คนไทยรุ่นใหม่ไม่คุ้นเคยกับชื่อพระราชวังสราญรมย์ ทั้ง ๆ ที่พระราชวังแห่งนี้คือสถานที่ซึ่งล้นเกล้ารัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับ โดยพระราชทานนามว่าสราญรมย์ แต่เสด็จสู่สวรรคาลัยก่อนจะสร้างเสร็จ
วันนี้ Mr. Flower จะพาคุณ ๆ ไปรู้จักพระราชวังแห่งนี้ด้วยกัน
พระราชวังสราญรมย์ตั้งอยู่ระหว่างพระบรมมหาราชวังกับวัดราชประดิษฐ์ โดยตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของพระบรมมหาราชวัง สร้างในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนสองชั้น ออกแบบโดยนายเฮนรี อาลาบาศเตอร์ เริ่มก่อสร้างเมื่อ พ.ศ. 2409 โดยเจ้าพระยาบุรุษรัตนราชพัลลภ (เพ็ง) เป็นผู้ควบคุมการก่อสร้าง
เมื่อครั้งช่วงต้นรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระราชทานวังนี้เป็นที่ประทับชั่วคราวของเจ้านายเมื่อแรกออกจากวังหลวง ก่อนวังที่ประทับถาวรจะก่อสร้างแล้วเสร็จ อาทิ สมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ทรงเคยประทับเมื่อ พ.ศ. 2419 - 2424 ในระหว่างการก่อสร้างวังบูรพาภิรมย์
ต่อมาทรงโปรดเกล้าฯ ให้ใช้เป็นที่ประทับรับรองพระราชอาคันตุกะจากต่างประเทศ เช่น อาทิ เจ้าชายแห่งญี่ปุ่น และซาร์เรวิช หรือมกุฎราชกุมารแห่งรัสเซีย ซึ่งภายหลังเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2) และเจ้าชายจอร์จแห่งกรีซ ส่วนพระราชอาคันตุกะพระองค์แรกที่เสด็จมาประทับคือ เจ้าชายออสการ์ เมื่อ พ.ศ. 2427
ครั้น พ.ศ. 2428 พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นเทววงศ์วโรปการ รับตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงการต่างประเทศ แล้วขอพระราชทานวังสราญรมย์เพื่อเป็นที่ทำการของกระทรวงการต่างประเทศ แต่เมื่อกระทรวงการต่างประเทศย้ายไปอยู่ในเขตพระบรมมหาราชวัง ณ ตึกราชวัลลภ เมื่อพ.ศ. 2430 วังแห่งนี้จึงถูกใช้เป็นบ้านพักรับรองพระราชอาคันตุกะ เรื่อยมาจนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6
ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานวังสราญรมย์ให้เป็นที่ทำการของกระทรวงการต่างประเทศอีกครั้ง เนื่องจากตึกราชวัลลภในพระบรมมหาราชวังทรุดโทรมมาก
จากนั้นวังสราญรมย์ก็กลายเป็นที่ทำการถาวรของกระทรวงการต่างประเทศมาจนถึงพ.ศ. 2535 จึงย้ายกระทรวงการต่างประเทศไป ณ อาคารถนนศรีอยุธยาจนถึงปัจจุบันนี้ ปัจจุบันวังสราญรมย์คือพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์การทูตไทย และสถาบันฝึกอบรมข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ ส่วนวังสราญรมย์ที่ติดกับพระราชอุทยานสราญรมย์ถูกก่อสร้างเป็นทำเนียบองคมนตรี และอาคารราชเลขาธิการ และใช้เป็นที่ทำการของคณะองคมนตรีในปัจจุบัน
วังแห่งนี้เคยได้รับการบูรณะครั้งใหญ่ในปี พ.ศ.2441 ใช้เวลาประมาณ 1 ปี นายคาร์โล อาแลกรี ชาวอิตาลี เป็นผู้ออกแบบและควบคุมงานก่อสร้าง กรมโยธาธิการเป็นผู้ดำเนินการ ด้านหน้าของวังซึ่งเป็นส่วนที่ทำขึ้นใหม่ประกอบด้วยมุข 3 ด้าน ที่หน้าจั่วกลางซึ่งเป็นทางเข้าออกหลัก มีตราประจำพระองค์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งประกอบด้วย พระมหามงกุฏแวดล้อมด้วยเบญจปฎลเศวตฉัตร 1 คู่ อยู่ด้านบน ด้านล่างเป็นตราไอยราพต (ช้าง 3 เศียร) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของตราแผ่นดินสมัยรัชกาลที่ 4 อันมีความหมายถึงพระราชอาณาจักร ส่วนล่างสุดเป็นราชสีห์และคชสีห์ มุขอีกสองด้านซึ่งเป็นปีกอาคารด้านทิศเหนือและทิศใต้เป็นจั่วรูปสามเหลี่ยม มีตราพระเกี้ยวอยู่ตรงกลาง มุขทั้งสามนี้ชั้นบนทำเป็นระเบียง มีเสารับหน้าบัน ภายในตัวอาคารมีสนามตรงกลาง มีประติมากรรมประกอบน้ำพุซึ่งเป็นของเดิมแต่ครั้งเริ่มสร้าง ทางเดินชั้นบนเป็นระเบียงยาวเดินได้ตลอด ชั้นล่างมีคูหาเป็นช่อง มีประดับลายฉลุไม้ที่ชายคา
ภายในวังสราญรมย์ประกอบด้วยห้องซึ่งมีความงดงามอลังการจำนวนมาก โดยเฉพาะชั้นบนซึ่งเคยใช้เป็นห้องพักของพระราชอาคันตุกะหรือที่ประทับของพระบรมวงศานุวงศ์มาก่อน และบริเวณคอร์ทภายในซึ่งเป็นลานโล่งกว้าง มีประติมากรรมน้ำพุประดับ ส่วนห้องที่เปรียบเสมือนท้องพระโรงของวังสราญรมย์เคยใช้เป็นห้องลงนามในสนธิสัญญาสำคัญต่าง ๆ ที่หน้าห้องมีประตูบัวแก้วเป็นบานประตูไม้สัก 4 ชิ้น ส่วนบนเป็นรูปโค้ง มีลายแกะสลักฉลุสีทองเป็นตราบัวแก้วใหญ่ ตราบัวแก้วน้อย และดอกบัวหลวง
ความสำคัญอีกอย่างหนึ่งของวังสราญรมย์เมื่อครั้งยังเป็นที่ทำการกระทรวงการต่างประเทศคือเป็นที่ลงนามก่อตั้งสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียนในยุคเริ่มต้น ซึ่งมีสมาชิก 5 ประเทศคือ ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ โดยเป็นสถานที่ทำพิธีลงนามก่อตั้งอาเซียนตามปฏิญญากรุงเทพ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2510
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี