เซ็นทรัลร่วมกับหลายหน่วยงานร่วมชมโครงการสระน้ำไร่นาประชารัฐสามัคคี เกษตรอินทรีย์ วิถีสุรินทร์ 4.0
ด้วยปัญหาภัยแล้งและการขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร โดยเฉพาะในเขตพื้นที่อีสานตอนล่าง กลุ่มเซ็นทรัล โดยโครงการเพื่อสังคม “เซ็นทรัล ทำ” จึงร่วมมือกับผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน ร่วมดำเนิน โครงการ “สระน้ำไร่นาประชารัฐสามัคคี เกษตรอินทรีย์ วิถีสุรินทร์ 4.0”หรือ “โคก หนอง นา โมเดล” ซึ่งเป็นการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล ในการแก้ปัญหาภัยแล้งและการขาดแคลนแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมจากผลกระทบของโควิด-19 ภายใต้การขับเคลื่อนของกระทรวงมหาดไทย
พิชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหาร กลุ่มเซ็นทรัล กล่าวว่า เพื่อพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ให้กับเกษตรกรไทย กลุ่มเซ็นทรัลได้ ร่วมสนับสนุนงบประมาณแก่ทางจังหวัดสุรินทร์ ในการขุดสระน้ำเพื่อการเพาะปลูก ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาชุมชน สังคมและสิ่งแวดล้อมภายใต้โครงการเพื่อสังคมหลักของกลุ่มเซ็นทรัล “เซ็นทรัล ทำ”- ทำด้วยกัน ทำด้วยใจ ในพื้นที่เป้าหมายเบื้องต้นจำนวน 15 สระให้แก่เกษตรกรในตำบลหนองสนิทอำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์ และจะขยายผลโครงการนี้ไปยังพื้นที่ในจังหวัดอื่นๆ ในอนาคต
ไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์, พิชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหาร กลุ่มเซ็นทรัล
นอกจากนี้ กลุ่มเซ็นทรัล และทีมท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต ได้ร่วมลงพื้นที่แปลงเพาะปลูกและวางแผนการผลิตร่วมกัน กับกลุ่มเกษตรกรของ สหกรณ์การเกษตรพืชผักอินทรีย์หนองสนิท จำกัด มีสมาชิก 96 ครัวเรือน แบ่งเป็น 6 กลุ่ม พื้นที่ในการปลูก 60 ไร่ซึ่งได้รับมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ไทย (Organic Thailand) โดยทางกลุ่มมีการวางแผนการผลิตพืชผักร่วมกับทีมท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต อย่างเป็นระบบ สลับผลัดเปลี่ยนผลผลิตหมุนเวียนกันทั้ง 6 กลุ่ม เพื่อให้ผลผลิตตรงกับความต้องการของตลาด สะดวกในการควบคุมแมลงศัตรูพืช ทำให้ได้ผลผลิตมีคุณภาพจำหน่ายได้ราคาดี เช่น ฝรั่งพันธุ์หวานพิรุณ แก้วมังกรเนื้อม่วงและเนื้อเหลือง ถั่วฝักยาวสีม่วงพันธุ์ราชมงคลข้าวโพดพันธุ์พื้นบ้าน แตงโมช้างแสดเนื้อส้ม และผักพื้นบ้านต่างๆ ซึ่งขณะนี้ทางกลุ่มเซ็นทรัล ได้ให้เกษตรกรนำผลผลิตเข้าไปจำหน่ายที่ ตลาดจริงใจ Farmers’ Market สาขาสุรินทร์ ในท็อปส์ มาร์เก็ต และเมื่อกลุ่มเกษตรกร มีความพร้อมมากขึ้นก็จะนำผลผลิตเข้าไปจำหน่ายใน ท็อปส์
ซูเปอร์มาร์เก็ต สาขาอื่นๆ และธุรกิจในเครือของกลุ่มเซ็นทรัล อีกด้วย
ไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า โครงการ “สระน้ำไร่นาประชารัฐสามัคคี เกษตรอินทรีย์ วิถีสุรินทร์ 4.0” เป็นการบริหารจัดการการใช้ประโยชน์ในที่ดินของเกษตรกรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยการทำ “เกษตรทฤษฎีใหม่” ตามแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร ภายใต้แนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยมีการแบ่งพื้นที่สัดส่วน “30.30.30.10”ได้แก่ พื้นที่สำหรับแหล่งน้ำ 30% พื้นที่ดินเพื่อเป็นที่นาปลูกข้าว 30%พื้นที่ดินสำหรับปลูกพืชผัก สมุนไพร ไม้ผล ไม้เศรษฐกิจ “ป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง” 30% และ พื้นที่ดินสำหรับสร้างที่อยู่อาศัยและเลี้ยงสัตว์ 10% ทั้งนี้โครงการดังกล่าว เป็นการบูรณาการความร่วมมือทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ในลักษณะ “ประชารัฐสามัคคี”เริ่มต้นจากการสำรวจความต้องการแหล่งน้ำขนาดใหญ่ในไร่นาของเกษตรกร แล้วดำเนินการขุดสระน้ำในไร่นาในรูปแบบ “โคก หนอง นา โมเดล” โดยได้รับการสนับสนุนค่าน้ำมันเชื้อเพลิงจากกลุ่มเซ็นทรัล ภาคเอกชน และภาคประชาชน ผ่านการจัดกิจกรรมผ้าป่าสามัคคี “น้ำใจน้ำมันปันสุข” ทั้งนี้ เมื่อเกษตรกรที่ได้รับสระน้ำแล้ว จะต้องพัฒนาพื้นที่ให้เป็นศูนย์เรียนรู้ หรือแปลงตัวอย่างด้านการทำเกษตรแบบผสมผสาน เพื่อแบบอย่างแก่เกษตรกรรายอื่น หรือประชาชนทั่วไปที่สนใจเป็นระยะเวลา 5 ปี
นอกจากนี้ กลุ่มเซ็นทรัล ยังจะต่อยอดพัฒนาชุมชนเกษตรอินทรีย์บ้านสำโรง ตำบลหนองสนิทอำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์ ให้เป็น “ศูนย์การเรียนรู้ต้นแบบด้านเกษตรอินทรีย์ การจัดการสิ่งแวดล้อม และแหล่งท่องเที่ยววิถีชุมชน” เพื่อสร้างรายได้เพิ่มแก่เกษตรกร ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรไทยในชนบทและคนในชุมชนให้ดีขึ้นอย่างมั่นคงและยั่งยืน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี