พวกเราก็พร้อมใจ “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ(โควิด-19) เพื่อชาติ” กันมาเป็นระยะเวลานานประมาณ 2 เดือนกว่าๆ แล้ว มาบัดนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ถูกควบคุมได้เป็นอย่างดี เพราะคนไทยทุกคนให้ความร่วมไม้ ร่วมมือร่วมใจ ดังนั้นประเทศไทยของเราจึงได้รับเสียงสรรเสริญจากนานาชาติว่า สามารถจัดการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสมรณะตัวนี้ได้ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
เมื่อเรา “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” มาระยะเวลาหนึ่ง เราทุกคนก็คงจะหวนถวิลถึงสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามที่เราเคยไปท่องเที่ยวมาแล้ว หลายคนอยากกลับไปสัมผัสความงามของสถานที่เหล่านั้นอีก เพราะในระยะนี้ การเดินทางท่องเที่ยวไปในต่างประเทศ ยังเป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ง่ายมากนักเพราะหลายประเทศโดยเฉพาะในยุโรปตะวันตกยังมีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 อยู่ ส่วนในสหรัฐอเมริกานั้น ไม่ต้องพูดถึงเลย เพราะบัดนี้ประเทศสหรัฐฯ กลายเป็นดินแดนที่มีคนเสียชีวิตเพราะเชื้อโควิด-19 มากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของโลกไปตั้งนานแล้ว ซึ่งหลายคนไม่เชื่อว่าเรื่องร้ายแรงเช่นนี้จะเกิดกับประเทศมหาอำนาจยักษ์ใหญ่อันดับหนึ่งของโลก แต่มันก็เป็นไปแล้ว ส่วนจะเป็นเพราะอะไร ระหว่างความบกพร่องของรัฐบาลที่ทำหน้าที่ดูแลประชาชนได้เลวร้าย หรือเป็นเพราะประชาชนไม่ให้ความร่วมมือกับรัฐบาล (ไม่ว่ารัฐบาลกลาง หรือรัฐบาลมลรัฐ) ในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสตัวนี้ ก็ต้องไปว่ากันตามเนื้อผ้ากันอีกที
เรากลับมาพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวในบ้านในเมืองของเราดีกว่า เพราะเมืองไทยมีสถานที่ท่องเที่ยวงดงามมากมาย ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติ และสถานที่ท่องเที่ยวที่มนุษย์สรรค์สร้างขึ้นมา เรียกได้ว่าเราสามารถจะเที่ยวเมืองไทยได้ทุกวัน หากเรามีเวลา มีกำลังกาย รวมถึงกำลังเงินที่พร้อม
วันนี้ผมจะพาคุณไปเที่ยวเกาะสีชัง (อีกครั้ง) เพราะหลายคน (โดยเฉพาะผู้อ่านแนวหน้าที่อยู่ในกรุงเทพฯ) บอกว่าอยากไปรับลมทะเล อยากไปเที่ยวในสถานที่ซึ่งผู้คนไม่พลุกพล่าน และอยากไปชื่นชมสถานที่ประวัติศาสตร์ แต่ขอเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากเกินไปนัก เพราะไม่อยากเดินทางไกลมากๆ เมื่อผมได้รับโจทย์มาเช่นนี้ก็นึกถึงเกาะสีชังขึ้นมาโดยพลัน เพราะตอบโจทย์ที่ได้รับมาทุกข้อ
อันที่จริง เมื่อก่อนจะเกิดวิกฤติโควิด-19ระบาดในเมืองไทย ผมได้นำคณะเล็กๆ ไปเที่ยวชม และพักบนเกาะสีชังมาแล้ว หลายคนประทับใจมาก หลายคนบอกว่าไม่เคยรู้มาก่อนว่าสีชังคือแหล่งประวัติศาสตร์ และไม่เคยรู้ว่ามีพระจุฑาธุชราชฐานบนเกาะแห่งนี้
พระจุฑาธุชราชฐานคือพระราชวังฤดูร้อนที่สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) แต่ครั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์ ร.ศ. 112 ขึ้น พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง เช่น พระที่นั่งมันธาตุรัตนโรจน์ แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นำไปสร้างพระที่นั่งวิมานเมฆ ณ พระราชวังดุสิต ดังนั้นปัจจุบันจึงพบเพียงฐานของพระที่นั่งพระองค์เดิมปรากฏอยู่ ส่วนสิ่งปลูกสร้างสำคัญอื่นๆ ในเขตพระราชฐานเดิมที่ยังคงปรากฏในปัจจุบัน คือ เรือนวัฒนา เรือนเสาวภา เรือนอภิรมย์ เรือนเขียวสะพานอัษฎางค์ และยังมีพุทธสถานสำคัญคือ พระเจดีย์อุโบสถวัดอัษฎางคนิมิตร
ตามประวัติศาสตร์ระบุว่า ในปี 2435 รัชกาลที่ 5 เสด็จแปรพระราชฐานไปยังเกาะสีชัง ในขณะนั้นพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระวรราชเทวี ทรงพระครรภ์ใกล้มีพระประสูติการ ดังนั้น รัชกาลที่ 5 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชฐานขึ้นแล้วพระราชทานนามว่า พระจุฑาธุชราชฐาน ตามพระนามสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลกประกอบไปด้วย พระที่นั่ง 4 องค์ คือ พระที่นั่งโกสีย์วสุภัณฑ์ พระที่นั่งมันธาตุรัตนโรจน์ พระที่นั่งโชติรสประภาต์ และพระที่นั่งเมขลามณี และมีตำหนัก 14 ตำหนัก มีชื่อคล้องจองดังนี้ วาสุกรีก่องเก็จ เพ็ชรระยับ ทับทิมสด มรกตสุทธิ์ บุษราคัม ก่ำโกมิน นิลแสงสุก มุกดาพราย เพทายใส ไพฑูรย์กลอก ดอกตะแบกลออ โอปอล์จรูญ มูลการะเวก เอกฟองมุก
สำหรับคุณที่เคยไปชมพระราชฐานแห่งนี้มาแล้ว คงประทับใจในบรรยากาศ และยังคงจำภาพดอกลั่นทมที่บานสะพรั่งทั่วเขตพระราชฐาน ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ขจรขจายไปทั่วบริเวณ (หากไปในยามดอกลั่นทมบาน) และคงประทับใจกับภาพหมูป่าตัวน้อยตัวใหญ่ที่เดินกันอย่างสำราญใจในที่แห่งนี้ แต่หากคุณยังไม่เคยไปสัมผัสความงามของพระจุฑาธุชราชฐานผมขอเรียนเชิญครับ
หากคุณสนใจอยากไปสัมผัสความงดงามของพระราชฐานแห่งนี้กับ Mr.Flowerโปรดติดต่อ 091-7233615 เน้นว่าเราไปท่องเที่ยวกันเพียงกลุ่มเล็กๆ (6-10 คน) เท่านั้นครับ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี