Ancient clothes
ใน Museum of Decorative Art ของจัดแสดงอย่างหนึ่งที่อาจมีได้แต่ไม่บ่อยนักนั่นคือ เสื้อผ้า ทั้งนี้เพราะมิวเซียมในยุโรปมักนำเสนอเสื้อผ้าในMuseum of Textile แยกต่างหาก อย่างไรก็ดีMuseum of DecorativeArt Barcelona กลับมีนิทรรศการวิวัฒนาการเสื้อผ้าด้วยจึงเป็นโอกาสดีสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะได้มีโอกาสศึกษาเรื่องเสื้อผ้าไปในตัว เป็นที่ทราบกันดีว่า มนุษย์เกิดมาพร้อมร่างกายที่เปลือยเปล่า จวบจนกระทั่งอีฟผู้หญิงคนแรกของโลกไม่เชื่อฟังพระเจ้าและทำผิดด้วยการกินแอปเปิ้ล มนุษย์คู่แรกของโลกจึงรู้สึกอายและหาหนังสัตว์มาปกปิดร่างกาย มนุษย์จึงกลายเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวในโลกที่รู้จักหาสิ่งปกปิดร่างกายส่งผลให้มนุษย์ทนหนาวได้ดีขึ้นสามารถเดินทางไกลและย้ายถิ่นฐานง่ายขึ้น
Renaissance Clothes
ไม่เพียงมนุษย์จะใช้หนังสัตว์และขนสัตว์เป็นเครื่องห่อหุ้มร่างกายแล้ว พวกเขายังใช้ทำที่นอน และยังนำกระดูกมาทำเข็มอีกด้วย โดยมีหลักฐานเข็มเล่มแรกที่ใช้เย็บหนังสัตว์มากกว่า 1 ชิ้นเข้าด้วยกัน หลังจากนั้นมนุษย์ก็เริ่มรู้จักการเย็บ การถักและการทอ พวกเขาจึงนำขนสัตว์ ผมสัตว์มาถักทอ นักโบราณคดีบางกลุ่มเชื่อว่ามนุษย์มีเสื้อผ้าสวมใส่มากว่า 650,000 ปีแล้ว พวกเขาได้พัฒนาสิ่งห่อหุ้มร่างกายมากขึ้นด้วยการใช้พืช ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของพืชโดยมีหลักฐานค้นพบหูกทอผ้าด้วยมือบริเวณตะวันออกกลางในราว 8 พันปีก่อนคริสตกาลอีก 2 พันปีต่อมามนุษย์เริ่มใช้เทคโนโลยีการทอโดยมีหลักฐานผ้าฝ้ายที่ถูกพัฒนาจากฝีมือคนอียิปต์ราว 5 พันปีก่อนคริสตกาล และอีก 1 พันปีต่อมาก็พบผ้าไหมจากฝีมือชาวจีน ส่วนผ้าขนสัตว์พบได้3 พันปีก่อนคริสตกาล เมื่อจีนพัฒนาผ้าไหมได้ก็กลายเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญของประเทศ และสามารถดำเนินนโยบายแบบผู้ค้ารายเดียวนานกว่า 2,700 ปี เพราะไม่มีประเทศใดผลิตได้เลยจวบจนญี่ปุ่นสามารถขโมยไข่ตัวไหมไปเลี้ยงได้ และชาวจีนที่ถูกคนญี่ปุ่นจับตัวไปถูกบังคับให้สอนการทอผ้าไหมให้คนญี่ปุ่น
Chinese silk
หลังการพัฒนาผ้าก็ถึงการพัฒนาแบบเสื้อผ้า มนุษย์สามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างและภาพลักษณ์ผ่านทางทรงผม เครื่องประดับ รอยสักและเสื้อผ้า การแต่งกายในแต่ละช่วงอายุจะสัมพันธ์กับจริยธรรม สังคม และสุนทรียภาพ แฟชั่นเป็นตัวกำหนดมาตรฐานของคำว่าสวยงาม เสื้อผ้าไม่เพียงสามารถปกปิดร่างกายเท่านั้น ยังสามารถเปลี่ยนแปลงสัดส่วนของร่างกาย และยังสามารถเปลี่ยนความสัมพันธ์ระหว่างผู้สวมใส่กับสิ่งแวดล้อมและผู้คนได้ด้วย การแต่งกายถือเป็นศิลปะแขนงหนึ่ง ช่างตัดเสื้อสมัยเรอเนสซองส์ค้นพบเทคนิคการตัดเสื้อผ้าให้พอดิบพอดีหรือแม้แต่กดรัดบางส่วนให้เล็กลงได้ ผู้หญิงในสมัยนั้นจึงมักใส่กระโปรงยาวในขณะที่ผู้ชายโชว์ขา ด้านในของเสื้อผ้าบางชนิดใช้เพื่อเปลี่ยนแปลงให้รูปร่างใหญ่ขึ้นหรือเล็กลง ในคริสต์ศตวรรษที่ 16-17 แฟชั่นของชาวสเปนก็เลียนแบบราชวงศ์ยุโรปอื่นๆ ในขณะที่แฟชั่นในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 18 จะเน้นไปที่การเลียนแบบฝรั่งเศส ยิ่งเมื่อ นโปเลียนชนะสงครามและเป็นผู้ปกครองยุโรป การแต่งกายของประเทศต่างๆ ก็ต้องให้ความสำคัญกับ ฝรั่งเศส ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องเสื้อยกทรงรัดรูปของสตรี กระโปรงยกสะโพก หรือแม้แต่รองเท้าส้นสูง เสื้อผ้าก็ดูจะตัดเย็บง่ายขึ้นเลียนแบบเทพเจ้ากรีก เสื้อผ้าผู้หญิงก็เปลี่ยนไปโดยให้เอวถูกยกขึ้นไว้ระดับใต้อก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี