นายวีระวัฒน์ อ่วมสร้อย
ปตท.สผ.โครงการเอส 1 และสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) จังหวัดกำแพงเพชร ร่วมสืบสานพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ด้านการอนุรักษ์ลุ่มน้ำมาปฏิบัติ เพื่อแก้ปัญหาดิน น้ำ ป่า คน อย่างยั่งยืนขับเคลื่อนโครงการ “โคก หนอง นาโมเดล” หรือ “หลุมขนมครก”สนับสนุนเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชร น้อมนำเกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ผสมกับภูมิปัญญาพื้นบ้านมาปฏิบัติจริง ส่งผลให้ชาวบ้านพึ่งพาตัวเองได้และมีน้ำใช้ตลอดปี ซึ่งในปี 2563 มีการขยายผลสร้างคน สร้างแปลงตัวอย่าง เพื่อต่อยอดศาสตร์พระราชา พร้อมเพิ่มโครงการธนาคารน้ำใต้ดิน รองรับสถานการณ์ภัยแล้ง เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในพื้นที่อย่างยั่งยืน
นายวีระวัฒน์ อ่วมสร้อย ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายปฏิบัติการผลิตโครงการเอส 1 เผยว่า เพื่อส่งเสริมการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน ปตท.สผ. ได้ขับเคลื่อนโครงการ “โคก หนอง นา โมเดล”มาตั้งแต่ปี 2561 โดยน้อมนำเกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงผสมกับภูมิปัญญาพื้นบ้าน ซึ่งในระยะแรกได้สนับสนุนเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชรเข้ารับการอบรมสร้างความรู้และลงมือปฏิบัติจริงในแปลงต้นแบบ 4 แปลงที่สถาบันเศรษฐกิจพอเพียงและมูลนิธิกสิกรธรรมชาติ จากความสำเร็จในแปลงต้นแบบ ทำให้ชาวบ้านพึ่งพาตัวเองได้ ที่สำคัญมีน้ำใช้ตลอดปี ซึ่งในปี 2563 นี้ มีการขยายผลสร้างคนสร้างแปลงตัวอย่างที่ทำโคก หนอง นา โมเดล เพื่อต่อยอดศาสตร์พระราชาแล้ว11 แปลง โดย ปตท.สผ.สนับสนุนงบประมาณกว่า 1.6 ล้านบาท และเพื่อบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในพื้นที่อย่างยั่งยืน เมื่อเดือนเมษายน ที่ผ่านมา ปตท.สผ. จึงได้เพิ่มโครงการธนาคารน้ำใต้ดินจังหวัดกำแพงเพชร จำนวน 3 แปลงด้วย
สมศักดิ์ การเจริญกุลวงศ์
“ทุกวันนี้เกษตรกรสามารถต่อยอดและยืนด้วยขาของตัวเองได้โดยเฉพาะเกษตรกรรุ่นใหม่ ทุกแปลงที่ทำโคก หนอง นา และธนาคารน้ำจะเป็นต้นแบบ ขยายผลเชื่อมโยงเป็นระบบ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระดับนโยบาย ซึ่งธนาคารน้ำใต้ดินที่กระจายทั่วพื้นที่จะแก้ไขปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งได้ทั้ง 2 โครงการ ปตท.สผ.จะติดตามผลการทำงานอย่างต่อเนื่องและพร้อมปรับเปลี่ยนแผนให้เหมาะสม”
ด้าน นายสมศักดิ์ การเจริญกุลวงศ์ ปฏิรูปที่ดินจังหวัดกำแพงเพชร กล่าวว่า “โคก หนอง นา โมเดล” เป็นการนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) ทั้งเกษตรทฤษฎีใหม่ เกษตรผสมผสาน และวนเกษตร มาประยุกต์ให้เข้ากับภูมิปัญญาพื้นบ้านที่อยู่อย่างสอดคล้องกับธรรมชาติในพื้นที่ จากนั้นธรรมชาติจะจัดการดูแลตัวเอง
โคก หนอง นา จะจัดแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วน 30:30:30:10 ดังนี้30 เปอร์เซ็นต์ สำหรับแหล่งน้ำ โดยการขุดบ่อทำหนองและคลองไส้ไก่30 เปอร์เซ็นต์ สำหรับทำนา ปลูกข้าว30 เปอร์เซ็นต์ สำหรับทำโคกหรือป่าปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง ก็คือปลูกไม้ใช้สอย ไม้กินได้และไม้เศรษฐกิจ เพื่อให้ได้ประโยชน์ คือ มีกิน มีอยู่ มีใช้มีความสมบูรณ์และความร่มเย็น และ10 เปอร์เซ็นต์ สำหรับที่อยู่อาศัย และเลี้ยงสัตว์ เช่น ไก่ ปลา วัว และควาย เป็นต้น
ขวัญเรือน ใจไหม
“เริ่มจากทำโคกปลูกผัก ไม้กินได้ ไม้เศรษฐกิจ ถัดมาทำนา ยกคันนาหัวสูงเพื่อเก็บน้ำฝน และอีกส่วนทำแหล่งน้ำขุดบ่อทำหนอง ซึ่งทุกบ้านจะมีป่าบนโคกมีหนองน้ำประจำบ้านเป็นที่เก็บน้ำ มีท้องนาที่มีหัวไร่ปลายนา ก็เป็นที่เก็บน้ำเอาไว้ น้ำในท้องนาก็เยอะ หญ้าไม่ขึ้น ไม่ต้องใส่ยาใส่ปุ๋ย ในหลวง ร.9 พระราชทานแนวคิดทำให้ตัวเองพออยู่พอกิน ปลูกทุกอย่างที่กิน”
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า ส.ป.ก. ได้นำเกษตรกรไปฝึกอบรมเพื่อพัฒนา จำนวน 31 คน ที่ศูนย์เรียนรู้ชุมชนต้นน้ำน่าน จ.น่าน และคัดเลือกเกษตรกรที่มีความพร้อมมั่นใจจะเดินตามศาสตร์พระราชา ไปเรียนรู้ที่ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง จ.ชลบุรี โดยได้รับการสนับสนุนจาก ปตท.สผ. ซึ่งปัญหาหลักของกำแพงเพชรคือ ปัญหาน้ำหลาก ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังทำให้ระบบนิเวศเสียหาย ส่วนช่วงหน้าแล้งแม่น้ำลำธารก็แห้งขอด เราจึงนำศาสตร์พระราชาส่งเสริมและปรับปรุงพื้นที่ในแปลงเกษตร เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งอย่างยั่งยืน
ส่วนการเพิ่มธนาคารน้ำใต้ดิน นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ในปี 2563 นี้ กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่าประเทศไทยต้องเผชิญฝนแล้งยาวนานจนถึงเดือนมิถุนายน โดยคาดว่าปริมาณฝนจะต่ำกว่าค่าปกติ ร้อยละ 5 จึงได้ทำโครงการธนาคารน้ำขึ้นเพื่อบริหารจัดการน้ำรองรับสถานการณ์ดังกล่าว โดยดำเนินการสร้างแปลงต้นแบบทั้งหมด 3 แปลง คือ ธนาคารน้ำระบบเปิด 1 แปลง และธนาคารน้ำระบบปิด2 แปลง ซึ่งการขุดหรือเจาะบ่อธนาคารน้ำขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่ เพราะต้องยึดหลักการตามหลักอุทกธรณีวิทยา แต่จะไม่ลึกเกิน 10 เมตร ซึ่งทฤษฎีดังกล่าวได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้มาจากสถาบันน้ำนิเทศศาสนคุณ ของ หลวงพ่อสมาน สิริปัญโญ และองค์การบริหารส่วนตำบลวังหามแห จ.กำแพงเพชร
ยศพล บุญศิลประสิทธิ์
ด้าน นางขวัญเรือน ใจไหม ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 ต.คลองพิไกร อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร และเป็นเกษตรกรหญิงที่น้อมนำศาสตร์พระราชามาแก้ปัญหาดิน น้ำ ป่า และเป็นผู้ทดลองโครงการธนาคารน้ำใต้ดินระบบเปิดในแปลงเกษตรของตนเอง เล่าว่า เดิมปลูกพืชเชิงเดี่ยวทำให้ประสบปัญหาดินเสื่อมโทรม จึงหันมาปลูกพืชไม้ผลและเริ่มทำเกษตรอินทรีย์ แต่ต้องมาเจอปัญหาน้ำท่วมขังและฝนแล้งทุกปีได้แต่แก้ปัญหาเฉพาะหน้า ต่อมาได้ไปอบรมศาสตร์พระราชาที่ จ.น่าน และเรียนรู้การพัฒนาแปลงเกษตรด้วยระบบกสิกรรม ตลอดจนการบริหารจัดการน้ำจากนั้นปี 2561 จึงเริ่มปรับพื้นที่ขุดบ่อทำหนอง ทำคลองไส้ไก่ และปลูกไม้กินได้เช่น ละมุด มะพร้าว กล้วย ไผ่ ส่วนในหนองน้ำก็ปล่อยพันธุ์ปลาลงไปให้ธรรมชาติดูแลตัวเอง
ต่อมาปี 2562 กำแพงเพชรเจอภัยแล้งหนัก ถึงจะมีน้ำใช้แต่ก็ไม่ได้วางใจ กระทั่ง ปตท.สผ.เสนอให้ทำธนาคารน้ำ พร้อมส่งไปดูงานที่สถาบันน้ำหลวงพ่อสมานเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี’63 ก็รู้สึกทึ่งกับหลักการออมน้ำไว้ใต้ดิน จึงตัดสินใจขุดบ่อเจาะสะดือบ่อลึก 10 เมตร พื้นที่กว้างปากบ่อ 30x40 เมตร เพราะมั่นใจว่าเราจะผ่านไปได้ด้วยศาสตร์พระราชา
ขณะที่ นายยศพล บุญศิลประสิทธิ์เกษตรกรรุ่นใหม่ กล่าวว่า อยากค้นหาตัวเอง เมื่อจบ ม.6 จึงออกไปหางานทำ รู้สึกว่างานไม่ก้าวหน้า จึงตัดสินใจกลับมาทำสวน และมีโอกาสศึกษาแนวพระราชดำริในหลวง ร.9 จากนั้นปี 2561 ก็ได้ทุนจากกระทรวงเกษตรฯ ไปฝึกงานด้านเกษตรที่ญี่ปุ่น 11 เดือน หลังจากกลับมาก็ได้นำความรู้มาพัฒนาผลผลิตของตนเองให้ได้มาตรฐาน ต่อมาปี 2563 ได้เข้าร่วมโครงการ “โคก หนอง นา โมเดล” และได้ไปอบรมและฝึกปฏิบัติที่ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้องเพิ่ม จึงรู้ว่านี่คือศาสตร์ของความอยู่รอด และมีวิธีจัดการที่ลุ่มที่ดอนอย่างสมดุล ทำให้เรามีชั่วโมงทำงานน้อยลง แต่มีคุณภาพมากขึ้นมีเวลาไปศึกษาเพิ่มเติม
“เดิมแม่ทำไร่มันสำปะหลังและปลูกอ้อย ผมหันมาทำเกษตรทฤษฎีใหม่ปลูกกล้วยน้ำว้า กล้วยไข่ ปลูกไผ่ปลูกพืชผักด้วย ขุดบ่อทำหนองคดโค้งรอบพื้นที่ พื้นมีระดับเพื่อให้เป็นที่อยู่ของปลา อึ่ง และช่วยชะลอน้ำได้ รวมถึงปลูกป่าต้นไม้ สภาพแวดล้อมก็ฟื้นฟูขึ้นมา”
เกษตรกรในโครงการ โคก หนอง นา โมเดล คลองพิไกร พรานกระต่าย
แปลงตัวอย่างโคก หนอง นา โมเดล ของขวัญเรือน ใจไหม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี