ศ.ดร.สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี พระราชทานโครงการบำเพ็ญพระกุศลฯ วันคล้ายวันประสูติ ‘โครงการตรวจภูมิคุ้มกันต่อโรค COVID-19 ในชุมชนชาวไทย’
พระปณิธานของ ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระ
ศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารีองค์ประธานราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ องค์กรที่ทรงตั้งใจจัดตั้งขึ้นเพื่อถวาย พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ตามพระราชปณิธานที่ทรงมุ่งหวังให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดี และมีคุณภาพชีวิตที่ได้มาตรฐาน โดยราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์จะเป็นศูนย์กลางการเรียนการสอนและการวิจัยที่สร้างบัณฑิตและพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ วิทยาศาสตร์ สาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม ที่มีจิตในการทำประโยชน์ให้ผู้อื่นก่อนคิดถึงประโยชน์ของตัวเอง พร้อมบริการสังคมด้วยความรู้ความชำนาญคุณธรรมจริยธรรม จิตอาสา ความมุ่งมั่นและด้วยความเป็นเลิศในวิชาชีพเพื่อทุกชีวิตในสังคม อีกทั้ง เป็นสถาบันที่ให้บริการทางการแพทย์ด้วยมาตรฐานสากลแก่ประชาชนอย่างไม่หวังผลกำไรโดยเฉพาะผู้ที่ยากไร้และด้อยโอกาสเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยทั้งประเทศ
เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ 4 กรกฎาคม 2563 ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี โปรดเกล้าฯ ให้ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ จัดโครงการบำเพ็ญพระกุศลฯ วันคล้ายวันประสูติ 4 กรกฎาคม 2563 ตรวจภูมิคุ้มกันต่อโรค COVID-19 ให้กับประชาชนไทย 15,000 ราย โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สนองพระปณิธานขององค์ประธานราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ที่ทรงห่วงใยสุขภาพอนามัยประชาชน โดยจะทรงบำเพ็ญพระกุศลวันคล้ายวันประสูติ ด้วยโครงการบำเพ็ญพระกุศลต่างๆ ต่อเนื่องมาทุกปี
ทั้งนี้ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ โดย คณะแพทยศาสตร์และการสาธารณสุข และฝ่ายวิจัยนวัตกรรมและวิเทศสัมพันธ์
วิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ จัดโครงการบำเพ็ญพระกุศลฯ วันคล้ายวันประสูติ “โครงการตรวจภูมิคุ้มกันต่อโรค COVID-19 ในชุมชนชาวไทย” ซึ่งเป็นโครงการตรวจคัดกรองหาภูมิคุ้มกันต่อโรค COVID-19 ให้กับประชาชนชาวไทย อายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไปที่ไม่เคยมีประวัติติดเชื้อ COVID-19 จำนวนทั้งสิ้น 15,000 ราย โดยมี ศาสตราจารย์ นายแพทย์นิธิ มหานนท์เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ พร้อมด้วยศาสตราจารย์ ดร.แพทย์หญิงจิรายุ เอื้อวรากุล คณบดีคณะเเพทยศาสตร์และการสาธารณสุข วิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์วิสุทธิ์ ล้ำเลิศธน รองคณบดีคณะแพทยศาสตร์และการสาธารณสุขร่วมให้รายละเอียดโครงการ ณ ห้องประชุมใหญ่ ชั้น 3 สำนักงานราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ แจ้งวัฒนะ
ศาสตราจารย์ นายแพทย์นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เผยถึงพระกรุณาธิคุณใน ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารีกรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารีองค์ประธานราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ว่าทรงห่วงใยถึงสุขภาพของประชาชนชาวไทยจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 โดยที่ผ่านมา ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานความช่วยเหลือต่างๆ ทางด้านการแพทย์ ด้วยทรงตระหนักถึงสุขอนามัยของประชาชนเป็นสำคัญ และยังทรงมีพระดำริให้ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ให้การสนับสนุนในทุกๆ ด้านอย่างเต็มกำลังเพื่อช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ และผู้ป่วยในชุมชนโดยรอบของโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ รวมถึงโรงพยาบาลต่างๆ ในท้องถิ่นห่างไกลเพื่อให้ความช่วยเหลือกระจายสู่โรงพยาบาลต่างๆที่ขาดแคลนทั่วประเทศ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ 4 กรกฎาคม ของทุกปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปีพ.ศ.2552 ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี จะทรงบำเพ็ญพระกุศล ด้วยโครงการบำเพ็ญพระกุศลฯ พระราชทานที่กอปรด้วยคุณประโยชน์ทั้งต่อผู้ป่วยและประชาชน
“สำหรับโครงการบำเพ็ญพระกุศลฯเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ ในปี 2563 นี้ ได้พระราชทานโครงการบำเพ็ญพระกุศล “โครงการตรวจภูมิคุ้มกันต่อโรค COVID-19 ในชุมชนชาวไทย” ซึ่งจะดำเนินการโดยคณะแพทยศาสตร์และการสาธารณสุข และฝ่ายวิจัยนวัตกรรมและวิเทศสัมพันธ์ วิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ในฐานะที่เราเป็นสถาบันการศึกษาวิจัยด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และการแพทย์ชั้นนำ ซึ่งมีพันธกิจสำคัญในด้านการศึกษาค้นคว้าวิจัย เพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่และต่อยอดการนำผลการวิจัยไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชนและประเทศชาติซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นการช่วยเหลือประชาชนชาวไทยให้ได้รับโอกาสในการเข้าถึงบริการตรวจหาภูมิคุ้มกันต่อโรคCOVID-19 สนองพระปณิธานขององค์ประธานราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ที่ทรงห่วงใยสุขภาพอนามัยประชาชน อีกทั้ง เพื่อเพิ่มโอกาสการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อให้กับชุมชน โดยศึกษาข้อมูลตามหลักทฤษฎี Herd immunity หรือ ภูมิคุ้มกันของกลุ่มประชากร เป็นสถานการณ์ที่สัดส่วนของประชากรในพื้นที่หนึ่งที่มีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อในจำนวนมากจนเชื้อไวรัสไม่สามารถแพร่กระจายหรือถูกส่งผ่านต่อไปยังผู้อื่นได้เท่ากับว่าชุมชนนั้นก็จะสามารถป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อทางอ้อมได้ ยกตัวอย่าง หากในพื้นที่ชุมชนหนึ่งมีคนติดเชื้อและประชาชนที่อยู่ในชุมชนไม่มีภูมิคุ้มกันเลย การติดเชื้อมันจะแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็วกระจายเป็นโดมิโน แต่ถ้าเกิดมีคนที่มีภูมิคุ้มกันกลุ่มหนึ่งมากั้นการแพร่กระจายไว้เชื้อไวรัสจะหยุดการแพร่กระจายต่อคนที่มีภูมิคุ้มกันแล้ว ดังนั้น หากในชุมชนมีประชากรประมาณ 60-80% มีภูมิคุ้มกันต่อโรค การป้องกันการติดเชื้อในประชากรจะถูกควบคุมได้เร็วและง่ายขึ้น”
ด้าน ศาสตราจารย์ ดร.แพทย์หญิง จิรายุ เอื้อวรากุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์และการสาธารณสุข วิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับโครงการบำเพ็ญพระกุศลฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า คณะแพทยศาสตร์และการสาธารณสุข และฝ่ายวิจัยนวัตกรรมและวิเทศสัมพันธ์ได้รับมอบหมายให้ประสานงานการจัดทำโครงการบำเพ็ญพระกุศลฯ “โครงการตรวจภูมิคุ้มกันต่อโรค COVID-19 ในชุมชนชาวไทย” ในปีนี้ โดยโครงการมีเกณฑ์กำหนดให้ประชาชนที่สนใจเข้าร่วมจะต้องเป็นผู้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป และไม่เคยมีประวัติติดเชื้อ COVID-19 มาก่อน
“เรามีการแบ่งพื้นที่ชุมชนในการออกหน่วยให้บริการตามพื้นที่ต่างๆ โดยเลือกตัวแทนจากภาคต่างๆ ของประเทศไทย เลือกจังหวัดที่มีการติดเชื้อสูงก่อน เช่น ในกรุงเทพมหานครที่เขตชุมชนเคหะหลักสี่ ซึ่งเป็นชุมชนโดยรอบโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ชานเมืองเราก็เลือกไปที่จังหวัดปทุมธานี ตัวแทนของภาคกลางเราเลือกที่จังหวัดชัยนาท เพราะว่าเป็นจังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์ ภาคตะวันออกเลือกไปที่ปราจีนบุรี และภาคอีสานไปที่นครราชสีมาและร้อยเอ็ด ส่วนภาคใต้ไปที่ภูเก็ตเพราะว่าเป็นจังหวัดที่มีการติดเชื้อสูงอีกจังหวัดหนึ่ง เพื่อเป็นการเปรียบเทียบว่าจังหวัดที่มีการติดเชื้อสูงกับจังหวัดที่มีการติดเชื้อต่ำมีความแตกต่างมากน้อยแค่ไหนกับจังหวัดที่อยู่โดยรอบมีผลกระทบมีคนติดเชื้อไปหรือยัง ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะช่วยทำให้เรารู้ว่าในประเทศไทยภาคต่างๆ มีคนติดเชื้อไปมากน้อยแค่ไหนแล้ว
รวมถึงในโครงการยังเปิดรับอาสาสมัครจากทั่วประเทศเปิดให้ลงทะเบียนผ่านช่องทางออนไลน์และมาเข้ารับการตรวจที่ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ โดยจะใช้ระยะเวลาดำเนินโครงการ 1 ปี เพื่อตรวจให้กับอาสาสมัครผู้เข้าร่วมโครงการ จำนวน 15,000 ราย ซึ่งจะได้รับการตรวจจำนวน 2 ครั้ง ระยะเวลาห่างกัน 6 เดือน ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับการตรวจภูมิคุ้มกันต่อโรค COVID-19 และทราบผลว่ามีภูมิคุ้มกันหรือไม่ และจากข้อมูลดังกล่าวจะทำให้เราทราบความชุกของการเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ต่อโรค COVID -19 ในชุมชนและภาพรวมของประเทศ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการใช้มาตรการควบคุมการระบาดของ COVID-19 ในอนาคตต่อไป”
ขณะที่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์วิสุทธิ์ ล้ำเลิศธน รองคณบดีคณะเเพทยศาสตร์และการสาธารณสุขกล่าวในตอนท้ายว่า “โครงการบำเพ็ญพระกุศลฯ “โครงการตรวจภูมิคุ้มกันต่อโรค COVID-19 ในชุมชนชาวไทย” ให้บริการตรวจหาภูมิคุ้มกันต่อโรค COVID-19 ในชุมชนชาวไทยในชุมชนตามจังหวัดต่างๆ ทั่วทุกภูมิภาคเพื่อกระจายโอกาสในการเข้าถึงการตรวจที่ทันสมัยลงไปสู่ชุมชน ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของระบบสุขภาพที่แข็งแกร่งในอนาคต โดยการตรวจดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อผู้เข้าร่วมโครงการเอง รวมถึงครอบครัวและชุมชนนั้นๆ ซึ่งคณะทำงานของโครงการยังได้ลงพื้นที่ไปให้ความรู้ที่ถูกต้องกับบุคลากรด้านสาธารณสุขในพื้นที่ห่างไกล เพื่อช่วยส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนได้มีความเข้าใจในโรคนี้มากยิ่งขึ้นเพื่อเตรียมรับมือและหาวิธีป้องกันได้นอกจากนี้ เรายังได้นำข้อมูลมาเพื่อศึกษาวิจัยถึงสัดส่วนของผู้ที่มีภูมิคุ้มกันโรค COVID-19 ในคนปกติว่ามีสัดส่วนเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งหมด ตามหลักทฤษฎี Herd immunity ซึ่งหมายความว่าถ้ามีคนในประเทศ 100 คนกลุ่ม 100 คนนี้ ต้องมีภูมิต้านทานอย่างน้อย60-80% เป็นภูมิคุ้มกันหมู่ที่จะทำให้โรคไม่ระบาด และข้อมูลที่ได้ยังสามารถนำไปเป็นข้อมูลบ่งชี้การดำเนินไปข้างหน้าของการระบาดในประเทศไทยด้วย เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อระบบสาธารณสุขในระดับนโยบายของประเทศชาติได้ในอนาคต”
ทั้งนี้ โดยสรุปภาพรวมการแบ่งสัดส่วนพื้นที่การให้บริการจะแบ่งออกเป็นชุมชนเคหะหลักสี่ กรุงเทพมหานครจำนวน 2,000 ราย จังหวัดร้อยเอ็ด จำนวน 2,000 ราย จังหวัดน่าน จำนวน 2,000 ราย จังหวัดชัยนาท จำนวน 2,000 ราย จังหวัดปทุมธานี จำนวน 1,000 ราย จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 1,000 ราย จังหวัดปราจีนบุรี จำนวน 1,500 ราย จังหวัดภูเก็ต จำนวน 1,500 ราย และเปิดรับอาสาสมัครจากทั่วประเทศ จำนวน 2,000 รายรวมทั้งหมด 15,000 ราย
ประชาชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการบำเพ็ญพระกุศลฯ “โครงการตรวจภูมิคุ้มกันต่อโรค COVID-19 ในชุมชนชาวไทย” สามารถลงทะเบียนออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์ covid19.cra.ac.th โดยราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์จะเปิดให้ผู้ที่
สนใจลงทะเบียนออนไลน์ในวันที่ 4 กรกฎาคม 2563 ตั้งแต่เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป จนกว่าจะเต็มจำนวน และจะเริ่มให้บริการตรวจแก่ผู้เข้าร่วมโครงการตั้งแต่วันที่ 8 กรกฎาคม 2563 เป็นต้นไป สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.02-5766401
จากแนวพระดำริ พระวิสัยทัศน์และพระปณิธาน ตลอดจนการอุทิศพระองค์เพื่อประชาชนของศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี องค์ประธานราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ แสดงให้เห็นถึงพระปรีชาสามารถในการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างแท้จริง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี