วันพุธ ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ผู้หญิง
ตะลอนเที่ยว : พระราชวังสราญรมย์ by Mr. Flower

ตะลอนเที่ยว : พระราชวังสราญรมย์ by Mr. Flower

วันอาทิตย์ ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2556, 06.00 น.
Tag :
  •  

 

คนไทยรุ่นใหม่ไม่คุ้นเคยกับชื่อพระราชวังสราญรมย์ ทั้ง ๆ ที่พระราชวังแห่งนี้คือสถานที่ซึ่งล้นเกล้ารัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับ โดยพระราชทานนามว่าสราญรมย์ แต่เสด็จสู่สวรรคาลัยก่อนจะสร้างเสร็จ


วันนี้ Mr. Flower จะพาคุณ ๆ ไปรู้จักพระราชวังแห่งนี้ด้วยกัน

พระราชวังสราญรมย์ตั้งอยู่ระหว่างพระบรมมหาราชวังกับวัดราชประดิษฐ์ โดยตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของพระบรมมหาราชวัง สร้างในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนสองชั้น ออกแบบโดยนายเฮนรี อาลาบาศเตอร์ เริ่มก่อสร้างเมื่อ พ.ศ. 2409 โดยเจ้าพระยาบุรุษรัตนราชพัลลภ (เพ็ง) เป็นผู้ควบคุมการก่อสร้าง

เมื่อครั้งช่วงต้นรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระราชทานวังนี้เป็นที่ประทับชั่วคราวของเจ้านายเมื่อแรกออกจากวังหลวง ก่อนวังที่ประทับถาวรจะก่อสร้างแล้วเสร็จ อาทิ สมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ทรงเคยประทับเมื่อ พ.ศ. 2419 - 2424 ในระหว่างการก่อสร้างวังบูรพาภิรมย์

ต่อมาทรงโปรดเกล้าฯ ให้ใช้เป็นที่ประทับรับรองพระราชอาคันตุกะจากต่างประเทศ เช่น อาทิ เจ้าชายแห่งญี่ปุ่น และซาร์เรวิช หรือมกุฎราชกุมารแห่งรัสเซีย ซึ่งภายหลังเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2) และเจ้าชายจอร์จแห่งกรีซ ส่วนพระราชอาคันตุกะพระองค์แรกที่เสด็จมาประทับคือ เจ้าชายออสการ์ เมื่อ พ.ศ. 2427

ครั้น พ.ศ. 2428 พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นเทววงศ์วโรปการ รับตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงการต่างประเทศ แล้วขอพระราชทานวังสราญรมย์เพื่อเป็นที่ทำการของกระทรวงการต่างประเทศ แต่เมื่อกระทรวงการต่างประเทศย้ายไปอยู่ในเขตพระบรมมหาราชวัง ณ ตึกราชวัลลภ เมื่อพ.ศ. 2430 วังแห่งนี้จึงถูกใช้เป็นบ้านพักรับรองพระราชอาคันตุกะ เรื่อยมาจนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6

ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานวังสราญรมย์ให้เป็นที่ทำการของกระทรวงการต่างประเทศอีกครั้ง เนื่องจากตึกราชวัลลภในพระบรมมหาราชวังทรุดโทรมมาก

จากนั้นวังสราญรมย์ก็กลายเป็นที่ทำการถาวรของกระทรวงการต่างประเทศมาจนถึงพ.ศ. 2535 จึงย้ายกระทรวงการต่างประเทศไป ณ อาคารถนนศรีอยุธยาจนถึงปัจจุบันนี้ ปัจจุบันวังสราญรมย์คือพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์การทูตไทย และสถาบันฝึกอบรมข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ ส่วนวังสราญรมย์ที่ติดกับพระราชอุทยานสราญรมย์ถูกก่อสร้างเป็นทำเนียบองคมนตรี และอาคารราชเลขาธิการ และใช้เป็นที่ทำการของคณะองคมนตรีในปัจจุบัน

วังแห่งนี้เคยได้รับการบูรณะครั้งใหญ่ในปี พ.ศ.2441 ใช้เวลาประมาณ 1 ปี นายคาร์โล อาแลกรี ชาวอิตาลี เป็นผู้ออกแบบและควบคุมงานก่อสร้าง กรมโยธาธิการเป็นผู้ดำเนินการ ด้านหน้าของวังซึ่งเป็นส่วนที่ทำขึ้นใหม่ประกอบด้วยมุข 3 ด้าน ที่หน้าจั่วกลางซึ่งเป็นทางเข้าออกหลัก มีตราประจำพระองค์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งประกอบด้วย พระมหามงกุฏแวดล้อมด้วยเบญจปฎลเศวตฉัตร 1 คู่ อยู่ด้านบน ด้านล่างเป็นตราไอยราพต (ช้าง 3 เศียร) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของตราแผ่นดินสมัยรัชกาลที่ 4 อันมีความหมายถึงพระราชอาณาจักร ส่วนล่างสุดเป็นราชสีห์และคชสีห์ มุขอีกสองด้านซึ่งเป็นปีกอาคารด้านทิศเหนือและทิศใต้เป็นจั่วรูปสามเหลี่ยม มีตราพระเกี้ยวอยู่ตรงกลาง มุขทั้งสามนี้ชั้นบนทำเป็นระเบียง มีเสารับหน้าบัน ภายในตัวอาคารมีสนามตรงกลาง มีประติมากรรมประกอบน้ำพุซึ่งเป็นของเดิมแต่ครั้งเริ่มสร้าง ทางเดินชั้นบนเป็นระเบียงยาวเดินได้ตลอด ชั้นล่างมีคูหาเป็นช่อง มีประดับลายฉลุไม้ที่ชายคา

ภายในวังสราญรมย์ประกอบด้วยห้องซึ่งมีความงดงามอลังการจำนวนมาก โดยเฉพาะชั้นบนซึ่งเคยใช้เป็นห้องพักของพระราชอาคันตุกะหรือที่ประทับของพระบรมวงศานุวงศ์มาก่อน และบริเวณคอร์ทภายในซึ่งเป็นลานโล่งกว้าง มีประติมากรรมน้ำพุประดับ ส่วนห้องที่เปรียบเสมือนท้องพระโรงของวังสราญรมย์เคยใช้เป็นห้องลงนามในสนธิสัญญาสำคัญต่าง ๆ ที่หน้าห้องมีประตูบัวแก้วเป็นบานประตูไม้สัก 4 ชิ้น ส่วนบนเป็นรูปโค้ง มีลายแกะสลักฉลุสีทองเป็นตราบัวแก้วใหญ่ ตราบัวแก้วน้อย และดอกบัวหลวง

ความสำคัญอีกอย่างหนึ่งของวังสราญรมย์เมื่อครั้งยังเป็นที่ทำการกระทรวงการต่างประเทศคือเป็นที่ลงนามก่อตั้งสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียนในยุคเริ่มต้น ซึ่งมีสมาชิก 5 ประเทศคือ ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ โดยเป็นสถานที่ทำพิธีลงนามก่อตั้งอาเซียนตามปฏิญญากรุงเทพ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2510

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

'สว.นันทนา’ติง‘วุฒิสภา’ชงอภิปรายปม‘ชายเเดนไทย-กัมพูชา’เรื่องละเอียดอ่อนมากๆ

ฉีกปฏิญญาช็อกมินต์! ‘ภูมิธรรม’พลิ้วบอกไม่มีคุยแบ่งกระทรวง โวเขี่ย‘ภท.’ไร้ผลกระทบ

‘นันทนา’ตีฆ้องคิกออฟโมงยาม เริ่มต้นการจัดทำ‘รัฐธรรมนูญ’ใหม่

อัศจอรอหันการันต์ยอ! 'น้าหงา'ซัด'ภูมิใจไทย-เพื่อไทย'ห้ำหั่นแย่งเก้าอี้ เมินชายแดนตึงเครียด

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved