ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพชี้ว่า พฤติกรรมของชาวญี่ปุ่นที่นิยมสวมหน้ากากอนามัย และพฤติกรรมอื่นๆ ที่ค่อนข้างแตกต่างจากผู้คนในหลายประเทศ มีส่วนสำคัญที่ช่วยให้จำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในญี่ปุ่นไม่สูงเหมือนในสหรัฐและชาติอื่นๆ
สัปดาห์ที่ผ่านมา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์เจแปนไทมส์ รายงานอ้างข้อมูลจากคณะทำงานรับมือการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ของรัฐบาลญี่ปุ่น ที่แจกแจงถึงปัจจัยที่ส่งผลถึงการระบาดของเชื้อไวรัสในประเทศ ที่ตอนนี้มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 16,700 คน และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 850 คน โดยระบุว่า ความตระหนักด้านสุขอนามัยของชาวญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นการล้างมือบ่อยๆ และพฤติกรรมของชาวญี่ปุ่นที่นิยมสวมหน้ากากอนามัยในชีวิตประจำวันอยู่ก่อนแล้ว อันเป็นสิ่งที่แตกต่างจากผู้คนในสหรัฐและประเทศอื่นๆ ในยุโรป และอีกหลายชาติในเอเชีย เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และจำนวนผู้เสียชีวิตไม่สูงเหมือนในประเทศอื่นๆ โดยชาวญี่ปุ่นนิยมสวมใส่หน้ากากอนามัย เพราะหลายคนอาจแพ้ฝุ่นหรือเกสรดอกไม้ จึงนิยมสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการแพ้หรือเป็นหวัด
นอกจากนี้ ชาวญี่ปุ่นยังค่อนข้างทำตามข้อปฏิบัติเรื่องเว้นระยะห่างทางสังคม รวมถึงมีพฤติกรรมพูดคุยกันแบบเบาๆ ไม่ตะโกนเสียงดังโหวกเหวกโวยวายใส่กันเวลาพูดคุยเหมือนคนหลายชาติ ความเสี่ยงในการแพร่เชื้อจึงน้อยลง แม้ว่ารัฐบาลจะยังมีข้อจำกัดหลายอย่าง ทั้งไม่มีกฎหมายที่บังคับให้ผู้คนอยู่บ้านหรือบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ได้เหมือนในหลายประเทศ รวมถึงระบบสาธารณสุขที่ไม่สามารถรองรับผู้ป่วยได้เพียงพอ จนเกือบทำให้ระบบสาธารณสุขของประเทศล่มสลาย แต่เพราะทุกฝ่ายร่วมมือกัน ญี่ปุ่นจึงผ่านพ้นช่วงเวลาวิกฤติมาได้
คณะทำงานรับมือการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ของรัฐบาลญี่ปุ่น ยังเรียกร้องให้ชาวญี่ปุ่นปรับตัวให้กับความปกติใหม่ หรือ New Normalที่จะเกิดขึ้นหลังช่วงการระบาดของโควิด-19 ให้ได้โดยเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการทำงานจากบ้าน หลีกเลี่ยงการใช้บริการขนส่งสาธารณะในช่วงเวลาเร่งด่วน การชมและเชียร์กีฬาจากที่บ้าน ออกไปปาร์ตี้สังสรรค์กับเพื่อนร่วมงานหลังเลิกงานตามร้านเหล้าและบาร์เบียร์ให้น้อยลง ซึ่งก็หมายถึงการเว้นระยะห่างทางสังคม จนกว่าจะมียารักษาหรือวัคซีนป้องกันโควิด-19 ซึ่งคาดว่าต้องอาศัยเวลาอีกระยะหนึ่ง
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีข้อแนะนำด้านสุขอนามัยที่น่าสนใจของสมาคมสวนสนุกแห่งญี่ปุ่นตะวันออก และญี่ปุ่นตะวันตก ที่เพิ่งออกเอกสารที่มีชื่อว่า แนวทางป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 สำหรับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เตรียมกลับมาใช้บริการสวนสนุกหลายแห่งของญี่ปุ่นเช่น โตเกียว ดิสนีย์แลนด์ ดิสนีย์ ซีและยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เจแปนที่ต้องปิดทำการชั่วคราวตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ หลังเผชิญการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าว และเตรียมที่จะกลับมาเปิดรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง
แนวทางป้องกันก็เป็นเรื่องของการขอความร่วมมือให้สวนสนุกจำกัดจำนวนผู้เข้าชม ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายนักท่องเที่ยว รักษาระยะห่างระหว่างกัน 1 เมตร ขอให้นักท่องเที่ยวสวมใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือและใช้เจลแอลกอฮอล์ การเว้นที่นั่งให้ห่างกัน ขอให้เจ้าหน้าที่สวนสนุกระมัดระวังการเข้าไปสัมผัสนักท่องเที่ยวส่งเสริมให้ร้านค้าใช้ระบบการชำระเงินดิจิทัล และสนับสนุนการซื้อตั๋วเข้าชมล่วงหน้า
แต่ข้อกำหนดที่ได้รับความสนใจ คือ การออกกฎห้ามผู้เข้าชมสวนสนุก ตะโกน หรือส่งเสียงกรีดร้องระหว่างอยู่บนรถไฟเหาะตีลังกา หรือแม้แต่บ้านผีสิง รวมถึงเครื่องเล่นในร่ม เนื่องจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่สามารถติดต่อกันได้จากการที่ผู้ติดเชื้อไอ จามหรือพูดทำให้ผู้ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง หายใจเอาละอองฝอยของสารคัดหลั่ง เข้าไปในร่างกาย ซึ่งข้อกำหนดนี้ก็ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมาย ส่วนใหญ่ก็ไม่แน่ใจว่า เมื่อขึ้นไปอยู่บนรถไฟเหาะแล้วจะห้ามใจไม่ให้กรี๊ดได้หรือไม่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี