ความเป็นมาของบรรพบุรุษของผมเกี่ยวพันกับเครื่องหอมสารพัดชนิดมายาวนาน นับตั้งแต่ต้นตระกูลที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3จนกระทั่งมาถึงยุคผลิตยาหอมตราม้า สุคนธโอสถที่คนไทยรุ่นเก่ารู้จักกันดี ผมต้องการรักษาสายสกุลแห่งความหอมของตระกูลไว้ให้นานที่สุด แต่เป็นความหอมที่เข้ากันได้ดีกับยุคสมัยปัจจุบัน
แนวหน้าวาไรตี้สัปดาห์นี้ ดร.เฉลิมชัย ยอดมาลัย พาคุณไปสนทนากับ คุณดลชัย บุณยะรัตเวช หรือ พี่อั๋ย สุภาพบุรุษผู้มากความสามารถ โดยวันนี้พี่อั๋ยพาเราไปที่บ้านโบราณอายุร้อยปีเศษ ซึ่งเคยเป็นสถานที่ผลิตยาหอมตราม้ามายาวนาน แต่วันนี้บ้านหลังนี้มีชื่อใหม่ว่าบ้านยาหอม
บ้านหลังนี้อายุกี่ปีแล้วครับ แล้วในอดีตมีความเป็นมามีประวัติอย่างไรบ้างครับ
คุณดลชัย : อายุ 105 ปีครับ ในอดีตบ้านหลังนี้ชื่อบ้านบุณยะรัตเวช เป็นโรงงานผลิตยาหอมตราม้า สุคนธโอสถ ผลิตมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 จนถึงสมัยรัชกาลที่ 9 บรรพบุรุษของผมเป็นหมอยาสมุนไพร ลูกหลานเกือบทุกคนในตระกูลก็เรียนแพทย์ ยกเว้นคุณพ่อกับตัวผม สำหรับผมนับเป็นรุ่นที่ 5 ของตระกูล ปัจจุบันบ้านหลังนี้เปลี่ยนชื่อเป็นบ้านยาหอม แต่ไม่ได้ผลิตยาหอม โรงงานปิดตั้งแต่สมัยคุณปู่ เนื่องจากวัตถุดิบสำคัญที่ใช้ผลิตยาหอมซึ่งต้องนำเข้าจากอินเดียหาได้ยากมาก และต่อมามีพระราชบัญญัติห้ามตั้งโรงงานในเขตเกาะรัตนโกสินทร์ ครอบครัวเราจึงย้ายโรงงานไปย่านดาวคะนอง แต่ผลิตได้ไม่นานก็ต้องยุติ เพราะหาวัตถุดิบสำคัญในการผลิตยาหอมได้ยากมาก สรุปได้ว่าบ้านหลังนี้คือโรงงานผลิตยาหอมตราม้า แต่สุดท้ายเราก็ปิดบ้าน ปิดโรงงานโดยปิดบ้านทิ้งไว้ประมาณ 40 ปี แต่ยังเข้ามาดูบ้านเป็นระยะๆ บ้านหลังนี้คือที่เกิดของคุณพ่อของผม ผมจึงผูกพันกับบ้านหลังนี้มาก สมัยเด็กๆผมมาวิ่งเล่นที่นี่ทุกวันหยุด เพราะมีต้นไม้เยอะมากมาแล้วมีความสุข
บ้านหลังนี้ปิดมานาน 40 ปี แต่มีสภาพดีมาก ที่สำคัญคือกระดานปูพื้นแผ่นใหญ่กว่าหนึ่งศอก เสาบ้านยังดีมาก ฝาบ้านที่เป็นไม้ก็มีสภาพดีมากๆ พี่อั๋ยใช้เวลาบูรณะนานไหมครับ กว่าจะมีสภาพเช่นนี้ แล้วบ้านหลังนี้ถูกใช้ประโยชน์อะไรบ้างครับ
คุณดลชัย : บ้านหลังนี้ทำจากไม้สักเนื้อดีแม้จะถูกปล่อยทิ้งมานาน แต่บ้านยังอยู่ในสภาพดีมาก ผมและคุณพ่อเข้ามาดูบ้านอยู่เสมอๆเพราะกลัวว่าปลวกจะทำลายบ้าน โดยก่อนตัดสินใจเปลี่ยนโฉมบ้านเป็นบ้านยาหอม ผมแค่เข้ามาดูแลแล้วให้คนงานทำความสะอาดเท่านั้นไม่ได้ซ่อมแซมบ้านเลย ที่น่าสนใจคือเนื้อไม้ทั้งหมดยังดีมาก ไม่ถูกปลวกกิน บ้านหลังนี้เริ่มสร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 แต่เสร็จสมบูรณ์ในสมัยรัชกาลที่ 6สร้างเป็นทรงโคโลเนียล เมื่อผมตัดสินใจทำบ้านยาหอม ก็แค่เข้ามาทำความสะอาดแล้วติดเครื่องทำความเย็นเท่านั้น ไม่ได้ดัดแปลงตัวบ้านแม้แต่น้อย ผมตั้งใจเก็บทุกอย่างของบ้านนี้ไว้ให้เหมือนเดิม ในฐานะที่ผมเป็นนักสร้างแบรนด์ จึงสร้างแบรนด์บ้านยาหอมขึ้นมา โดยใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า Baan Ya Hom และเติมคำว่า Zantiis ซึ่งแปลว่าสันติเข้าไปด้วยถือว่าเป็นอีกแบรนด์หนึ่งของผม บ้านหลังนี้ถูกใช้งานหลายอย่างมาก เช่น เป็นร้านอาหารร้านกาแฟ สปา นวดแผนไทยโบราณ มีห้องสัมมนาสมบูรณ์แบบที่รับสมาชิกได้ 25 คนสามารถจัด private party ได้ด้วย มีร้านขายสินค้า Brand Bangkok Treasuresซึ่งผมสร้างแบรนด์นี้เอง มีทั้งผ้าพันคอ ผ้าคลุมไหล่กระเป๋าสารพัดชนิด แต่ทั้งหมดมีลวดลายที่บ่งบอกความเป็นไทยผสมกับความทันสมัยใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน สรุปว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้าน Multi Functions ใช้ได้สารพัดประโยชน์ ผมอยากให้บ้านยาหอมเป็น oasis ของคนกรุงเทพฯ อยากเห็นที่นี่เป็นสถานที่ชุบพลังชีวิตให้กับผู้คน เพราะเรามีอาหารอร่อย มีกาแฟหอมอร่อย มีขนมเค้กอร่อย และขนมไทยอร่อยไว้บริการ ทั้งหมดถือได้ว่าเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของไทยด้วย ผมเป็นคนชอบกินอาหารไทย จึงนำสูตรอาหารไทยของครอบครัวสมัยคุณย่าคุณยายและคนใกล้ชิดมาไว้ที่นี่ อาหารบางอย่างก็มาจาก ณดล วิลลา จากน้ำตกเจ็ดสาวน้อยมวกเหล็ก สระบุรี อาหารบางอย่างก็คิดขึ้นมาเองโดยฝีมือของแม่ครัวของเราซึ่งเป็นคนปักษ์ใต้อาหารของเราจึงมีอาหารภาคกลาง ภาคใต้อาหารชาววัง และอาหารไทยรสชาติดั้งเดิมแบบโบราณ และยังมีเครื่องหอมทำเป็นผลิตภัณฑ์ beauty care แบรนด์สุคนธะ (Sukonta) ทำจากสมุนไพรที่มีกลิ่นหอมช่วยขจัดความเครียดในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี ผมเองเชื่อมั่นในรากของความเป็นไทยเพราะมันคือมรดกสำคัญของคนไทย เรามีรากเหง้าที่ดีอยู่แล้ว เราจึงต้องต่อยอดให้พัฒนามากยิ่งขึ้น ให้สามารถเข้ากับยุคสมัยใหม่ได้ลงตัว ผมจึงต้องการทำให้บ้านหลังนี้เป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างความเก่าแบบคลาสสิกกับวิถีชีวิตสมัยใหม่ ผมเชื่อมั่นในรากของความเป็นไทย แต่ต้องทันสมัยโดยคงความเป็นไทยและความเป็นเอเชียด้วย อยากให้เป็นแบรนด์ตัวแทนของประเทศไทย
พี่อั๋ยพูดถึงหนังสือชื่อ สายสุคนธะ สุคนธะ แปลว่า เครื่องหอม ความหอม หนังสือเล่มนี้พี่อั๋ยเขียนขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์อะไรครับ
คุณดลชัย : ผมจงใจตั้งชื่อ สายสุคนธะ เพราะตระกูลบุณยะรัตเวชเกี่ยวพันกับเครื่องหอมเป็นเครื่องหอมด้านสมุนไพร เช่น ยาหอมน้ำยาอุทัย และยาโบราณที่มีกลิ่นหอมทั้งหลาย กลิ่นหอมมีผลในการช่วยดูแลสุขภาพของผู้คนได้ ส่วนคุณป้าของผมทำธูปหอมมงคล ส่วนตัวผมทำผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเครื่องหอมมันเหมือนมีความชอบเครื่องหอมอยู่ในสายเลือดของตระกูลเรา ผมคิดว่าเมื่อเปิดบ้านยาหอมแล้ว ก็ต้องมี story ของบ้านหลังนี้ และ storyของหมอยา 5 แผ่นดิน ซึ่งเรามีตัวบุคคลจริงๆใน story คุณทวดผู้หญิงของผม คือคุณทวดเทพเป็นผู้ดำเนินเรื่อง ส่วนผมคือผู้เล่าเหตุการณ์หนังสือเล่มนี้สอดแทรกเกร็ดความรู้ด้านสมุนไพรต่างๆ ว่ามีสรรพคุณรักษาโรคใดบ้าง หนังสือเล่มนี้ทำให้ผู้อ่านได้รับความรู้ว่าบ้านยาหอมมันมีความเป็นมาอย่างไร รู้ ประวัติแพทย์แผนไทยตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 ผมใช้เวลาค้นคว้าประมาณ2 ปี กว่าจะออกมาเป็นเล่มสมบูรณ์แบบ ต้องหารูปเก่าๆ ที่ทรงคุณค่ามาประกอบ ขอบอกว่าหนังสือน่าอ่านมาก ภาพเก่าๆ เหล่านี้ผมต้องไปถ่ายจากพิพิธภัณฑ์เจ้าพระยาอภัยภูเบศร เพราะคุณปู่มอบเครื่องมือและอุปกรณ์ผลิตยาหอมทั้งหมดให้กับอภัยภูเบศร์หลังจากเราปิดโรงงาน
กลับมาชวนคุณถึงอาหารอร่อยในบ้านยาหอมอีกครั้ง เมนูอะไรเด็ดที่สุดครับ และ ได้ข่าวว่าวันเสาร์ อาทิตย์ คนไปที่บ้านยาหอมมากจนไม่มีที่นั่ง
คุณดลชัย เมนูดังก็เช่น ไข่พะโล้ น้ำพริกมะขาม ต้มจิ๋ว หรือแกงโบราณที่มีลักษณะกึ่งๆต้มยำคล้ายต้มส้ม ไข่เจียวห่อหมก ส่วนขนมไทยก็มีมากมาย เช่น ตะโก้ ส่วนขนมฝรั่งก็บลูเบอร์รี่ชีสพาย และแอปเปิ้ลครัมเบิ้ล (AppleCrumble) สูตรคุณแม่ของผม (คุณหญิงมาลัยวัลย์ บุณยะรัตเวช) ผมอยากให้บ้านยาหอมเป็นสถานที่ที่เมื่อใครก็ตามที่ได้เข้ามาแล้วมีความรู้สึกเหมือนบ้านของตัวเอง เป็นที่สบายๆ ของทุกคน ผมจึงขอให้ทุกคนถอดรองเท้าก่อนเข้าในตัวบ้าน เพราะปกติคนไทยเมื่อเข้าบ้านก็ต้องถอดรองเท้าก่อน ส่วนชั้นสองของบ้าน ผมตั้งใจทำเป็นพิพิธภัณฑ์เล็กๆ นำเสนอตำนานสมุนไพร และเรื่องราวของบรรพบุรุษของผม ต้นตระกูลผมคือคนจีนที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในสมัยรัชกาลที่ 3 มาขายสมุนไพรแถวๆ คลองโอ่งอ่างแล้วมีลูกชื่อคุณปู่ทวดเดช แล้วมีลูกชื่อคุณปู่ทวดบุญรอด ท่านเกิดปีม้า ท่านจึงตั้งชื่อยาหอมสุคนธโอสถ ตราม้า ท่านมีลูกชายชื่อคุณปู่ขุนทรง เป็นแพทย์เสือป่าสมัยรัชกาลที่ 6 เป็นผู้ได้รับนามสกุลพระราชทานว่าบุณยะรัตเวช แล้วท่านมีลูกคือคุณพ่อของผมแล้วก็มาเป็นผม เรียกได้ว่าเป็นตระกูลหมอยาส่วนตราม้ามาเกิดในยุครัชกาลที่ 5 ผมใช้พื้นที่ทุกจุดในบ้านหลังนี้ทำประโยชน์ได้มากมาย เพราะทุกจุดมีความเป็นมา มีประวัติศาสตร์ เช่น บ่อน้ำเก่า ผมก็ปรับใช้ทำเป็นน้ำพุโดยใต้น้ำพุคือบ่อบาดาลเก่า ตรงนี้ทำเป็นมุมกาแฟ บ้านหลังนี้เดิมทางสีเขียว ใช้เป็นโรงงานส่วนบ้านหลังข้างๆ คือตึกเหลือง เป็นของครอบครัวบุณยะรัตเวช เรือนเขียวเป็นเรือนหอคุณปู่คุณย่า และเป็นโรงงานผลิตยาหอม ส่วนตึกเหลืองคือสำนักงาน หลังบ้านเป็นโรงโม่ยา ใต้ต้นมะม่วงหน้าบ้านคือสถานที่พิมพ์ฉลากยา สมัยเด็กๆ ผมมาวิ่งเล่นที่นี่ประจำ ยังจำกลิ่นพิมเสน กลิ่นชะมดเช็ดกลิ่นสมุนไพรต่างๆ ได้ดีมาก ดังนั้นของตกแต่งในบ้านหลังนี้จึงมีทั้งตู้ยา ลิ้นชักยา โหลยาตราชั่งโบราณ และเครื่องบดยา ดังนั้นทุกมุมของบ้านหลังนี้จึงมีประวัติศาสตร์ทั้งสิ้นมีเรื่องเล่าทุกมุม ส่วนที่ถามว่าหากมาวันเสาร์อาทิตย์จะมีที่นั่งหรือไม่ ก็ต้องบอกว่าขอให้จองที่นั่งมาก่อนนะครับ เพราะบ้านหลังไม่ใหญ่มากนัก ที่นั่งจำกัด ที่จอดรถก็จำกัดครับ จองที่นั่งมาก่อนนะครับ
พี่อั๋ยอยากจะฝากอะไรถึงคนมีบ้านเก่าแต่ไม่รู้จะรักษาไว้อย่างไรบ้างครับ บางคนบอกว่าบ้านเก่าดูแลยาก เลยรื้อทิ้งไปจนเกือบหาบ้านเก่าที่งดงามได้ยากมากในยุคนี้
คุณดลชัย : ขอบอกแค่ว่าขอให้คิดให้ดีก่อนจะรื้อบ้านเก่าทิ้งไป ผมเชื่อในความรักความผูกพัน ถ้าเรารักสิ่งใด เราจะหวงแหนสิ่งนั้นบ้านเก่ามีคุณค่ามาก มีประวัติศาสตร์ มีรากเหง้า ถ้าเราไม่รัก เราจะไม่เก็บรักษาไว้ เพราะเราไม่ผูกพันกับบ้านหลังนั้น ผมขอให้มองให้ลึกก่อน เปิดใจให้กว้าง อย่าคิดลบ แล้วจะเห็นคุณค่าของบ้านเก่า บ้านเก่ามี story มีศิลปะซึ่งหาไม่ได้ในยุคนี้ แค่ไม้เก่าๆ แผ่นหนึ่งก็ทรงคุณค่ามากมาย บ้านเก่านั้นสามารถซ่อมแซมได้ ขอให้ศึกษาบ้านหลังนั้นก่อนจะตัดสินใจรื้อทำลาย ทุกอย่างเป็นไปได้เสมอหากเรามีความรักให้กับสิ่งนั้นๆ เราสามารถปรับปรุงบ้านเก่าให้นำมาใช้ประโยชน์ได้จริงในชีวิตยุคปัจจุบัน เราต้องดูว่าสิ่งใดสามารถคงเอาไว้ให้เหมือนเดิม และสิ่งใดต้องดัดแปลงปรับปรุง เราต้องมีความละเอียดอ่อนกับความคลาสสิกของบ้านเก่ากับการปรับปรุงเพื่อให้บ้านหลังนั้นสามารถใช้ประโยชน์ได้แท้จริงในยุคปัจจุบัน เราสามารถทำให้บ้านในยุครัชกาลที่ 5 กลายเป็นบ้านที่เราสามารถอาศัยอยู่ได้จริงเช่น ติดแอร์ได้หากจำเป็นต้องติดแอร์เพื่อให้อยู่ได้สบายมากขึ้น อย่าลืมว่าเราทุกคนมีรากเหง้าเมื่อเราศึกษารากเหง้าจนเข้าใจดีแล้ว เราจะสามารถก้าวเดินต่อไปได้อย่างมั่นคง เราจะภาคภูมิใจกับรากเหง้าของเรา และภาคภูมิใจในชาติบ้านเมืองของเราด้วย
คุณจะได้พบกับรายการดีที่ครบครันด้วยสาระและความบันเทิง รายการแนวหน้าวาไรตี้ ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา16.00-16.25 น. ทางโทรทัศน์ TNN 2ช่อง 784 ดิจิทัลทีวี หรือ True Visions 8 และชมรายการ ย้อนหลังได้ที่ YouTube แนวหน้าวาไรตี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี