วันพุธ ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ผู้หญิง
เราต้องสอนตัวเองและลูกหลานให้เข้าใจการหา ใช้ และเก็บเงิน เพราะมันคืออนาคตครอบครัวเรา

เราต้องสอนตัวเองและลูกหลานให้เข้าใจการหา ใช้ และเก็บเงิน เพราะมันคืออนาคตครอบครัวเรา

วันเสาร์ ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2563, 15.21 น.
Tag : การใช้เงิน การออม คุณค่าของเงิน ออม
  •  

วินัยทางการเงินเป็นสิ่งสำคัญมากต้องปลูกฝังตั้งแต่เล็ก ต้องสอนให้ลูกหลานรู้จักค่าของเงิน และต้องสอนให้เขารู้ว่าการจะได้เงินมานั้น เราต้องทำงานสุจริต และวางแผนอนาคตด้านการเงินได้ 

แนวหน้าวาไรตี้สัปดาห์นี้ ดร.เฉลิมชัย ยอดมาลัย ชวนคุณไปสนทนากับ คุณวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมบัวหลวง นักการเงินผู้สามารถพูดเรื่องเงินๆ ทองๆ ให้ผู้คนทั่วไปเข้าใจได้แสนง่าย และยังเป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจให้คนทั่วไปรู้จักความสำคัญของการออม


สังคมไทยมีปัญหาใหญ่เรื่องหนึ่งคือปัญหาการออม น่าแปลกนะครับที่สังคมพยายามสอนให้คนของเราออม เช่น มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท แต่เรื่องนี้ก็ไม่เคยประสบผลสำเร็จในวงกว้าง คุณวรวรรณช่วยวิเคราะห์ปัญหานี้ด้วยครับ 

คุณวรวรรณ : ปัญหานี้ใหญ่โตมโหฬารค่ะแต่หากจะพูดให้กำลังใจกันก่อน ก็ต้องบอกว่าไม่ใช่แค่สังคมไทยเท่านั้นที่มีปัญหาการออม แต่มีปัญหาทั่วโลกก็ว่าได้ค่ะ บางประเทศหนักกว่าไทยอีก(หัวเราะ) โดยรวมแล้วอาจพูดได้ว่าคนทั่วโลกมีความรู้ด้านการเงินที่น่าเป็นห่วงมาก คือไม่มีความรู้ด้านการเงิน ซึ่งหากจะพูดให้ดูรุนแรงก็คือแย่หรือโง่ในเรื่องนี้กันเกือบทั้งโลก ดังนั้นประเทศไทยจึงไม่ได้โดดเดี่ยวในปัญหานี้ แต่ก็ต้องแก้ปัญหานี้ให้ได้เพราะหากเราปล่อยไว้เช่นนี้ ทุกอย่างในสังคมโลกใบนี้จะเลวร้ายจนไม่สามารถแก้ไขได้

ผมชอบคำอบรมของผู้ใหญ่ที่สอนลูกหลานว่า จงกินเมื่อหิว อย่ากินเมื่ออยาก เรื่องนี้สะท้อนการออมไหมครับ 

คุณวรวรรณ : น่าสนใจนะคะ แต่พี่เป็นพวกอยากเมื่อไรก็กิน (หัวเราะ) ซึ่งก็ไม่ดีนะคะแต่เราก็ต้องรู้จักประมาณตัวเองว่า เราต้องกินแต่พอควร ไม่ใช่กินพร่ำเพรื่อ ไม่มีเวล่ำเวลา  

ผมสังเกตเห็นว่า เด็กไทยจำนวนไม่น้อยในยุคนี้กินได้ทั้งวัน ร้องกินตลอดเวลา ทั้งๆ ที่ของกินยังคาอยู่ในมือ แต่ก็ร้องกินของอื่นๆ อีก แต่ที่แย่คือกินของเดิมไม่หมด ก็จะร้องกินของใหม่ แล้วพ่อแม่ปู่ยาตายายบางคนก็ตามใจเด็ก แบบนี้จะทำให้เด็กโตขึ้นแล้วมีปัญหาการใช้เงินหรือไม่ครับ 

คุณวรวรรณ : ใช่ค่ะ นี่คือปัญหาอย่างหนึ่งที่เราเห็นกันบ่อยๆ ในสังคมเรา การมีพฤติกรรมเช่นนี้ การกินการใช้ที่ไม่สมเหตุสมผลจะทำให้เกิดปัญหาด้านการเงินสำหรับคนเช่นนั้น และจะทำให้เกิดปัญหาหนี้สินขึ้นมาได้ เพราะหากไม่สอนให้เด็กรู้จักการใช้เงินเพื่อกินเพื่ออยู่ตั้งแต่เขายังเล็กโตขึ้นเขาจะไม่เห็นค่าของเงิน เรื่องนี่โทษเด็กไม่ได้ต้องตำหนิผู้ปกครองเด็ก พ่อแม่ผู้ปกครองต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูกๆ ต้องสอนให้เขาเข้าใจด้วยคำพูดง่ายๆ ด้วยการกระทำให้เขาเห็นชัดอย่าสอนแบบให้เขาท่องหนังสือ เพราะเขาไม่เข้าใจหรอก พี่เองในสมัยก่อนก็เป็นแบบนี้ เคยโง่เรื่องนี้มาก่อน สมัยเริ่มทำงานใหม่ๆ ก็ใช้เงินไม่ค่อยคิดไม่เคยเก็บสตางค์ มันก็จึงเหนื่อยมากเวลาเงินไม่พอใช้

มีข้อแนะนำอย่างไรสำหรับคนที่ใช้บัตรเครดิตแบบไม่บันยะบันยัง โดยเฉพาะพวกเบิกเงินสดจากบัตรเครดิตมาใช้จนเต็มวงเงินของบัตรเครดิตทุกใบที่มี 

คุณวรวรรณ : บัตรเครดิตนั้น หากใช้เป็นเราก็ได้ประโยชน์นะคะ แต่หากใช้ไม่เป็นก็จะมีปัญหามากค่ะ ตัวอย่างที่เห็นกันทุกวันคือทุกครั้งที่เราใช้บัตรเครดิตซื้อสินค้าอะไรก็ตามเพียงหลังจากนั้นไม่เกิน 10 นาที ก็จะมี SMSไปหาผู้ใช้บัตร เสนอเงื่อนไขให้คุณผ่อนชำระ3 เดือนบ้าง 6 เดือนบ้าง โดยเสียดอกเบี้ยร้อยละ 20 โอ๊ย! จะบ้าไปแล้ว ดอกเบี้ยร้อยละ 20แต่ก็มีคนหลงกลยอมจ่ายดอกเบี้ยนะคะ (หัวเราะ)และสุดท้ายก็เจอดอกเบี้ยท่วมตัว คนเราเป็นหนี้ได้แต่ต้องเป็นหนี้ที่จำเป็นจริงๆ ทุกครั้งที่เราสร้างหนี้เราต้องคิดด้วยว่าเราต้องใช้หนี้ไปจนกว่าจะใช้หมดต้องคิดด้วยว่าหนี้ในวันนี้จะมีผลอะไรกับชีวิตของเราในวันข้างหน้า คนจำนวนไม่น้อยใช้หนี้จนไม่มีเงินเหลือติดตัว ไม่ต้องรอจนเก็บจนเฒ่าดูง่ายๆ จากคนทำงาน office หลายคนมีหนี้สินมากมาย ใช้บัตรเครดิตจนเต็มวงเงินทุกใบ แล้วก็เบิกเงินจากบัตรใบนั้นไปใช้หนี้บัตรใบนี้ วนไปวนมาจนหนี้มหาศาล สุดท้ายต้องลาออกจากงาน เพื่อหวังจะได้เงินก้อนจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพไปใช้หนี้ ก็เท่ากับนำเงินอนาคตไปใช้จนไม่มีเงินเหลืออีก แล้วจะอยู่อย่างไรได้ แบบนี้เกิดปัญหาตามมาแน่นอน

ผมสงสัยว่าเหตุใดระบบการศึกษาไทยไม่สอนเรื่องการเงินพื้นฐานให้นักเรียนของเราตั้งแต่ระดับชั้นประถม เมื่อไม่มีการปลูกฝังอบรมในเรื่องนี้ก็ทำให้คนไทยไม่เข้าใจ และไม่สนใจเรื่องสำคัญนี้ ขอเรียนถามคุณวรวรรณว่าสังคมไทยจะมีโอกาสให้ความรู้ด้านการเงินกับนักเรียนตั้งแต่ชั้นประถมหรือไม่ครับ 

คุณวรวรรณ : โอกาสมีเสมอค่ะ ล่าสุดกลุ่มของพวกเรากำลังทำเรื่องนี้ โดยร่วมกับตลาดเงินตลาดทุน เพื่อให้ความรู้ด้านการเงินกับประชาชน และกับเด็ก ๆ เราคงไม่เข้าไปก้าวก่ายกับงานของรัฐบาล แต่เราจะดำเนินการด้วยคนในภาคการเงิน เรามีหลักสูตรให้ความรู้เรื่องนี้ตั้งแต่ระดับเริ่มต้นไปจนถึงขั้นก้าวหน้า เราดำเนินเรื่องนี้มาระยะหนึ่งแล้ว มีการประชุมหารือ ทำหลักสูตร และมีตัวชี้วัดความเข้าใจของผู้อบรม และมีตัวชี้วัดผลการดำเนินการด้วย หลักสูตรนี้คงจะให้ความรู้ความเข้าใจที่ชัดเจนเป็นรูปธรรมกับผู้เข้ารับการอบรมได้ และจะเกิดประโยชน์กับครอบครัวในสังคมไทย เราพยายามทำเรื่องนี้ให้น่าสนใจ น่าติดตาม และเข้าใจง่าย เรียนรู้ง่าย โดยเฉพาะในยุคที่คนไม่สนใจการอ่าน ก็ยิ่งต้องทำให้เขาเข้าใจเรื่องได้ง่ายและเร็วที่สุด

ผมเคยคุยกับเด็กนักเรียนที่ทำงานหารายได้พิเศษ เขารู้จักคุณค่าของเงินมาก เขาบอกว่าเงินที่ได้มานั้นได้มายาก ก็จึงต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง แต่พ่อแม่บางคนไม่สนับสนุนให้ลูกทำงานพิเศษ โดยอ้างว่ากลัวว่าลูกจะเหนื่อยไม่มีเวลาอ่านหนังสือ หรือกลัวลูกจะอายเพื่อน คุณวรวรรณมองเรื่องนี้อย่างไรครับ น่าอายหรือครับ 

คุณวรวรรณ : จริงๆ แล้วมันเกิดมาจากพ่อแม่นั่นแหละอาย แต่อ้างลูก จริงๆ พ่อแม่ต้องสอนให้ลูกรู้ค่าของเงิน รู้ว่าต้องทำงานสุจริตเพื่อให้ได้เงินมาเลี้ยงชีพ พี่ย้ำว่าพ่อแม่ต้องไม่เห็นแก่ตัว ต้องไม่สอนลูกผิดๆสำหรับพี่นั้นไม่เคยสอนให้ลูกฟุ่มเฟือย พี่สอนเขาตั้งแต่เขาเด็กๆ สอนแบบคุยกันง่ายๆ สอนแบบเล่านิทาน พอเขาอ่านออกเขียนได้ ก็ให้เขาเขียนป้ายสี เช่น ป้าย 2 อัน อันแรกเขียนสิ่งของที่อยากได้ ใช้เงินเท่าไร แล้วบอกว่าถ้าลูกช่วยแม่ล้างจาน ลูกจะได้เงินตอบแทนกี่บาท ป้ายอันต่อมาคือ ให้เขาเขียนว่าอยากไปเที่ยวที่ไหน ใช้เงินเท่าไร ถ้าลูกช่วยแม่กวาดขยะใบไม้ในบ้าน จะได้เงินตอบแทนเท่าไร แบบนี้ลูกจะรู้ว่าคนเราได้เงินมาจากการทำงาน เขาจะเข้าใจง่ายกว่าการสอนแบบท่องจำ เมื่อเด็กสัมผัสได้จริง แล้วเห็นผลจริง เขาจะทำด้วยความสมัครใจ ไม่ใช่เพราะถูกบังคับ แล้วก็ต้องสอนให้เขาไม่อายเรื่องการทำงานสุจริตเพื่อให้ได้เงิน ไม่ต้องไปอัดความรู้ด้านทฤษฎีกับเด็กเล็ก เพราะเขาไม่รับหรอก เขาเด็กเกินไป แล้วเราต้องให้เขาเห็นของจริงด้วย เพราะยุคนี้ใน social media นำเสนอเรื่องราวต่างๆ ของคนดังทั้งหลาย เช่น พวกดาราฮอลลีวู้ดที่ใช้ชีวิตหรูหรามาก แต่สุดท้ายกลายเป็นคนล้มละลายติดยาเสพติด หนี้สินรุงรัง เราเอา storyเหล่านี้มาสอนเขา ให้เขาเห็นของจริง เขาจะเข้าใจได้ง่าย แต่เราต้องขยันสื่อสารกับลูกบ่อยๆ โดยเอาของจริงมาสอนเขา 

พ่อแม่จำนวนไม่น้อยอ้างว่า ไม่มีเวลาสอนลูก เพราะต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินให้ลูก จะแนะนำคนกลุ่มนี้อย่างไรครับ 

คุณวรวรรณ : คำว่าไม่มีเวลาให้ลูกเป็นคำน่ารังเกียจมาก คุณไม่สามารถพูดคำว่าไม่มีเวลาให้ลูกได้ เรามีเขาแล้ว เราต้องมีเวลาให้เขาให้ได้ ทุกคนทำงานหนักทั้งนั้นแหละแต่จะอ้างไม่มีเวลาให้ลูกไม่ได้ พ่อแม่ต้องจัดสรรเวลาให้ลูกให้ได้ ต้องมีเวลาคุยกับลูก ให้ความรักกับลูก อบรมสั่งสอนลูก ต้องคุยเรื่องการเงินกับลูกเสมอๆ ต้องบอกเขาว่าครอบครัวเรามีทรัพย์สิน หนี้สินเท่าไร คุยแบบเปิดอกกับลูก แสดงให้ลูกเห็นชัดๆ ว่า เดือนๆ หนึ่งมีรายได้เท่าไร ใช้จ่ายเท่าไร ค่าใช้จ่ายแต่ละคนเท่าไร มีรายจ่ายจรอื่นๆ อะไรบ้างมีรายได้จรอื่นๆ บ้างไหม ผ่อนบ้าน ผ่อนรถยนต์ค่าซ่อมบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าใช้จ่ายอื่นๆค่าบัตรเครดิต ค่าประกัน สรุปเป็นบัญชีรับจ่ายรายเดือน แล้วแสดงให้เห็นว่ารับมากกว่าจ่ายหรือจ่ายมากกว่ารับ เมื่อลูกรับรู้หนี้สิน ทรัพย์สินแล้ว เราต้องสอนเขาต่อไปว่าอะไรที่ลดรายจ่ายได้ เพราะการลดรายจ่ายทำได้ง่ายกว่าการหารายได้เพิ่ม เมื่อพ่อแม่และลูกเห็นบัญชีแล้ว ก็จะได้ช่วยกันวางแผนการเงินได้ ช่วยกันคิดว่าจะหารายได้เพิ่มจากตรงไหน ลดรายจ่ายจากตรงไหน คนเราสามารถลดรายจ่ายได้ เช่น ดูว่าสามารถลดค่าเสริมสวยลงได้ไหม ลดค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยอะไรได้บ้าง ลดค่าสังสรรค์เที่ยวเตร่แบบไม่เกิดประโยชน์ลงได้บ้างไหม เมื่อเราเห็นรายจ่ายแล้ว เราจะรู้ทันทีว่าอะไรลดได้ แล้วเราจะมีเงินเหลือ เรื่องแบบนี้ทำได้ง่ายมาก ลองทำดูแล้วจะรู้ว่าเราลดรายจ่ายได้จริงๆ

ก่อนลากันในวันนี้ อยากฝากข้อคิดอะไรถึงเด็กและเยาวชนยุคนี้บ้างครับ 

คุณวรวรรณ : เด็กคือผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า ผู้ใหญ่ต้องเข้าใจว่าเด็กคืออนาคตของชาติ เด็กต้องวางแผนอนาคตของตัวเองและของประเทศชาติได้อย่างเหมาะสม เราคนแก่ อีกไม่นานเราก็จากโลกนี้ไป แต่เด็กต้องรับผิดชอบต่อ เขาต้องออกแบบอนาคตทุกเรื่องด้วยตัวของเขาเอง แค่อยากจะเตือนไว้ว่า ก่อนจะทำอะไร ก็ขอให้คิดให้ดีสักนิด ดูก่อนว่าสิ่งที่จะทำนั้นผิดกฎหมายหรือไม่ ทำในสิ่งที่เหมาะที่ควรหรือไม่ เด็กยุคนี้มีอิสระเสรีมากมาย แต่ก็ต้องรู้ขอบเขตด้วย หากหลงไปทำอะไรที่เกินขอบเขตของกฎหมายแล้ว ขอให้รู้ไว้ว่าจะมีผลเสียต่ออนาคตของตนเอง เพราะประวัติการทำผิดกฎหมายจะถูกบันทึกไว้ทั้งหมด เด็กๆ บางคนอาจไม่คิดถึงวันข้างหน้ามากนัก แต่ขอย้ำว่าต้องคิดด้วยนะคะ พี่ไม่อยากให้เด็กถูกบันทึกประวัติที่เลวร้ายจากการกระทำของพวกเขาเอง แต่ก็ไม่ห้ามบันทึกประวัติเลวๆ สำหรับพวกเด็กใจหยาบนะคะ แต่พี่ยังหวังเหมือนเดิมว่าเด็กคืออนาคตของชาติ เราที่เป็นคนแก่ในวันนี้ก็ผ่านวัยเด็กมาแล้ว เราอาจเคยทำอะไรบ้าๆ บอๆ ในสายตาคนแก่ยุคก่อนเรา คนแก่อย่างเราอาจถูกพ่อแม่ปู่ยาตายายดุว่ามาแล้วว่าไร้สาระ แต่เราก็ฟังคำสั่งสอนเหล่านั้นเสมอ แม้จะไม่เชื่อมากนักก็ตาม แต่เราก็รู้ว่าพ่อแม่ปู่ยาตายายหวังดีกับเรา พี่ขอย้ำว่าเด็กๆต้องไม่ทำในสิ่งที่ไม่ผ่านการไตร่ตรอง ต้องไม่ทำตามแฟชั่นบ้าๆ บอๆ อย่าทำเพราะอยากเด่นอยากดังพี่สนับสนุนให้เด็กๆ ทำในสิ่งเป็นประโยชน์ต่อตัวเขาและต่อสังคมส่วนรวม หากเด็กทำเรื่องเหล่านี้ พี่ตู่จะลงไปร่วมสนับสนุนเด็กโดยทันที ขอให้รู้ว่าตอนนี้ยังเป็นนักเรียน มีหน้าที่อะไร ก็ขอให้ตั้งใจทำให้ดีที่สุด เอาไว้เมื่อผ่านวัยนักเรียนแล้ว สามารถรับผิดชอบตัวเองได้แล้ว อยากทำอะไรก็เชิญตามสบายขอให้มีความรับผิดชอบต่อตัวเองและต่อสังคมก็พอแล้ว

คุณจะได้พบกับรายการดีที่ครบครันด้วยสาระและความบันเทิง รายการแนวหน้าวาไรตี้ ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 16.00-16.25 น. ทางโทรทัศน์ TNN 2 ช่อง 784 ดิจิทัลทีวี หรือ True Visions 8 และชมรายการ ย้อนหลังได้ที่ YouTube แนวหน้าวาไรตี้

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

'สว.นันทนา’ติง‘วุฒิสภา’ชงอภิปรายปม‘ชายเเดนไทย-กัมพูชา’เรื่องละเอียดอ่อนมากๆ

ฉีกปฏิญญาช็อกมินต์! ‘ภูมิธรรม’พลิ้วบอกไม่มีคุยแบ่งกระทรวง โวเขี่ย‘ภท.’ไร้ผลกระทบ

‘นันทนา’ตีฆ้องคิกออฟโมงยาม เริ่มต้นการจัดทำ‘รัฐธรรมนูญ’ใหม่

อัศจอรอหันการันต์ยอ! 'น้าหงา'ซัด'ภูมิใจไทย-เพื่อไทย'ห้ำหั่นแย่งเก้าอี้ เมินชายแดนตึงเครียด

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved