เมื่อสองวันก่อน ศาลฎีกาสหรัฐ เพิ่งลงมติด้วยคะแนนเสียงข้างมากหวุดหวิด 5 ต่อ 4 เสียง ปฏิเสธคำขอระงับโครงการคุ้มครองต่างด้าวที่อพยพเข้าสหรัฐอย่างผิดกฎหมายตั้งแต่วัยเด็ก (Deferred Action for Childhood Arrivals Program -DACA) ซึ่งริเริ่มขึ้นเมื่อปี 2555ในสมัยของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา เพื่อคุ้มครองไม่ให้เด็กที่อพยพเข้าสหรัฐอย่างผิดกฎหมายพร้อมกับครอบครัวต้องถูกเนรเทศจากสหรัฐ รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะยกเลิกโครงการดังกล่าว ศาลฎีกาไม่เล่นด้วย ถือเป็นการปิดฉากสัปดาห์อันน่าผิดหวังแบบสุดๆ ของทรัมป์ เพราะต้องยอมรับว่า ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีสำหรับทรัมป์สักเท่าไหร่
สัปดาห์นี้ สถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐยังไม่มีวี่แววทุเลาลง แม้ทรัมป์จะให้สัมภาษณ์ยืนยันเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ว่า โควิด-19 กำลังค่อยๆ จางหายไป แต่ตัวเลขผู้ติดเชื้อกลับมีทิศทางสูงขึ้น
สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า มีถึง10 รัฐ ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากเป็นประวัติการณ์ในสัปดาห์นี้ ขณะที่อีก23 รัฐ จำนวนผู้ติดเชื้อมีทิศทางเพิ่มขึ้นโดยรัฐที่กำลังมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นมาก คือ เท็กซัส ฟลอริดา และแอริโซนา ซึ่งล้วนเป็นรัฐที่ปลดล็อกมาตรการคุมเข้มเป็นกลุ่มแรกๆ และยังเป็นรัฐ battleground สำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีในรอบนี้ด้วยนอกจากนี้ หลายรัฐและทางการท้องถิ่นบางเมืองเริ่มเรียกร้องให้มีการกลับมาใช้มาตรการคุมเข้มอีกรอบแล้ว ก่อนที่ระบบสาธารณสุขจะล้นทะลักจนรับมือไม่ไหว ซึ่งเป็นเรื่องที่ทรัมป์ไม่ต้องการได้ยินเท่าไหร่นัก เพราะมีนโยบายเปิดเศรษฐกิจ และเตรียมเดินหน้าแคมเปญหาเสียงเลือกตั้งแล้ว
ขณะเดียวกัน ยังเริ่มมีการปล่อยเนื้อหาในหนังสือที่นายจอห์น โบลตัน อดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ ของทรัมป์ออกมา ซึ่งล้วนเป็นเนื้อหาที่โจมตีนายทรัมป์อย่างเจ็บแสบ และอาจนำไปสู่ปัญหาทางการเมืองได้ นายโบลตันระบุในหนังสือว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่สนใจเรื่องการปกครองใดๆ และไม่รับรู้แม้กระทั่งเรื่องพื้นฐานของนโยบายต่างประเทศ เข่น คิดว่าฟินแลนด์เคยเป็นของรัสเซีย จำชื่อประธานาธิบดีอดีตและปัจจุบันของอัฟกานิสถานสลับกันบ่อยๆ ทั้งที่สหรัฐเข้าไปทำสงครามมากว่า 17 ปี / บอกว่าการได้บุกรุกเวเนซุเอลาเป็นเรื่องที่สุดยอด อยากเป็นมิตรกับ คิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ จะพยายามส่งซีดีของเอลตัน จอห์น พร้อมลายเซ็นไปให้ซึ่งถือว่าเป็นการละเมิดมาตรการคว่ำบาตร
แต่ประเด็นที่ละเอียดอ่อนและอาจส่งผลต่อสถานะทางการเมืองของทรัมป์ คือ การที่นายโบลตันแฉว่าทรัมป์พยายามขอให้ประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง ของจีน ซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐให้มาก เพื่อที่จะได้ช่วยให้เขาชนะการเลือกตั้งอีกสมัย นอกจากนี้ โบลตันยังยืนยันด้วยว่า ทรัมป์ได้กดดันรัฐบาลยูเครนจริงๆ โดยระงับการให้ความช่วยเหลือด้านการทหารต่อยูเครน เพื่อและกับการที่ยูเครนต้องส่งข้อมูลอื้อฉาวของนายโจ ไบเดน ว่าที่ผู้สมัครชิงประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต
บีบีซีระบุว่า นายโบลตันเป็นอดีตเจ้าหน้าที่อาวุโสสุดที่ออกมาแฉนายทรัมป์ เพียงไม่ถึง 5 เดือนก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งถือว่าไม่ดีกับนายทรัมป์เท่าไหร่นัก สำหรับหนังสือเล่มนี้มีกำหนดวางแผนวันอังคารหน้า แต่แค่ปล่อยน้ำจิ้มออกมา ก็ขึ้นอันดับหนึ่งสั่งซื้อของเว็บไซต์แอมะซอนไปแล้ว
เรื่องลบหลายต่อหลายเรื่องที่ประเดประดังเข้ามาแทบจะพร้อมๆ กันทำให้โพลล์หลายสำนัก เปิดเผยคะแนนนิยมในตัวทรัมป์ ที่พบว่าตอนนี้ นายโจไบเดน กำลังมีคะแนนนิยมนำแซงหน้าเขาแล้ว โดย Real Clear Politics รายงานว่า ส่วนต่างของคะแนนนิยมระหว่างไบเดนกับทรัมป์เริ่มขยายกว้างเรื่อยๆ จาก 5.3% เป็น 8.5% เมื่อสิ้นเดือนพฤษภาคม นอกจากนี้ 67%ของชาวอเมริกันที่ตอบแบบสอบถาม ระบุว่า พวกเขาคิดว่าประเทศกำลังเดินไปผิดทาง
ตัวเลขจากโพลล์ถือว่าเป็นตัวเลขที่น่ากังวลสำหรับประธานาธิบดีที่ลงชิงตำแหน่งอีกสมัย โดยสาเหตุหลักมาจากความล้มเหลวในการรับมือวิกฤติโควิด-19 และการรับมือการประท้วงต่อต้านการเหยียดผิวจากกรณีการเสียชีวิตของจอร์จฟลอยด์
สถานการณ์นี้เริ่มทำให้นักการเมืองฝั่งรีพับลิกันเริ่มเป็นกังวลว่าจะรักษาที่นั่งเสียงข้างมากในวุฒิสภาไว้ได้หรือไม่ ขณะที่ความหวังในการได้ที่นั่งในสภาล่าง เพิ่มเพื่อให้ได้เสียงข้างมากแทนพรรคเดโมแครตก็ดูเลือนรางไปด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี