะจางหายไป
แพร-วทานิกา ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา เจ้าของและดีไซน์เนอร์ แบรนด์ VATANIKA เจ้าของวลีสุดฮิต #สาจ๋า ก็เป็นหนึ่งในนั้น เธอเผยในนิตยสาร LIPS ฉบับล่าสุด ยอมรับว่าหลังจากที่ทราบข่าวก็ตกใจ แต่สามารถปรับตัวได้ เรียนรู้อย่างเท่าทันสถานการณ์
“ต้องบอกว่าแพรได้รับผลกระทบค่อนข้างสูงในแง่ของการใช้ชีวิตและธุรกิจ นะคะ สำหรับในแง่ของการใช้ชีวิต จากปกติเป็นคนนอยด์กับความสะอาดและเชื้อโรคต่างๆอยู่แล้ว อันนี้ก็มากขึ้นเป็นทวีคูณ ต้องมีการใส่หน้ากาก ใส่ถุงมือ ใส่ที่ครอบผม ติดเครื่องฟอาอากาศทุกที่ ล้างมือตลอดเวลา แล้วก็ระมัดระวังไม่ค่อยกล้าไปไหนเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะอยู่ที่บ้านรักษาระยะห่างกับคนอื่น
ส่วนผลกระทบในแง่ของธุรกิจอันนี้คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะน่าจะกระทบกันทั้งหมดอย่างทั่วถึง ไม่ว่าจะในระดับบ้านเราหรือในต่างประเทศ ทำให้เศรษฐกิจหยุดชะงัก ต้องมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานและการทำธุรกิจกันใหม่เลยทีเดียว
วงการแฟชั่นมีการปรับตัวค่อนข้างสูงจากปกติช่วงนี้จะเป็นช่วงจัดงานแฟชั่นโชว์ งานก็ต้องเลื่อนออกไป จากปกติคนสามารถเลือกซื้อสินค้าและลองใส่ได้ ก็ต้องเปลี่ยนเป็นดูทางออนไลน์แทน วิธีการขายต้องเปลี่ยนไป เป็นให้คนสามารถเห็นและตัดสินใจได้จากรูปเลยค่ะ
สิ่งที่แพรได้เรียนรู้จากเหตุการณ์ครั้งนี้หลักๆเลยคือแพรเข้าใจว่า มีสิ่งใหม่ที่เราต้องเรียนรู้อยู่เสมอ การยอมรับ การไม่ประมาท นำไปสู่การปรับตัว เพื่อให้อยู่รอดปลอดภัย เราควรจะมี evolve มีพัฒนาการใหม่ๆตลอดเวลา อย่างการประชุมออนไลน์ผ่านแอพลิเคชั่นต่างๆ ปกติ แพรเป็นคนไม่ค่อยทำอะไรแบบนี้อยู่แล้ว แต่ก็ต้องฝึก ต้องปรับตัว ต้องตรวจงาน ส่งงานกันทางออนไลน์
แพรเชื่อนะคะว่าหลังจบเรื่องนี้หลายๆอย่างคงมีการเปลี่ยนแปลง คงจะมีความเคยชินใหม่ วิธีการทำงาน วิธีการใช้ชีวิต น่าจะมีหลายอย่างที่ไม่เหมือนเดิม ต้องมารอดูกันต่อไปว่าจะเป็นอย่างไรค่ะ
ส่วนหมู-พลพัฒน์ อัศวะประภา แห่ง Asava Group เผยว่า เมื่อมีโคโรน่าไวรัส ก็ต้องยอมรับว่า ส่งผลกระทบ ไม่เฉพาะแค่ประเทศไทย แต่กระทบในระดับโลก เพราะฉะนั้น แผนที่เราตั้งเอาไว้ตั้งแต่ต้น ซึ่งเป็นปีที่เราต้องประหยัดค่าใช้จ่ายและพยายามมองหาการสร้างรายได้ในเชิงทดแทน ที่ใช้ต้นทุนที่ต่ำกว่าปกติอยู่แล้ว ก็ทำให้เราต้องวางแผนธุรกิจใหม่ ตั้งเป้ายอดขายใหม่....
สิ่งที่เราต้องทำคือหนึ่งมองหาวิธีสร้างรายได้ที่มีต้นทุนต่ำ สอง Revise ยอดขาย สามปรับเป้าการผลิตให้สอดคล้องกับเป้าของยอดขายใหม่ ซึ่งอาจจะปรับไม่ได้มากนักเพราะธุรกิจแฟชั่นก็ต้องมีการทำงานล่วงหน้า ผลิตล่วงหน้า เพราะฉะนั้นสิ่งต่างๆมันอาจจะทำไปแล้วบางส่วน แต่เราพยายามจะขยับปรับโปรดั๊กชั่นเราให้สอดคล้องกับเป้าหมายกับการขายให้ได้มากที่สุด ให้มี leftover ให้น้อยที่สุด ในขณะเดียวกันเราก็ต้องประหยัดค่าใช้จ่ายด้วย
ในสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ หลายๆคนบอกให้อยูเฉยๆหรือพยายามอย่าทำอะไร แต่ในทางธุรกิจแล้วการอยู่เฉยๆหรือการไม่ทำอะไรมันก็คือการถดถอย ฉะนั้นโจทย์สำคัญที่เราต้องพยายามหาคำตอบให้ได้คือ เราจะต้องสร้าง productivity และ efficiency ให้บริษัทอย่างไรให้เหมาะกับสภาวะเศรษฐกิจที่มีปัญหาเรื่องโคโรน่าไวรัสเช่นนี้เข้ามาเกี่ยวข้อง”
เส้นทางข้างหน้าอาจจะยังไม่แน่ชัดว่ามีอะไรรอเราอยู่ แต่หากปิดประตู ล็อคดาวน์ ธุรกิจ ปิดความคิดสร้างสรรค์ เป้าหมายที่ตั้งไว้คงไม่มีวันก้าวไปถึง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี