เป็นเวลาต่อเนื่องกันสองสัปดาห์มาแล้วที่ Mr.Flower นำเสนอเรื่องราวที่แสนน่าสนใจของเกาะสีชังและตั้งใจว่าจะชักชวนคุณๆ ไปเที่ยวบนเกาะประวัติศาสตร์แห่งนี้ด้วยกัน
ล่าสุดสรุปกำหนดการเดินทางไปท่องเที่ยวเกาะสีชังเรียบร้อยแล้ว คือวันที่ 11-12 กรกฎาคม 2563 สาเหตุที่กำหนดช่วงเวลาดังกล่าวก็เพราะตรวจสอบสภาพดินฟ้าอากาศเรียบร้อยแล้ว โดยในช่วงนั้นปลอดฝน ทะเลสงบ และที่สำคัญคือไม่ใช่ช่วงวันหยุดยาวต่อเนื่อง (long weekend) ครั้งแรกตั้งใจจะไปเที่ยวแล้วนอนพักผ่อนบนเกาะสีชังเป็นเวลา 2 คืน แต่สมาชิกหลายรายเสนอแนะว่านอนแค่คืนเดียวก็พอแล้ว เพราะต้องการจะเน้นเฉพาะเขตประวัติศาสตร์ในพระจุฑาธุชราชฐานเท่านั้น และที่สำคัญคือตรงกับวันเสาร์-อาทิตย์ ทำให้ไม่ต้องลางานเมื่อสมาชิกสรุปตรงกันเช่นนี้ก็ทำให้ Mr.Flower กำหนดวันเดินทางไปเที่ยวเกาะสีชังเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ที่11-12 กรกฎาคม
ดังนั้นหากคุณๆ ท่านใดต้องการจะร่วมเดินทางไปท่องเที่ยวกับเรา โปรดติดต่อด่วนที่โทรศัพท์หมายเลข091-7233615 ขอเรียนย้ำเหมือนเช่นเคยว่า เราเดินทางกันเพียงกลุ่มเล็กๆ เท่านั้นครับ (รับสมาชิก 12 ท่าน) ส่วนเรื่องอาหารการกินและเรื่องที่พักนั้น รับรองว่าอาหารอร่อย ที่พักดี เพราะเราเที่ยวกันแบบกินดีอยู่ดี เน้นความเป็นกันเอง เที่ยวแบบสบายๆ ไม่รีบร้อน แต่เน้นเจาะลึกด้านประวัติศาสตร์ด้วยการเข้าไปสัมผัสกับแหล่งประวัติศาสตร์โดยตรง
สำหรับภาพสถานที่ต่างๆ ในพระจุฑาธุชราชฐานที่นำมาประกอบคอลัมน์ในวันนี้ เน้นการเปรียบเทียบให้เห็นว่าก่อนบูรณะกับเมื่อบูรณะเรียบร้อยแล้วทุกอย่างสวยงามวิจิตรเพียงใด โดยอาคารสำคัญๆ ที่นำมาให้ชมในวันนี้ก็คือ อาไศรยสถาน 3 หลัง คือเรือนวัฒนา (พระนามของสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี) เรือนผ่องศรี (พระนามของพระนางเจ้าเสาวภาผ่อนศรี พระวรราชเทวี พระราชอิสริยยศในขณะนั้น) และเรือนอภิรมย์ (พระนามของพระอรรคชายาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์) และยังมีเรือนไม้ริมทะเลหรืออาคารเขียว สะพานอัษฎางค์ ฐานของพระที่นั่งมันธาตุรัตนโรจน์ (ซึ่งพระที่นั่งองค์นี้ได้ถูกรื้อลงแล้วนำไปสร้างเป็นพระที่นั่งวิมานเมฆในพระราชวังดุสิตต่อมา) พระอุโบสถวัดอัษฎางคนิมิตรและเจดีย์เก่าแก่ที่มีมาก่อนก่อสร้างพระจุฑาธุชราชฐาน
พระจุฑาธุชราชฐานนี้ตั้งขึ้นตามพระนามสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก และในเขตพระราชฐานแห่งนี้ยังมีพระที่นั่งองค์อื่นๆ อีกคือ พระที่นั่งโกสีย์วสุภัณฑ์ พระที่นั่งมันธาตุรัตนโรจน์ พระที่นั่งโชติรสประภาต์ พระที่นั่งเมขลามณี แต่พระที่นั่งทั้งหมดนั้นมิได้ปรากฏอยู่อีกต่อไป
แล้วหลังจากวิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 เมื่อปี พ.ศ. 2436 การก่อสร้างต่างๆ ในเขตพระราชฐานแห่งนี้ก็ยุติลง และพระจุฑาธุชราชฐานแห่งนี้ก็มิได้ถูกใช้เป็นพระราชฐานในการเสด็จแปรพระราชฐานนับแต่นั้นมา แล้วถูกปล่อยร้างให้ทรุดโทรมลง จนกระทั่งในที่สุดจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้รับมอบสิทธิ์ใช้ที่ดินบางส่วนจากกรมธนารักษ์ เพื่อทำสถานีวิจัยวิทยาศาสตร์ทางทะเล และเป็นศูนย์ฝึกนิสิต และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยังทำหน้าที่ดูแลรักษาพระจุฑาธุชราชฐานด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี