จากความสำคัญของเมืองเก่า-กำแพงเก่าที่มีการสำรวจและพบในจังหวัดต่างๆ นั้น ทำให้กรมธนารักษ์ ซึ่งมีหน้าที่ดูแลที่ดินราชพัสดุนั้นมีโครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมและรักษาไว้เป็นหลักฐานของเมือง อาทิตย์นี้ได้ตามรอยหาภูมิเมืองของจังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นจังหวัดหนึ่งในภาคกลางตอนบนของประเทศไทย มีพื้นที่ประมาณ ๑๒,๖๖๘ ตารางกิโลเมตร งานนี้ คุณชุติมา ศรีปราชญ์ รองอธิบดีกรมธนารักษ์และคณะ ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ จัดการประชาสัมพันธ์และถ่ายทอดองค์ความรู้ “บอกเล่าเรื่อง เมืองเพชรบูรณ์” ขึ้น ด้วยเหตุที่เมืองเพชรบูรณ์ในชื่อเดิมจากจารึกลานทองที่พบ ณ วัดมหาธาตุนั้นระบุว่า “เพชบุระ” ซึ่งพื้นที่แห่งนี้มีป่าเขากว้างใหญ่อันอุดมสมบูรณ์ด้วยพืชไร่และทรัพยากรทางธรรมชาติสมกับชื่อ เพชปุระ หรือเมืองพืชไร่ในอดีต
คณะวิทยากร
รองอธิบดีกรมธนารักษ์และคณะ
ด้วยความเอาใจใส่จากบุคลากรในพื้นที่จึงทำให้เมืองแห่งนี้มีความสำคัญจากร่องรอยของโบราณสถานที่เหลืออยู่ เช่น กำแพง ป้อมคูประตูรบและโบราณสถานในอดีต ประกอบกับความสนใจใคร่รู้ของ คุณวิศัลย์ โฆษิตานนท์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ จึงทำให้เกิดแหล่งเรียนรู้ขึ้นหลายแห่งที่น่าจะเป็นเมืองต้นแบบให้เมืองอื่นๆ ที่จมปรักตามปกติวิสัยนั้นกลับฟื้นคืนชีวิตประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมให้ได้เรียนรู้และสร้างงานเพื่อสืบสาน รักษาและต่อยอดได้เองจากข้อมูลความรู้และคุณค่าของพื้นที่ จนสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวชุมชนให้เกิดความประทับใจได้ดี
ดังปรากฏแหล่งเรียนรู้หลายแห่ง เช่น พุทธอุทยานเพชบุระ หอโบราณคดีเพ็ชรบูรณ์ อินทราชัยหอวัฒนธรรมนครบาลเพชรบูรณ์ หอเกียรติยศเพชบุระ หอภูมิปัญญาและวิถีชาวบ้านเพชรบูรณ์ หอนิทรรศน์กำแพงเมืองขึ้น ท่ามกลางกำแพงเมืองเก่า และวัดในอดีต คือ วัดมหาธาตุวัดพระแก้ว วัดไตรภูมิ วัดเพชรวราราม ซึ่งล้วนแล้วเป็นหลักฐานบอกความเป็นเมืองเก่าตั้งแต่ครั้งสุโขทัย และสมัยอยุธยา โดยเฉพาะแนวกำแพงเมืองยุคสุโขทัยที่มีการสร้างขึ้นยาว ๘๐๐ เมตร และกำแพงเมืองสมัยอยุธยา กว้างยาว ๕๐๐ เมตร สืบต่องานโบราณคดีจากเมืองอภัยสาลี หรือเมืองศรีเทพครั้งขอมโบราณมีอำนาจเมื่อ ๑,๐๐๐ ปีมาแล้ว และเกี่ยวเนื่องมายังเมืองโบราณนครเดิดที่สร้างเมื่อครั้งพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ มีอำนาจเข้ามายังดินแดนนี้และได้สร้างรูปศิลาไว้ด้วย
ส่วนเมืองเพชรบูรณ์วันนี้เกิดเมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ได้มีการปฏิรูปการปกครองจากเดิมให้เป็นแบบเทศาภิบาลเมื่อ พ.ศ.๒๔๔๒ โดยตั้งมณฑลเพชรบูรณ์ขึ้น ทำให้มีการโอนเมืองหล่มสักอำเภอหล่มเก่า อำเภอวังสะพุง และยุบเมืองวิเชียรบุรีเป็นอำเภอ โอนอำเภอบัวชุม อำเภอชัยบาดาลขึ้นกับมณฑลเพชรบูรณ์ ต่อมา พ.ศ.๒๔๔๗ ได้ยุบมณฑลเพชรบูรณ์ และกลับมาตั้งขึ้นใหม่เป็นมณฑลเพชรบูรณ์อีกครั้งใน พ.ศ.๒๔๕๐ และยุบอีกครั้งในปี พ.ศ.๒๔๕๙ ขณะนั้นมี ๔ อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง อำเภอวัดป่า (คือตำบลในอำเภอหล่มสัก) อำเภอวิเชียรบุรี และกิ่งอำเภอชนแดน จนกระทั่งยกเลิกการปกครองแบบเทศาภิบาลในปี พ.ศ.๒๔๗๖
ปัจจุบันพื้นที่ของเพชรบูรณ์มีส่วนที่กว้างที่สุดวัดจากทิศตะวันออกถึงทิศตะวันตกยาว ๕๕ กิโลเมตร และยาวที่สุดวัดจากทิศเหนือ ถึงทิศใต้ยาว ๒๙๖ กิโลเมตร โดยมีอาณาเขตติดต่อพื้นที่ต่างๆ ในหลายจังหวัด เช่น เลย ขอนแก่น ชัยภูมิ ลพบุรี พิษณุโลก พิจิตร และนครสวรรค์ ด้วยเหตุที่เป็นพื้นที่ราบลุ่มแบบท้องกระทะนั้นทำให้เป็นพื้นที่มีทั้งเนินเขา ป่าสูง และที่ราบอยู่สลับซับซ้อนเป็นช่วงๆ ทำให้เกิดพื้นที่ลาดชันจากเหนือลงไปใต้มีทิวเขาสูงทางตอนเหนือ มีพื้นที่ราบ ตอนกลางและมีเทือกเขาขนาบกันไปทั้งสองข้างเป็นรูปเกือกม้านั้น จึงมีแม่น้ำป่าสักเป็นแม่น้ำสำคัญไหลจากเลย เพชรบูรณ์ ไปสู่พื้นที่ภาคกลางสู่แม่น้ำเจ้าพระยา อันเป็นปัจจัยให้พื้นดินแห่งนี้มีทรัพยากรธรรมชาติเกิดขึ้นมากมาย มีสภาพดินที่สภาพอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูกพืชทำการเกษตรมีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยสมบูรณ์จากแหล่งน้ำธรรมชาติคือแม่น้ำป่าสักลุ่มน้ำเชิญ ลุ่มน้ำเข็ก ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำของแม่น้ำสายต่างๆ จนได้รับการเรียกขานว่าเมืองนี้เป็น “เมืองมะขามหวาน อุทยานน้ำหนาว ศรีเทพเมืองเก่า เขาค้ออนุสรณ์ นครพ่อขุนผาเมือง” และ “สวิตเซอร์แลนด์แดนอีสาน”
กำแพงเมืองที่เหลืออยู่
กำแพงเมืองอยุธยา
เจดีย์สุโขทัยวัดมหาธาตุ
หลักเมืองตั้งบนป้อมเก่า
เจดีย์สุโขทัย
แม่น้ำป่าสักในอดีต
แนวกำแพงสุโขทัย-อยุธยา
ปรางค์อยุธยาวัดไตรภูมิ
ภูเขาป่าไม้อุดมสมบูรณ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี