ช่วงเวลาที่มีการระบาดของไวรัสโควิด-19 นี้หันไปทางไหนก็เต็มไปด้วยผู้คนที่ต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย และพกพาเจลแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อติดตัวเป็นอาวุธประจำกาย รวมถึงการเก็บตัวอยู่บ้านกลัวจะติดทั้งตนเองและครอบครัว ตลอดจนคนรอบข้างอยู่นี้ ได้ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตในทุกด้าน แถมยังสร้างความวิตกกังวลในสังคมอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพ ชีวิตการทำงาน สภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ หากเราเสพข้อมูลข่าวสารเหล่านี้มากเกินไปก็คงหนีไม่พ้นภาวะเครียด กดดัน หรือรู้สึกตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน
ข้อมูลจาก ผศ.นพ.สเปญ อุ่นอนงค์ จิตแพทย์ เปิดเผยว่า การดูแลสุขภาพจิตให้แข็งแรงจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ เนื่องจากสุขภาพจิตมีผลต่อความรู้สึก ความคิดและการตอบสนองต่อสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น หากเรามีสุขภาพจิตที่แข็งแกร่งก็จะสามารถจัดการกับปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตได้เป็นอย่างดีรวมถึงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้คนรอบตัวด้วย
ในทางกลับกัน หากเรามีสุขภาพจิตที่ไม่ดี นอกจากจะส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวันแล้ว ยังส่งผลต่อสุขภาพกายด้วย ไม่ว่าจะเป็น อาการนอนไม่หลับ หรือนอนมากเกินไป เบื่ออาหาร หรือรับประทานอาหารมากจนเกินไปอ่อนเพลีย ระบบทางเดินอาหาร ระบบย่อยอาหารปั่นป่วน มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็ง ไมเกรน ความดันโลหิตสูง เบาหวาน หรือโรคซึมเศร้า เป็นต้น
ดังนั้น การดูแลสุขภาพจิตของเราให้แข็งแรงและเบิกบานจึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะช่วยให้เราสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุขมีสติปัญญาที่จะจัดการกับปัญหาต่างๆ ซึ่งถาโถมเข้ามาในชีวิตได้เป็นอย่างดี และนี่คือเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ที่ช่วยให้จิตใจของคุณกลับมาเข้มแข็ง พร้อมสู้กับสถานการณ์แย่ๆ ได้อีกครั้ง โดยเริ่มต้นจากตัวเราดังนี้
อยู่ด้วยสติ การดำเนินชีวิตด้วยการอยู่กับร่างกายและจิตใจของตัวเองอย่างมีสติ โดยหมั่นสังเกตพฤติกรรม ความคิดของตัวเอง เพราะการหมกมุ่นอยู่กับความคิดของตัวเองมากจนเกินไป เป็นสิ่งที่บั่นทอนจิตใจอย่างยิ่ง ดังนั้น หากเริ่มคิดกังวล ฟุ้งซ่าน ให้กำหนดสติอยู่กับลมหายใจของตัวเอง ดึงตัวเองมาอยู่ที่ลมหายใจทุกครั้งเมื่อรู้สึกตัว ก็จะช่วยลดความวิตกกังวลใจต่างๆ ออกไปได้และมีความสงบเพิ่มมากขึ้น
ดึงตัวเองให้หลุดพ้น เมื่อไหร่ที่รู้สึกว่ากำลังจมอยู่กับความคิดแย่ๆ หรืออะไรที่ทำให้เครียดก็หลีกเลี่ยงซะ ลองหยุดพักและให้เวลากับตัวเอง แค่สั้นๆ เพียง 5 นาที โดยไม่เอาใจไปจดจ่อกับสิ่งนั้นๆ หรือทำบางสิ่งบางอย่างที่ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้ เช่น รับประทานช็อคโกแลตสักชิ้น อ่านข้อความที่ให้กำลังใจ โทรศัพท์ไปหาเพื่อนหรือคนที่คุณรัก ออกไปเดินเล่น ปลูกต้นไม้สักต้น ฯลฯ ไม่สำคัญว่าสิ่งดีๆ นั้นจะเป็นอะไร ขอเพียงแต่ช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้น เพื่อปลดปล่อยตัวเองออกจากความท้อแท้ ผิดหวังความคิดลบนั้นๆ เมื่อรู้สึกดีขึ้นแล้ว จึงค่อยพาตัวเองกลับมาใช้ชีวิตตามปกติต่อไป
เปลี่ยนมุมมองเป็นแง่บวก ไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่จะมองเห็นแต่ความทุกข์จากปัญหาที่เกิดขึ้น เมื่อใดก็ตามที่คุณเริ่มมีความคิดด้านลบ ให้รีบถอนตัวออกมาทันทีและเปลี่ยนมุมมองเสียใหม่เปลี่ยนเรื่องเครียดๆ ที่เจอ หรือปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยการมองอีกด้านหนึ่งในแง่บวก พร้อมเรียนรู้กับสิ่งที่เกิดขึ้น ก็จะช่วยให้สถานการณ์ต่างๆ จะคลี่คลายลง ลดความวิตกกังวล แถมยังอาจจะพบเห็นโอกาสต่างๆ อีกมากมาย แล้วเราก็จะสามารถจัดการกับชีวิตให้ดีขึ้นต่อไปในวันข้างหน้าได้ไม่ยาก
ไม่ปล่อยให้ตัวเองเฉา ในช่วงที่เราไม่สามารถดำเนินชีวิตได้เหมือนเดิม หรือออกไปไหน ทำอะไรไม่ได้นั้น อย่าปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความเบื่อหน่าย ลองเปลี่ยนความสติแตกมาเป็นไอเดียอยู่บ้านให้แฮปปี้กันดีกว่า ด้วยการใช้ช่วงเวลานี้ทำในสิ่งที่อยากทำ แต่ยังไม่มีโอกาสได้ทำ เช่น เราเคยซื้อหนังสือไว้หยิบมาอ่านดีไหม หรือหลังจากปล่อยให้บ้านรกมานานได้เวลาเคลียร์ให้เป็นระเบียบซะที หรือเป็นโอกาสที่จะได้ฝึกทักษะใหม่ๆ จากในยูทูป เช่น เรียนทำอาหาร ทำเบเกอรี่ งานศิลปะ ฯลฯ รวมถึงทำกิจกรรมที่ชอบ ไม่ว่าจะเป็น การเล่นกีฬา ดนตรี อ่านหนังสือ ดูหนัง ดูซีรี่ส์ ถือเป็นเรื่องที่ช่วยให้เราหันเหออกจากความรู้สึกแย่ๆ ได้เป็นอย่างดี
อย่าลืมว่าเราไม่ได้อยู่คนเดียวช่วงนี้อาจกลายเป็นเวลาสำคัญที่เราจะได้ใช้เวลาร่วมกันระหว่างสมาชิกในครอบครัว หรือต่อให้คุณต้องอยู่ที่บ้านคนเดียว ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่สามารถติดต่อสื่อสารกับใครได้ เพราะนอกจากโทรศัพท์แล้ว เรายังสามารถพูดคุยกันผ่านโซเชียลทั้งการแชต เล่นไลน์ เล่นเฟซบุ๊ค คุยกันผ่านวิดีโอคอล ฯลฯ กับเพื่อนและครอบครัว เพื่อเป็นการลดความตึงเครียดจากตัวเอง และยังสร้างความเข้มแข็งทางจิตใจให้ก้าวผ่านความยากลำบากในช่วงเวลาแบบนี้ไปได้
สวดมนต์ทำสมาธิ ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยสร้างสุขภาพจิตที่ดีได้ เพราะเมื่อทำสมาธิจะทำให้เราเกิดความรู้สึกผ่อนคลาย สบายใจและมีสติกับเรื่องต่างๆ มากขึ้น แถมยังช่วยจัดการกับความเครียด ความกังวลได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย คุณอาจหาช่วงเวลาว่างๆ ตอนเช้า ตอนเย็นหรือก่อนนอนสักประมาณ 10-20 นาทีแค่ทำเป็นประจำ ก็จะช่วยเสริมสร้างสุขภาพจิตที่ดีได้ รู้เท่าทันอารมณ์ที่เกิดขึ้นจากปัจจัยภายนอกที่มากระทบ
หากวันนี้คุณเหนื่อยล้า ท้อแท้ใจกับเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านเข้ามา ขอให้นึกอยู่เสมอว่าทุกอย่างเริ่มจากใจและตัวเราเองหากเรามีวิธีคิดและรู้จักวิธีการรับมือที่ดี คุณก็จะมีจิตใจที่แข็งแกร่งพร้อมที่จะก้าวเดินต่อไปได้อย่างมีความสุข
สำหรับผู้ที่รักสุขภาพ มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ ร่วมกับ ชมรมโภชนวิทยามหิดล จะจัดคอร์สอบรมเรื่องการส่งเสริมสุขภาพและชะลอวัยด้วยอาหาร โภชนาการและสมุนไพร ครั้งที่ 3โดยมีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางระดับประเทศ ซึ่งจะจัดอบรมเสาร์อาทิตย์ 2 ครั้ง (4 วัน) คือวันที่ 21-22 และ 28-29 พ.ย.นี้ รายละเอียดที่ 086-3100047 หรือ www.facebook.com/pg/DDseminarThai
ผศ.(พิเศษ)ดร.อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์
ประธานกรรมการ มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี